วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2554

Employee Engagement

บทนำ

            เมื่อองค์กรรับคนเข้ามาทำงานคงต้องมีความคาดหวังเหมือนกันอยู่เรื่องหนึ่งคือคาดหวังที่จะให้คนที่เข้ามาร่วมงานมีคุณสมบัติตรงตามลักษณะงานในตำแหน่งงานนั้น ๆ และอยู่กับองค์กรไปนาน ๆ พร้อม ๆ กับมีศักยภาพที่จะเติบโตไปพร้อมกับองค์กรในอนาคตได้

ในยุคปัจจุบันนี้การหาคนว่ายากแล้ว การรักษาคนไว้กับองค์กรยิ่งยากกว่า ! ลองมาดูกันสิครับว่าเราจะมีวิธีการรักษาคนไว้ให้อยู่กับองค์กรกันอย่างบ้าง

แนวทางการเสริมสร้างความผูกพันของคนต่อองค์กร

1.      ได้ทำงานกับผู้นำที่มีความน่าเคารพศรัทธา (Working for admired leaders) แน่นอนว่าใครก็คงอยากจะได้หัวหน้างานที่มีความน่าเลื่อมใส น่าเคารพศรัทธา สามารถไหว้ได้โดยสนิทใจ ไม่ต้องไปคิดตะขิดตะขวงใจทีหลังใช่ไหมครับ ลองหันกลับมาสำรวจตัวผู้บังคับบัญชาในแต่ละระดับดูสิครับว่าได้ประพฤติปฏิบัติตนให้เป็นแบบอย่าง (Role Model) ให้ลูกน้องเลื่อมใสศรัทธา เชื่อถือไว้วางใจมากน้อยแค่ไหน เพราะใครก็อยากจะอยู่กับหัวหน้าที่เป็นคนดีและเก่งจริงไหมครับ

2.      มีสัมพันธภาพในการทำงานที่ดีกับคนรอบข้าง (Having positive working Relationships) ในเรื่องนี้ผมเห็นในหลายองค์กรก็มักจะจัดให้พนักงานมีกิจกรรมร่วมกันทั้งในงาน (เช่น การจัดฝึกอบรม, การประชุม, การสัมมนา ฯลฯ) และนอกงาน เช่น  การจัดตั้งชมรม, กิจกรรมสาธารณประโยชน์, การไปทำบุญร่วมกันของพนักงานกับบริษัท, การจัดงานเลี้ยงต่าง ๆ , การจัดแข่งกีฬาภายใน ฯลฯ ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จะมีส่วนช่วยให้เกิดความผูกพันในระหว่างคนในองค์กรได้เป็นอย่างดี

3.      ได้ทำงานที่สำคัญและมีความหมาย (Doing meaningful work) คงไม่มีใครที่อยากทำงานที่ใคร ๆ ก็ไม่เห็นคุณค่า หรือมองไม่เห็นความสำคัญ เพราะจิตวิทยาเบื้องต้นของมนุษย์คือความต้องการเป็นคนสำคัญอยู่เสมอ พนักงานหลายคนยังไม่ลาออกจากองค์กรก็เพราะยังได้ทำงานที่เขามีส่วนร่วมในงานสำคัญ ๆ ซึ่งผู้บริหารที่เข้าใจหลักการนี้ก็จะมอบหมายงานที่ท้าทายและมีความสำคัญเพื่อผูกใจพนักงานไว้กับงานครับ

4.      ได้รับการยอมรับและชื่นชมจากองค์กร (Recognition and appreciation) เมื่อพนักงานคนใดทำงานสำคัญ ๆ (จากข้อ 3) จนประสบความสำเร็จแล้วก็เป็นเรื่องที่องค์กรควรจะต้องหาวิธีการในการให้การยอมรับและชื่นชม ที่ผมเห็นมาในหลายองค์กรอาจจะจัดทำในรูปของ Dinner Talk โดยเชิญผู้บริหารมาเข้าร่วมฟัง Success Story ของพนักงานที่ทำงานสำคัญ ๆ จนกระทั่งประสบความสำเร็จ พร้อมทั้งมีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ความคิดเห็นเพื่อต่อยอดของความรู้จากภายในหรือที่เรียกกันว่า “Deep Smart” จากพนักงานคนนั้น ซึ่งถือเป็นการทำ Knowledge Sharing ในองค์กรได้เป็นอย่างดี เรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยนะครับ

5.      สามารถสร้างความสมดุลในตัวเองได้ดี (Living a balanced life) ในเรื่องนี้คงจะต้องเป็นการสร้างร่วมกันระหว่างตัวคน และองค์กร นั่นคือตัวคนเองก็จะต้องมีการจัดสมดุลระหว่างชีวิตการทำงาน (Working Life) กับชีวิตส่วนตัว (Home Life) ให้ดีอย่าให้ล้ำกันมากเกินไป ในขณะที่องค์กรก็จะต้องไม่มีนโยบายที่จะ รีด ผลงานออกมาจากคนจนเกิดลิมิต เช่น ให้ทำล่วงเวลาต่อเนื่องโดยมีค่าล่วงเวลาเข้าล่อใจต่อต่อกันเป็นปี ๆ จนกระทั่งพนักงานเกิดความล้าจนกรอบและเสียสมดุลจนต้องลาออกจากงานไปในที่สุด

6.      ได้รับการสอนงานและสนับสนุน (Coaching and work support) ผมยังยืนยันว่าเครื่องมือในการพัฒนาพนักงานที่ดีที่สุดก็คือ “การสอนงาน” และคนที่จะเป็นครูสอนงานได้ดีที่สุดก็คือ “หัวหน้างาน” ในทุกระดับนั่นแหละครับ หากพนักงานทำงานแล้วได้รับการสอนงาน ได้เรียนรู้จากหัวหน้างานอย่างต่อเนื่องแล้วย่อมจะเกิดความผูกพันในองค์กรและตัวบุคคล ซึ่งถ้าเขาจะลาออกจากองค์กรก็คงต้องคิดหนักนะครับว่าไปที่ใหม่จะได้รับการสอนงานแบบนี้หรือไม่

7.      ได้มีส่วนร่วมในเรื่องต่าง ๆ (Getting involvement) องค์กรของท่านเคยเปิดโอกาสให้พนักงานได้มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมต่าง ๆ หรือเปิดโอกาสให้เขาได้แสดงความคิดเห็น เสนอแนะเรื่องดี ๆ ต่าง ๆ บ้างหรือไม่ครับ เช่น การเปิดโอกาสให้เขามีส่วนร่วมในการเสนอแนะรูปแบบการจัดงานปีใหม่ของบริษัทหรือส่งให้เขาเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการจัดงานเสียเลย เพื่อที่จะได้ผูกเขาไว้กับงานที่เขามีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ เหล่านี้บ้างยังไงล่ะครับ

8.       มีการสื่อสารที่ดีในองค์กร (Communication) เรื่องการสื่อสารนี่เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญนะครับ ซึ่งคุยกันได้อีกเป็นวัน ๆ เช่นเดียวกัน แต่กล่าวโดยสรุปก็คือหากมีการสื่อสารแบบสองทาง โดยเปิดโอกาสให้พนักงานได้มีการซักถาม หรือมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ อย่างชัดเจนแล้ว ก็จะลดความไม่เข้าใจซึ่งกันและกันลง และจะมีผลให้คนมีความผูกพันกับองค์กรในที่สุดครับ

9.      มีระบบการประเมินผลการปฏิบัติงานที่เป็นธรรม (Measuring with fair system) มีหลายคนที่ผมรู้จักตัดสินใจลาออก หรือขอย้ายตัวเองหลังจากพบว่าเขาไม่ได้รับความเป็นธรรมจากหัวหน้าในการประเมินผลงาน ทำให้องค์กรต้องเสียคนดีคนเก่งไปอย่างน่าเสียดาย สำหรับปัญหานี้ผมเชื่อว่าองค์กรหลายแห่งก็คงเคยประสบมาแล้วเช่นเดียวกัน ซึ่งระบบการประเมินผลการปฏิบัติงานในปัจจุบันเราก็คงจะได้ยินว่ามีการนำระบบดัชนีชี้วัดหลัก (Key Performance Indicators – KPIs) เข้ามาใช้กันในหลายองค์กรแล้ว โดยวิธีการวัดผลการปฏิบัติงานดังกล่าวก็จะมีส่วนช่วยลดปัญหาการประเมินผลการปฏิบัติงานโดยมีอคติจากหัวหน้างานลงได้ ดังนั้นในองค์กรที่อยากจะรักษาคนไว้ควรจะต้องให้ความสำคัญในการกำหนดมาตรฐานของงานตลอดจนดัชนีหรือตัวชี้วัดเป้าหมายในการทำงานของคนในตำแหน่งงานต่าง ๆ ให้ชัดเจนเป็นที่เข้าใจตรงกันทั้งผู้ประเมินและผู้ถูกประเมิน เพื่อสร้างความเข้าใจที่ตรงกันและลดการลาออกของพนักงานที่เก่งและดีด้วยนะครับ

10.  ได้รับโอกาสให้มีการพัฒนาและก้าวหน้าในองค์กร (Giving opportunity for advancement and professional development) ทุกคนที่ทำงานย่อมต้องอยากที่จะเจริญเติบโตก้าวหน้าไปในสายอาชีพการงานที่ตนทำงานอยู่ในอนาคต คงไม่มีใครอยากจะอยู่เป็น พนักงานอมตะ เป็นขวัญใจของพนักงานรุ่นหลัง ๆ เป็นแน่ ดังนั้นองค์กรควรจะมีการกำหนดสายความก้าวหน้าให้กับพนักงานในตำแหน่งงานต่าง ๆ พร้อมทั้งกำหนดวิธีการพัฒนาพนักงานอย่างชัดเจน และเป็นรูปธรรมเพื่อสร้างโอกาสความก้าวหน้าให้กับพนักงานโดยไม่ทิ้งองค์กรไปด้วยเหตุผลว่า “ขาดความก้าวหน้า” ยังไงล่ะครับ

11.  มีการแจ้งขอบเขตหน้าที่และความคาดหวังในงานอย่างชัดเจน (Clear job expectations) ในยุคปัจจุบันมีเครื่องมือยอดนิยมที่หลายองค์กรนำมาใช้แล้วนั่นก็คือ Competencyนั่นเอง หากองค์กรใดพัฒนาระบบ Competency และนำมาใช้แล้ว ก็ย่อมจะสามารถแจ้งถึงคุณสมบัติหรือ Competency ในตำแหน่งงานต่าง ๆ ให้กับผู้ปฏิบัติได้ทราบตลอดจนมีการประเมินเพื่อหาแนวทางในการพัฒนาสมรรถนะความสามารถของพนักงานแต่ละรายได้อย่างเป็นระบบชัดเจน เมื่อมีการแจ้งขอบเขตหน้าที่หรือ Competency ของงานให้ผู้ปฏิบัติได้รับทราบชัดเจนแล้วก็จะทำให้ผู้ปฏิบัติเข้าใจความคาดหวังจากองค์กรหรือหัวหน้างานและทำงานได้ถูกทิศทางดียิ่งขึ้น

12.  มีเครื่องมือเครื่องใช้ในการทำงานอย่างเพียงพอเหมาะสมตามหน้าที่และความรับผิดชอบ (Adequate tools to complete work responsibilities) เรื่องนี้ฟังแล้วดูเหมือนเป็นเรื่องพื้นฐานเลยนะครับ แต่เป็นความจริงที่ผมพบเห็นอยู่ไม่น้อยเหมือนกันที่ผู้ปฏิบัติงานอึดอัดใจที่ขาดเครื่องมือเครื่องใช้อุปกรณ์การทำงาน ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ หลายองค์กรนอกจากไม่ออกค่าใช้จ่ายให้แล้วยังปล่อยให้พนักงานต้องรับผิดชอบค่าโทรศัพท์ในส่วนที่ใช้ในงานบริษัทด้วยอีก แล้วอย่างนี้จะทำให้คนรู้สึกผูกพันกับองค์กรหรือให้เขาเกิดความรู้สึกดี ๆ ได้อย่างไรล่ะครับ

            จากที่ผมได้เล่ามาทั้งหมดนี้คงจะเป็นข้อคิดสำหรับท่านในการนำไปทบทวนดูว่าในองค์กรของท่านได้สร้างความผูกพันที่ดีเพื่อให้คนที่เก่งและดีอยากจะอยู่กับเราไปแล้วในเรื่องใดบ้าง และในเรื่องใดที่จะต้องดำเนินการต่อเพื่อธำรงรักษาบุคลากรที่มีค่าเหล่านี้เอาไว้ให้เป็นกำลังสำคัญสำหรับองค์กรของท่านต่อไปในอนาคต

.............................................

ธำรงศักดิ์ คงคาสวัสดิ์
081-846-2525