มีคำถามอย่างนี้มาจากคนที่สงสัยน่ะครับและถามต่อมาว่า “ทำไมเห็นในผลสำรวจค่าจ้างเงินเดือนเขาแบ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ไทล์
(Percentile) แล้วทำไมกระบอกเงินเดือนถึงไม่แบ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ไทล์ล่ะ?”
ผมเลยขอทำตัวอย่างมาให้ดูจะได้เข้าใจอย่างนี้ครับ
สมมุติว่าในกระบอกเงินเดือนหนึ่งมีโครงสร้างเงินเดือนคือมี Min=10,000
บาท Max=20,000 บาท
เราจะแบ่งกระบอกเงินเดือนนี้ออกเป็น 4 ส่วนโดยการนำ Max-Min
หาร 4 ตามตัวอย่างข้างต้นจะได้เท่ากับ 2,500
บาท
ให้นำ
2,500
บวก Min (คือ 10,000) ดังนั้นช่วงแรกหรือควอไทล์
(Quartile) ที่1 ของกระบอกนี้คือ
เงินเดือนตั้งแต่ 10,000 ถึง 12,500 บาท
จากนั้นเราก็นำ
2,500
บวกต่อไปอีกคือ 12,500+2,500=15,000 บาท
นั่นคือ Quartile ที่2 ของกระบอกนี้ก็จะเริ่มตั้งแต่
12,501 ถึง 15,000 บาท แล้วก็นำ 2,500
บวก 15,000 เราจะได้ Quartile ที่3 เท่ากับ 15,001 ถึง 17,500
บาท และทำแบบเดียวกันนี้เราจะได้ Quartile ที่4
คือ 17,501 ถึง 20,000 บาท
เมื่อเข้าใจวิธีการหา
Quartile
เพื่อแบ่งกระบอกเงินเดือนเป็นสี่ส่วนแล้ว
จากรูปท่านก็จะเห็นได้ว่าการแบ่งเป็นสี่ส่วนนี้ในแต่ละ Quartile เป็นช่วงที่ไม่แคบและไม่กว้างมากจนเกินไปเหมาะกับการนำมาวิเคราะห์การจ่ายเงินเดือนจริง
(Actual Salary) ของพนักงานใน Job Grade (หรือในกระบอกเงินเดือน) นั้น ๆ
เช่น
ถ้าค่าเฉลี่ยของการจ่ายเงินเดือนจริงพนักงานในกระบอกเงินเดือนนี้อยู่ที่ 11,200 บาท ก็แสดงว่าในปัจจุบันบริษัทของเรามีการจ่าย Actual Paid ที่ต่ำมากไปสักหน่อยเมื่อเทียบกับตลาด เพราะตลาดเขาจ่ายกันอยู่แถว ๆ
ค่ากลาง (Midpoint) คือแถว ๆ 15,000 บาท ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ก็อาจจะทำให้พนักงานที่มีความรู้ความสามารถในกระบอกเงินเดือนนี้
(หรือใน Job Grade นี้)
ลาออกเพื่อไปหางานใหม่ที่ได้เงินเดือนสูงกว่านี้เนื่องจากบริษัทจ่ายต่ำกว่าตลาด (Under
Paid) มากเกินไป บริษัทจึงควรหาวิธีบริหารจัดการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาเรื่องนี้
เป็นต้น
รายละเอียดเพิ่มเติมแนะนำให้ท่านไปดาวน์โหลดเอกสารที่ผมแจกฟรีคือ
“ความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างเงินเดือนแบบง่าย ๆ” และหนังสือ
“การประเมินค่างานและการทำโครงสร้างเงินเดือน(ภาคปฏิบัติ)” ได้ที่.... http://tamrongsakk.blogspot.com
จะได้เข้าใจในเรื่องนี้ได้ตรงกันนะครับ
คราวนี้ถ้าหากเราจะแบ่งกระบอกเงินเดือนตามตัวอย่างข้างต้นเป็นแบบ
Percentile คือแบ่งกระบอกเงินเดือนเป็น 100 ส่วน (ระบบ Percent คือการแสดงสัดส่วนต่อร้อย) เราก็ทำในวิธีเดียวกันกับข้างต้นตอนแบ่งกระบอกเงินเดือนออกเป็น
4 ส่วน แต่ตัวหารจะเปลี่ยนจาก 4 เป็น 100
นั่นคือ Max-Min
หาร 100 ก็จะได้ดังนี้ 20,000-10,000 หาร 100=100 นั่นคือกระบอกเงินเดือนนี้จะแบ่งเป็น 100
ส่วน เช่น....
Percentile1 = 10,000 ถึง
10,100 Percentile2 = 10,101 ถึง 10,200 Percentile3
= 10,201 ถึง 10,300
ทำอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จนถึง
Percentile100 ซึ่งจะเห็นได้ว่ามันจะละเอียดยิบย่อยมากจนเกินไป
และเมื่อนำ Percentile มาเปรียบเทียบกับ Quartile
ในกระบอกเงินเดือนแล้ว Quartile1 ก็คือ Percentile25
หรือ Quartile2 ก็คือ Percentile50 หรือ Quartile3 ก็คือ Percentile75 นั่นเองครับ
อาจจะมีคนสงสัยถามมาอีกว่า
“ถ้าแบ่งเป็น 100 ส่วนเยอะไป
แล้วแบ่งเป็น 10 ส่วนจะได้ไหม?”
คำตอบของผมคือ “ได้ครับ”
แต่มันก็ยังเยอะไปในความเห็นของผมถ้าจะแบ่งเป็น 10 ส่วนก็คงไม่ผิดหรอกแต่ไม่มีใครเขาทำกัน
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงนิยมแบ่งกระบอกเงินเดือนออกเป็น
4 ส่วนจึงเหมาะสมมากที่สุดครับ
ถ้าจะถามว่าการแบ่งกระบอกเงินเดือนเป็น 4 Quartile จะเกิดประโยชน์อะไรในการบริหารจัดการโครงสร้างเงินเดือนบ้าง ตอนต่อไปผมจะมาเล่าให้ฟังนะครับ
…………………………….