ปกติการเลื่อนตำแหน่งพนักงานก็มักจะเป็นไปตามสเต็ปเช่น เลื่อนจากเจ้าหน้าที่เป็น Supervisor หรือจาก Supervisor เป็น Manager ก็จะเป็นการเลื่อนตำแหน่งไปตามหลักเกณฑ์ตามปกติของบริษัท
แต่ถ้าต้องการจะ Promote พนักงานแบบข้ามขั้น
เช่น ถ้าพนักงานมีความสามารถมาก ๆ แบบข้ามสเต็ปจากพนักงานเป็น Manager ล่ะควรทำไงดี ?
ผมก็ขอเล่าสู่กันฟังอย่างนี้ครับ
1. กำหนดหลักเกณฑ์ให้ชัดเจน
: HR ควรกำหนดหลักเกณฑ์การเลื่อนตำแหน่งให้ชัดเจนเสียก่อนว่าในการเลื่อนตำแหน่งนั้นสำหรับพนักงานทั่วไปนั้นบริษัทจะพิจารณาอะไรบ้าง
เช่น อายุงานในตำแหน่งก่อนที่จะเลื่อนขึ้นไปจะต้องไม่น้อยกว่า....ปี,
มีผลการปฏิบัติงานย้อนหลังเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าเกรด......., จะต้องจบคุณวุฒิอะไร, จะต้องมีวันลา (ป่วย, สาย, ลา, ขาดงานต่าง ๆ )
ไม่เกินที่บริษัทกำหนด, ไม่ถูกลงโทษทางวินัยหรือถูกตักเตือนเป็นหนังสือในปีที่ผ่านมา,
จะต้องผ่านการทดสอบปฏิบัติ.........ตามเกณฑ์ที่บริษัทกำหนด ฯลฯ
ซึ่งผมมักจะพบว่าในหลายบริษัทไม่เคยมีหลักเกณฑ์ในการเลื่อนตำแหน่งอย่างที่ผมบอกมา
2. ควรพิจารณาการเลื่อนตำแหน่งในรูปคณะกรรมการ :
ที่บริษัทเดิมที่ผมเคยทำงานจะมีคณะกรรมการเรียกว่า “คณะกรรมการพัฒนาพนักงาน”
ประกอบด้วย MD (หรือ CEO) เป็นประธานและมีผู้บริหารที่
MD แต่งตั้งเป็นคณะกรรมการ แล้วก็มีผู้จัดการฝ่าย HR เป็นกรรมการและเลขานุการ
ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้จะมีหน้าที่ในการพิจารณาเลื่อนตำแหน่ง, โยกย้ายพนักงาน,
การให้รักษาการในตำแหน่ง, ให้พ้นจากรักษาการในตำแหน่ง
โดยจะพิจารณาจากข้อมูลที่ทางฝ่าย HR จัดเตรียมไว้ให้
3. มีหลักเกณฑ์การเลื่อนตำแหน่งแบบ
Fast Track : กรณีที่บริษัทจะ Promote แบบข้ามขั้น
(หรือ Fast Track)
ยกตัวอย่าง เช่นบริษัทจะ Promote วิศวกรให้ไปเป็น
Section Manager ได้เลยโดยไม่ต้องผ่านการเป็น Supervisor
นี่แหละครับ บริษัทควรมีหลักเกณฑ์การ Promote แบบ
Fast Track ที่ชัดเจน
และเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการพัฒนาพนักงานที่จะร่วมกันพิจารณาความเหมาะสมตามคุณสมบัติของวิศวกรคนดังกล่าว
ถ้ายังไม่แน่ใจคณะกรรมการอาจจะมีมติให้วิศวกรคนนี้ทดลองปฏิบัติหน้าที่
Section Manager 3-6 เดือนซึ่งมักจะเรียกว่าให้ไป “รักษาการ”
ในตำแหน่งนั้นดูก่อน ถ้าหากทำได้คณะกรรมการก็จะประชุมลงมติให้ปลด (หรือพ้น)
รักษาการและให้ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง Section Manager ต่อไป
แล้วบริษัทจะมีการปรับเงินเดือนเนื่องจากเลื่อนตำแหน่ง, จะให้ค่าตำแหน่ง หรือให้สิทธิประโยชน์สวัสดิการอื่น ๆ
ก็จะได้หลังจากปลดรักษาการแล้วตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
แต่ถ้าไม่ผ่านรักษาการก็จะกลับมาปฏิบัติหน้าที่วิศวกรตามเดิม
ซึ่งระหว่างรักษาการจะยังไม่มีการปรับเงินหรือสิทธิประโยชน์ใด ๆ
4. นำเสนอ
Profile คนที่เป็น Talent ให้คณะกรรมการฯทราบล่วงหน้า
: ก่อนที่คณะกรรมการจะพิจารณาวิศวกรที่เป็น High Potential ตามข้อ
3 นั้น ทาง HR ควรจะนำเรื่องศักยภาพของวิศวกร
(รวมถึงพนักงานคนอื่น ๆ ที่เป็น Talent) เข้าที่ประชุมเพื่อให้คณะกรรมการรับทราบก่อนอย่างน้อย
1 ปี
เพื่อที่คณะกรรมการจะได้วางแผนหารือการปรับเงินเดือนเป็นกรณีพิเศษเพื่อรองรับการเลื่อนตำแหน่งแบบ
Fast Track สำหรับพนักงานกลุ่มนี้ในอนาคต
จะได้ไม่เกิดปัญหาในกรณีการปรับเงินเดือนเมื่อ Promote ให้เท่ากับ
Min ของ Section Manager จะทำให้ไม่มีการปรับเงินเดือนเมื่อ
Promote มากจนเกินไป
เล่ามาถึงตรงนี้ผมก็เชื่อว่าจะได้ไอเดียในการนำไปปรับใช้ในบริษัทของท่านได้แล้วนะครับ