ก่อนอื่นคงต้องเอาข้อมูลช่วงอายุของคนแต่ละ Gen มาปูพื้นกันก่อนตามนี้ครับ (ที่มา : รายการกรรมกรข่าว)
ภาพนี้บอกอะไรกับเรา?
คน Gen Baby Boomer หรือคนที่มีอายุ 60-79 ปีเกษียณอายุแล้วทั้งหมดตั้งแต่สิ้นปี
2567 เป็นต้นมา ในขณะที่ตั้งแต่ 1 มกราคม
2568 เป็นต้นไปก็จะเป็นปีแรกเกิดของคน Gen Beta
แล้วเรื่องนี้สำคัญยังไงกับคนทำงาน?
ก็ตอบได้ว่าเราจะเหลือคนทำงานในระบบเพียง
3 Gen
คือ Gen X, Y และ Z ซึ่งอยู่ในวัยทำงานประมาณ
33 ล้านคน
ผลจากการเกษียณของ
Baby
Boomer ย่อมมีผลกระทบต่อวัฒนธรรมองค์กรที่เคย Build กันมาในยุคเก่าก่อนที่มักจะกำหนดขึ้นมาโดยความต้องการของคนรุ่นเก่าและกำหนด
(หรือบังคับ) ให้คนรุ่นต่อ ๆ มาต้องทำตามค่านิยม (Core Value) หรือวัฒนธรรมองค์กร (Corporate Culture) ที่ผู้อาวุโสวางเอาไว้
แต่เมื่อเวลาเปลี่ยน
ตัวคนเปลี่ยน ผู้อาวุโสเกษียณไปจนหมดแล้ว แถมสถานการณ์และสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปจากยุคหลังสงครามโลกครั้งที่
2 มาสู่ยุคของ AI ครองโลกจึงเกิดคำถามตามมาว่า
คน (รุ่นใหม่) จะเป็นคน Renovate วัฒนธรรมองค์กรเสียใหม่ให้เข้ากับตัวเองและยุคสมัย หรือจะยังยอมปรับตัวเองให้เข้ากับวัฒนธรรมองค์กรตามที่คนรุ่นเก่า
(ที่เกษียณไปหมดแล้ว) วางเอาไว้?
แม้อาจจะมีคนบอกว่า
Gen X
ก็ยังมีกลิ่นอายของ Baby Boomer อยู่ก็น่าจะยังรักษาขนบธรรมเนียมเดิมเอาไว้ได้บ้างล่ะน่า
แต่ต้องไม่ลืมว่า Gen X ก็มีโจทย์ที่ท้าทายคือจะรักษาคนทำงานที่มีคุณภาพเอาไว้ยังไงให้อยู่กับองค์กรให้นานกว่าค่าเฉลี่ยที่นับวันจะลดลงไปเรื่อย
ๆ
ถ้า
Gen X
จะยังยืนยันการบริหารโดยใช้กฎ 3 คือคือ 1.
หัวหน้าถูกเสมอ 2. ถ้าไม่แน่ใจว่าหัวหน้าถูกหรือไม่ให้กลับไปดูข้อ
1 และ 3. ให้ปฏิบัติตามข้อ 1 และข้อ 2 อย่างเคร่งครัด เหมือนยุคที่ Gen
Baby Boomer สั่งมาโดยไม่รับฟังความคิดเห็นของคน Gen Y และGen Z จะรักษาคนรุ่นใหม่ให้อยู่กับองค์กรได้หรือไม่
หรือควรจะเปิดใจพร้อมรับความเปลี่ยนแปลงเพื่อหาทางทำงานร่วมกันกับคนรุ่นใหม่ให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมยุคสมัยที่เปลี่ยนไป
อย่างไหนจะดีกว่ากัน
เรื่องนี้คงจุดประกายความคิดให้กับ
HR และคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้บ้างแล้วนะครับ
..........................