ผมเริ่มรู้จักและใช้อีเมล์เป็นครั้งแรกในปี 2534 ตอนนั้นทำงานเป็น Com & Ben Manager อยู่ที่ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ประเทศไทย ถ้าใครทำงานในองค์กรไทย ๆ ผมเชื่อว่าน่าจะยังไม่มีอีเมล์ใช้ติดต่อสื่อสารกันภายในองค์กร ในสมัยนั้นยังไม่มี Yahoo Hotmail Gmail เหมือนทุกวันนี้นะครับ เพราะอินเตอร์เน็ตในบ้านเราแบบที่ใช้กันในปัจจุบันยังไม่เกิด จึงแน่นอนว่าไม่มีอีเมล์ใช้กันแพร่หลายเหมือนทุกวันนี้
การใช้อีเมล์จึงเป็นการสื่อสารภายในธนาคารชาร์เตอร์ดในช่วงที่ผมทำงานในสมัยนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องแปลกใหม่มากสำหรับผมที่มาจากองค์กรไทย
ๆ ที่ยังสื่อสารกันด้วยการใช้พิมพ์ดีดส่งจดหมายกันอยู่ ผมรู้สึกว่ามันไฮเทคและว้าวเป็นครั้งที่สองหลังจากการว้าวครั้งแรกหลังจากที่ผมได้ใช้เครื่อง
PC
(Personal Computer) ของ IBM รุ่น XT เมื่อปี 2527
เพราะผมสามารถจะติดต่อสื่อสารกับ
Group
HR ที่ลอนดอน หรือติดต่อกับ Regional HR ที่สิงคโปร์และฮ่องกงได้โดยทางอีเมล์ลดความสิ้นเปลืองการใช้โทรศัพท์ทางไกลระหว่างประเทศ
แถมมีลายลักษณ์อักษรในการติดต่องานที่ชัดเจนเอาไว้อ้างอิงได้ เพราะการติดต่อทางโทรศัพท์จะไม่มีอะไรอ้างอิงได้
(ยุคนั้นยังไม่มีการอัดเสียงเพื่อเอามาแฉกันแบบในยุคปัจจุบันนะครับ)
คราวนี้เรามาพูดกันถึงเรื่องที่ผมจั่วหัวเอาไว้คือจากวันนั้นถึงวันนี้คือเวลาที่เราจะส่งอีเมล์ก็จะต้องใส่
Address
ของปลายทาง และจะมีตัวเลือกเพิ่มเติมคือ Cc และ
Bcc
Cc (Carbon
Copy) คือเราต้องการจะส่งก๊อปปี้อีเมล์ฉบับนี้อย่างเปิดเผยและรู้กันทั้งวงว่าจะส่งไปให้ใครบ้าง
ส่วน Bcc (Blind Carbon Copy) คือผู้ส่งต้องการจะส่งก๊อปปี้อีเมล์ฉบับนี้ไปแบบลับ
ๆ ไปให้ผู้รับโดยไม่ให้คนอื่นรู้ บางคนอาจจะเรียกวิธี Bcc ว่าวิธีแทงข้างหลัง
หรือการฟ้องแบบแอบ ๆ ก็ว่ากันไป
เคยสงสัยไหมครับว่าทำไมถึงใช้คำว่า Cc หรือคำเต็มคือ
Carbon Copy มาจากไหน?
จากที่เคยคุยกันมาเป็นเรื่องแปลกแต่จริงว่าคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะคน
Gen Y
ตอนปลายหรือ Gen Z หลายคนยังไม่รู้ว่าทำไมถึงใช้คำว่า
Carbon Copy ผมก็เลยขอนำเอาเรื่องนี้มาเล่าสู่กันฟังอีกครั้ง
ถ้าใครรู้แล้วก็เลื่อนผ่านไปก็แล้วกันนะครับ
ในสมัยที่เรายังใช้พิมพ์ดีดอยู่
ถ้าใครเคยใช้พิมพ์ดีดคงจะจำได้ว่าเราจะต้องสอดกระดาษเข้าไปในลูกยางแล้วหมุนให้กระดาษตรงกับตำแหน่งที่เราต้องการจะพิมพ์
แล้วจึงพิมพ์ดีดข้อความลงไป
แต่ถ้าเราต้องการให้มี
“สำเนา” ก็ต้องใส่กระดาษ 2
แผ่นแล้วใส่แผ่นคาร์บอนกั้นเอาไว้ เวลาที่พิมพ์ดีดลงไปที่แผ่นแรกก็จะทำให้กระดาษแผ่นที่สองถูกทำสำเนาเอาไว้เหมือนกับแผ่นแรกเพราะตัวอักษรที่ตีลงไปที่แผ่นแรกจะแรงพอที่จะทำให้หมึกคาร์บอนประทับอยู่บนกระดาษแผ่นที่สอง
จึงทำให้ข้อความของกระดาษทั้งสองแผ่นเหมือนกัน
ก็เลยกลายเป็นที่มาของคำว่า
Carbon
Copy หรือย่อว่า Cc จากวันนั้นจนถึงวันนี้
และก็เลยนำมาใช้ในอีเมล์ในเวลาต่อมาครับ
คน
Gen
BB กับ Gen X คงจะอ่านแล้วผ่านไป
แต่เชื่อว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับ Gen Y ตอนปลายและ Gen
Z จะได้เอาไว้เล่าให้ Gen Alpha กับ Beta
รู้ว่า Cc มาจากไหน
แต่ก็ไม่แน่ว่าอีเมล์ยังจะอยู่ต่อไปได้อีกนานไหมเพราะรูปแบบการสื่อสารในองค์กรยุคนี้ก็มีหลาย
Application
เข้ามาเป็นทางเลือกให้ใช้ และในที่สุด Cc ก็อาจจะหายไปกลายเป็นตำนานการสื่อสารในยุคเก่าตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไปก็เป็นไปได้นะครับ