วันศุกร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

ค่าครองชีพให้แล้วเอาคืนได้ไหม?

            คำถามนี้น่าคิดดีนะครับ....

เพราะค่าครองชีพ (Cost of Living Allowance หรือ COLA) ซึ่งคนที่ทำงาน HR ในยุคใหม่นี่อาจจะไม่ค่อยได้ยินคำนี้กันสักเท่าไหร่แล้ว เพราะเวลาผมพูดถึง “COLA” ทีไรแม้แต่คนที่ทำงาน HR รุ่นใหม่ ๆ บางคนยังเข้าใจว่าผมพูดถึงยี่ห้อน้ำอัดลมซะบ่อย ๆ ซึ่งที่จริงแล้วมันคือคำย่อของคำว่า “ค่าครองชีพ” นั่นเองครับ

กลับมาเข้าประเด็นนี้กันดีกว่าว่าค่าครองชีพหรือ COLA นี้น่ะถ้าบริษัทให้พนักงานไปแล้วเอาคืนได้ไหม ?

เพราะเคยได้ยินว่าสวัสดิการใดให้ลูกจ้างไปแล้วจะเรียกกลับคืนไม่ได้

คำตอบคือ “เอาคืนได้” ครับถ้า....

บริษัทของท่านระบุเงื่อนไขไว้ในประกาศ และชี้แจงให้พนักงานรับทราบไว้ให้ชัดเจนก่อนที่จะให้

เช่น “....ค่าครองชีพพิเศษนี้ บริษัทจัดให้กับพนักงานเพื่อบรรเทาภาระของพนักงานในระหว่างเกิดปัญหาราคาสินค้าในท้องตลาดเพิ่มสูงขึ้นผิดปกติจนทำให้ภาวะการครองชีพสูงตามไปด้วย บริษัทจึงต้องการบรรเทาความเดือดร้อนของพนักงานโดยจะจ่ายค่าครองชีพให้เป็นกรณีพิเศษคนละ......บาทต่อเดือนตั้งแต่วันที่.................ถึงวันที่...................”

แล้วประกาศแจ้งให้พนักงานได้รับทราบ รวมถึงควรจะให้พนักงานทุกคนได้เซ็นชื่อรับทราบประกาศและเงื่อนไขดังกล่าวเอาไว้ด้วย

ซึ่งกรณีนี้ก็มักจะเป็นการให้แบบเป็นช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งเพื่อช่วยเหลือพนักงานในวิกฤตการณ์ใดวิกฤตการณ์หนึ่ง เช่น น้ำท่วมหนักทรัพย์สินพนักงานเสียหาย, ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นสูงผิดปกติจนเป็นเหตุให้ค่าครองชีพสูงขึ้นในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง เป็นต้น

แต่ถ้าไม่ระบุเงื่อนไขในการสงวนสิทธิดังกล่าวไว้หรือไม่ระบุเงื่อนไขระยะเวลาในการให้ที่ชัดเจน แถมยังให้ COLA พิเศษอย่างนี้ติดต่อกันไปเป็นเวลานาน ๆ จนเป็นธรรมเนียมปฏิบัติในองค์กรกันแล้ว

หรือการไประบุไว้ในสัญญาจ้างงานว่า “บริษัทจะจ่ายค่าครองชีพรายเดือน ๆ ละ......บาท)” อย่างนี้แล้วล่ะก็จะกลายเป็นสภาพการจ้างที่เรียกคืนไม่ได้ครับ

คราวนี้ก็อยู่ที่นโยบายของฝ่ายบริหารแล้วล่ะครับว่าจะให้ตลอดไป หรือจะให้แบบมีเงื่อนไข

ถ้าจะถามว่าการให้ค่าครองชีพของบริษัทต่าง ๆ มักทำกันแบบไหน ?

ก็ตอบได้ว่าที่ผมเห็นมาคือจะให้แล้วให้เลยครับ เช่น บริษัทให้ค่าครองชีพพนักงานเดือนละ 1,000 บาท ก็จะให้ไปอย่างนี้ไปตลอดโดยไม่ได้ให้เป็นช่วงเวลาและเมื่อถึงเวลาที่กำหนดก็ไม่ได้จ่ายให้ต่อไปอีกอย่างที่บอกไว้ข้างต้น

ดังนั้นถ้าบริษัทไหนให้ค่าครองชีพแบบยาวตลอดก็ต้องทราบนะครับว่าค่าครองชีพที่จ่ายให้พนักงานอย่างนี้ก็คือ “ค่าจ้าง” ตามมาตรา 5 ของกฎหมายแรงงานที่จะต้องนำมาใช้เป็นฐานในการคำนวณสิทธิประโยชน์ของพนักงานเช่น ใช้เป็นฐานในการคำนวณค่าโอที, ค่าชดเชย, ค่าบอกกล่าวล่วงหน้า เป็นต้น 

ตรงนี้ผมก็เลยขอนำเอาหลักเกี่ยวกับการให้ค่าตอบแทนและสวัสดิการ 4 ข้อ มาทบทวนกันตรงนี้อีกครั้งคือ

1.      ก่อนให้คิดให้ดี เพราะ....

2.      ให้แล้วเอาคืนไม่ได้ (ถ้าพนักงานไม่ยินยอม)

3.      ให้ก่อนที่จะถูกเรียกร้อง

4.      ให้แล้วผู้รับรู้สึกว่าเป็นบุญคุณ (เพราะไม่งั้นการให้นั้นจะสูญเปล่า)

จริงหรือไม่ ใช่หรือเปล่าก็ลองคิดดูนะครับ

วันจันทร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

การปรับเงินเดือนเมื่อ Promote และการจ่ายค่าตำแหน่งควรจ่ายให้เมื่อไหร่

           ตอบได้อย่างนี้ครับ

1.      หลักที่ปฏิบัติกันทั่วไปคือ ถ้ามีการกำหนดให้พนักงานที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งต้องรักษาการหรือทดลองปฏิบัติหน้าที่เป็นระยะเวลาที่ตกลงกัน เช่น 3 เดือน หรือ 6 เดือน ในระยะเวลาที่รักษาการนี้พนักงานจะยังไม่ได้รับการปรับฐานเงินเดือนหรือยังไม่ได้รับค่าตำแหน่ง

2.      ตัวอย่างคำสั่งให้รักษาการก็เช่น “ให้นาย.....ผู้ช่วยผู้จัดการแผนก......ไปรักษาการในตำแหน่งผู้จัดการแผนก......เป็นเวลา 4 เดือนนับตั้งแต่วันที่......ถึงวันที่........”

ที่ยังไม่ปรับขึ้นเงินเดือนและยังไม่ให้ค่าตำแหน่งในช่วงรักษาการเพราะต้องมีการติดตามผลงานและประเมินว่าพนักงานจะสามารถทำงานรับผิดชอบในตำแหน่งที่สูงขึ้นไปได้หรือไม่ 

3.      ถ้าพนักงานไม่ผ่านรักษาการ บริษัทก็จะมีคำสั่งให้พนักงานดำรงตำแหน่งเดิม แต่ถ้าประเมินผลแล้วผ่านรักษาการ บริษัทก็จะมีประกาศแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งใหม่และการปรับเงินเดือนรวมถึงจ่ายค่าตำแหน่งให้ตั้งแต่วันที่แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งใหม่

4.      สาเหตุที่บริษัทจะปรับเงินเดือนและให้ค่าตำแหน่งเมื่อผ่านรักษาการก็เพราะถ้าบริษัทไปปรับขึ้นเงินเดือนและจ่ายค่าตำแหน่งให้ไปแล้ว พนักงานเกิดมือไม่ถึงหรือขาดความสามารถที่จะรับผิดชอบในตำแหน่งที่สูงขึ้นตามที่บริษัทคาดหวัง บริษัทจะไปลดเงินเดือนลงหรือเรียกค่าตำแหน่งคืนไม่ได้ (ถ้าพนักงานไม่ยินยอม) ซึ่งจะเป็นเรื่องดราม่าตามมาภายหลัง หลายบริษัทจึงปรับเงินเดือนขึ้นและให้ค่าตำแหน่งหลังจากผ่านรักษาการ

เชื่อว่าคงได้ไอเดียในการนำไปปรับใช้กันแล้วนะครับ

 

วันศุกร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

บริษัทควรปรับขึ้นเงินเดือนให้กับพนักงานที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งหรือไม่และมีหลักคิดในการปรับยังไง

 ตอบ :

1.      ถ้าว่ากันตามหลักความเสมอภาคและเป็นธรรม (Equal work equal pay) ก็ควรจะต้องปรับขึ้นเงินเดือนให้ตามหลัก เงินเดือน = P+C (P=Performance และ C=Competency) 

 เหตุผลคือเมื่อพนักงานมีทั้งผลงานที่ดี มีศักยภาพความสามารถมีความรู้มีทักษะมีคุณลักษณะภายในที่เหมาะกับงานและความรับผิดชอบในตำแหน่งที่มีค่างาน (Job Value) เพิ่มมากขึ้นก็ควรปรับขึ้นเงินเดือนเพื่อให้เกิดแรงจูงใจกับตัวพนักงาน 

 และยังเป็นการแสดงการยอมรับ (Recognition) ว่าฝ่ายบริหารเห็นความสำคัญในตัวพนักงานที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งนี้ที่ต้องรับผิดชอบเพิ่มมากขึ้น ถือเป็น Reward ตัวหนึ่งให้กับพนักงานที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง

 2.      การจะปรับเงินเดือนขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์ก็ต้องไปดูผลการสำรวจค่าตอบแทนว่าตลาดเขาปรับกันโดยเฉลี่ยอยู่เท่าไหร่ แล้วก็เอามาดูว่าบริษัทของเราควรจะปรับสักกี่เปอร์เซ็นต์ถึงจะแข่งขันได้และจูงใจคนถูก Promote 

 ไม่ควรกำหนดเปอร์เซ็นต์การปรับเงินเดือนเมื่อ Promote ขึ้นมาเองแบบมโนเอาเองนะครับ เพราะถ้าทำอย่างงั้นก็จะดูเป็นมวยวัดมากกว่าเป็น Com & Ben มืออาชีพ แถมยังจะตอบคำถามใครต่อใครไม่ได้ว่าทำไมถึงปรับขึ้นให้เท่านั้นเท่านี้เพราะอะไร จะตอบว่าพ่อปู่แม่ย่ามาดลใจก็คงดูไม่งามนัก

 น่าจะพอเป็นไอเดียให้กับคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ในการนำไปใช้หน้างานบ้างแล้วนะครับ

วันอาทิตย์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

เคยเจอ....บ้างไหม?

             อยู่ดี ๆ วันนี้ผมก็เกิดความคิดย้อนกลับไปคิดถึงคำถามในอดีตที่เคยมีคนถามผมเกี่ยวกับอาชีพวิทยากรขึ้นมาแว๊บนึง

ผมเคยไปบรรยาย Inhouse Training ตามสถานที่ต่าง ๆ แล้วต้องค้างคืนประเภท 2 วันหนึ่งคืน หรือบางคอร์สก็ 3 วัน 2 คืน ตามโรงแรม รีสอร์ทต่าง ๆ รวมทั้งหอพักพนักงานของบริษัทลูกค้า ซึ่งผมก็เจอสภาพของที่พักมาแทบทุกประเภทตั้งแต่ที่พักที่ดี สะอาดบรรยากาศดี ไปจนถึงห้องพักมีกลิ่นอับ มีแอร์เหมือนมีฮีทเตอร์ บางแห่งอยู่ในทำเลที่เปลี่ยว ห้องพักก็บรรยากาศทึม ๆ เพราะแสงสว่างในห้องน้อยบรรยากาศหลายแห่งก็เหมือนเรากำลังอยู่ในหนังเรื่องบุปผาราตรีประมาณนั้น

            ผมเชื่อว่าคนที่มีอาชีพวิทยากรอย่างผมก็คงต้องเจอบรรยากาศของที่พักทั้งดีและไม่ดีทำนองนี้กันมาบ้างแหละ

คำถามคือผมเคยเจอกุ๊กกู๋มาเยี่ยมเยียนตอนดึก ๆ บ้างไหม?

ก็ตอบได้ว่า “ไม่เคยเจอเลยครับ”

            อาจเป็นเพราะก่อนนอนผมจะไม่เคยมีความคิดเรื่องผีสางนางไม้อะไรในหัวเลยครับ

            เพราะพอบรรยายเสร็จตอนเย็น ผู้จัดเขาก็พาไปกินข้าวเย็นเสร็จแล้วเขาก็พามาส่งที่พัก หลังจากนั้นผมก็ต้องเตรียมงานสำหรับวันรุ่งขึ้นในห้องพักสักประมาณ 2-3 ชั่วโมง (คือทบทวนกิจกรรมและสิ่งที่ต้องทำในคลาสในวันรุ่งขึ้นว่าต้องทำอะไรบ้างอะไรก่อนอะไรหลัง ซึ่งผมจะทำอย่างนี้เสมอก่อนการบรรยายจนถึงทุกวันนี้) เสร็จแล้วก็ดูทีวีสักพักก็นอนไม่เกิน 4 ทุ่ม

            พอหัวถึงหมอนก็หลับรวดเดียวตื่นประมาณตีสี่ตีห้า นิสัยตื่นเช้านี่ผมเป็นมาตั้งแต่ตอนเรียนประถมจนถึงทุกวันนี้ เพราะต้องเดินจากบ้านไปขึ้นรถเมล์โดยระยะทางเดินจากบ้านถึงป้ายรถเมล์ประมาณ 1 กม.เลยต้องนอนเร็วและตื่นเช้าไม่งั้นรถเมล์จะแน่นมากต้องโหนบันไดรถเมล์ไปโรงเรียน

อ้อ..บอกให้ทราบว่าในสมัยก่อนรถเมล์ไม่มีประตูปิดเหมือนทุกวันนี้นะครับและในยุคนั้นก็มีแต่รถเมล์ร้อนไม่มีรถแอร์เหมือนปัจจุบัน ใครที่เกิดมาในรุ่นใหม่นี่จะเจอรถเมล์ที่มีประตูเปิดปิดปลอดภัยกว่าในยุคเก่า

ถ้าตื่นสายก็ต้องโหนบันไดรถเมล์ ใครที่เคยอยู่ในยุคโหนบันไดรถเมล์อย่างผมจะนึกภาพและเข้าใจความวิบากของนักเรียนในยุคนั้นได้ดีว่ามีสภาพเป็นยังไงในยุคนั้นจะมีข่าวรถเมล์ซิ่งเบียดเสาไฟฟ้าข้างทางทำให้คนที่ห้อยโหนบันไดตุยกันไปเหมือนวัดดวง

เพื่อความปลอดภัยที่จะไม่ต้องเกาะบันไดรถเมล์ไปเรียนก็เลยต้องนอนเร็วและต้องนอนให้หลับจะได้ตื่นเช้าทำให้ติดเป็นนิสัยมาจนถึงปัจจุบัน

            จากที่เล่ามานี้จึงทำให้ผมไม่เคยเจอกุ๊กกู๋เลยสักครั้ง และสรุปตามความเข้าใจของผมว่าที่ไม่เคยเจอก็น่าจะเป็นเพราะ

1.      ผมไม่เคยคิดว่าที่ที่เราพักจะมีกุ๊กกู๋ พอไม่คิดเราก็ไม่ได้ไปพะวงกับเรื่องเหล่านี้ ลองสังเกตตัวเองดูสิครับ ถ้าเราคิดว่าที่นี่จะมีผีหรือเปล่าหนอ เราจะเริ่มนอยด์จะเริ่มสร้างภาพน่ากลัว ๆ ไว้ในสมองของเรา พอมีเสียงอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ เช่นเสียงนกร้อง เสียงหนู ฯลฯ หรือมองอะไรในที่สลัว ๆ ที่เป็นแสงและเงา สมองของเราก็จะเกิดจินตนาการเชื่อมโยงไปเลยว่า ใช่แน่ ๆ มันต้องใช่แน่ ๆ มันมาหาเราแน่แล้ววววว ถ้าคิดอย่างนี้ก็คงตาสว่างนอนไม่หลับกันทั้งคืนแหละครับ อันนี้มองในมุมวิทยาศาสตร์นะครับ

2.      แต่ถ้าจะมองในมุมความเชื่อ ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าถ้าเราไม่เคยมีเวรกรรมใด ๆ ที่เป็นเรื่องเลวร้ายต่อกัน ก็ไม่น่าจะได้มาเจอกันหรอก เหมือนกับคลื่นวิทยุรับ-ส่งไม่ตรงกันพอเราปิดตัวรับก็ไม่สามารถรับคลื่นที่ส่งมาได้เหมือนเราปิดวิทยุปิดทีวีทำนองนั้นแหละครับ

3.      คุณสมบัติในการหลับง่ายนอนเร็วตื่นเช้าของผมตามที่เล่าให้ฟังมาแล้วข้างต้น

ทั้งสามข้อนี้แหละครับคือปัจจัยสำคัญ (เฉพาะตัวผมเอง) ที่ทำให้ผมไม่เคยเจอประสบการณ์แปลก ๆ อะไรอย่างที่บางคนอาจจะเคยเจอมาบ้าง

ผมเคยได้ยินเพื่อนที่เป็นอดีตพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเล่าให้ฟังว่าเขาจะมีลิสต์เลยว่าโรงแรมที่ไปพักแต่ละประเทศห้ามพักห้องหมายเลขอะไรบ้าง และจะรู้กันในหมู่เพื่อน ๆ ว่าถ้าไปถึงโรงแรมนั้น ๆ แล้วถ้าทางโรงแรมจะให้พักในห้องตามลิสต์ เขาจะขอเปลี่ยนห้องทันทีเพราะไม่อยากมีคนมาคอยเทคแคร์ตอนดึก ๆ

แต่ไม่ทราบว่าในหมู่ของวิทยากรเคยมีลิสต์ทำนองนี้บ้างหรือไม่

แต่ถ้าใครมีลิสต์หรือเคยเจออะไรทำนองนี้ก็แชร์เรื่องราวมาเล่าสู่กันฟังได้ครับ

วันศุกร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

Burnout Syndrome หมดไฟและหมดใจในการทำงานทำไงดี?

        เมื่อทำงานไปถึงจุด ๆ หนึ่งหลายคนอาจมีอาการที่เรียกว่าหมดใจหรือหมดไฟในการทำงานที่เรียกทับศัพท์ว่า Burnout Syndrome”

       อาการของคนที่เป็น Burnout Syndrome มีอะไรบ้าง?
1. เริ่มบ่นในเรื่องงานกับคนรอบข้าง

2. ไม่มีความสุขในงานที่ทำ เหนื่อยล้า อ่อนเพลีย ท้อแท้สิ้นหวัง
3. มีความรู้สึกแทบตลอดเวลาว่างานที่ทำไม่ได้อย่างใจ หงุดหงิด เครียด
4. นอนไม่หลับ ในหัวจะคิดแต่เรื่องงานวนเวียนเหมือนพายเรือในอ่าง รู้สึกเหมือนนอนไม่พอ
5. ไม่อยากจะพูดคุยกับใคร เก็บตัว พูดคุยกับคนรอบข้างน้อยลง
6. อารมณ์แปรปรวน ขึ้น ๆ ลง ๆ ก้าวร้าว พูดจารุนแรงกับคนรอบข้าง ฟิวส์ขาดง่าย
7. มีอาการที่หาสาเหตุไม่ได้และมักจะเป็นตอนที่ไปทำงาน เช่น ปวดหัว ปวดท้อง คลื่นไส้ในวันทำงาน พอวันหยุดอาการมักทุเลาลง

แนวทางการบรรเทาอาการ Burnout Syndrome ควรทำยังไงดี
1. หาคนระบายความเครียด เช่น พูดคุยกับคนที่บ้านหรือเพื่อนที่เราสนิทเพื่อช่วยกันคิดหาหนทางออก

2. ดูแลสุขภาพพักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารให้ครบ 5 หมู่
3. ปรับวิธีคิดของเราใหม่ว่าเราไม่ใช่ศูนย์กลางของจักรวาล ต้องรู้จักการปล่อยวาง
4. ไปปฏิบัติธรรม ทำสมาธิ
5. จัดตารางการแบ่งเวลาระหว่างเวลาทำงานกับเวลาส่วนตัวเสียใหม่ไม่ให้ล้ำเส้นกันมากเกินไป
6. ไม่ควรแก้ปัญหาด้วยการดื่มแอลกอฮอล์ระบายความเครียดเพราะไม่ใช่ทางออกของการแก้ปัญหาแบบยั่งยืน แถมยังจะทำให้ปัญหามากขึ้นกว่าเดิม
7. พักร้อน เดินทางท่องเที่ยว พักผ่อนหย่อนใจ ดูหนัง ฟังเพลง กับเพื่อนฝูงที่สนิทหรือคนรู้ใจ
8. วันหยุดควรเป็นวันหยุดของเราจริง ๆ โดยการหากิจกรรมทำในวันหยุดกับเพื่อนฝูงหรือคนรู้ใจ
9. ไปทำบุญกับสถานที่ที่ต้องการความช่วยเหลือ เช่น สถานเลี้ยงเด็กพิการซ้ำซ้อน จะได้เห็นว่าปัญหาของเราไม่ใช่ปัญหาที่ใหญ่ที่สุด
10. ถ้าเป็นไปได้ไม่ควรนำเอางานกลับมาทำที่บ้าน บ้านควรเป็นสถานที่พักผ่อนสำหรับเราจริง ๆ
11. ฝึกวินัยในการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยวันละ 30 นาที 5 ครั้งต่อสัปดาห์ อย่าหาข้ออ้างกับตัวเองว่าไม่มีเวลา
12. ลดการเสพข้อมูลข่าวสารจากสื่อโซเชียลลงจะทำให้ลดความเครียดจากเรื่องที่ไม่จำเป็นลงได้เยอะ

ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังเริ่มจะมีอาการ Burnout หรือคนที่เป็นอยู่แล้วจะได้สำรวจตัวเองและลดการหมดไฟในการทำงานลงได้นะครับ

วันจันทร์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

Sunk Cost trap คืออะไร ?

 เป็นกับดักแบบหนึ่งคือ คนที่เมื่อเกิดปัญหาเกิดความผิดพลาดขึ้น แล้วพยายามจะแก้ปัญหา แต่ยิ่งแก้ปัญหากลับจะยิ่งผิดพลาดเป็นลิงแก้แห ยิ่งทำให้ปัญหานั้นบานปลายลุกลามมากกว่าเดิม

 แบบนี้เรียกว่า Sunk Cost Trap ครับ

 วันนี้เราจะเห็นคนที่ยิ่งพยายามแก้ปัญหาโดยเฉพาะการพูดผ่านสื่อ แทนที่จะทำให้คนรู้สึกว่าดีขึ้น รู้สึกมั่นใจว่าจะแก้ปัญหาได้ กลับเป็นความรู้สึกตรงข้ามซะงั้น

 ยิ่งพยายามพูดหาเหตุผลมาแถเข้าข้างตัวเอง (Cognitive Dissonance) อย่างไม่เป็นเหตุเป็นผลมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้ตัวเองจมลึกลงไปในปัญหานั้นมากยิ่งขึ้นเท่านั้น

 แถมยังทำให้คนรอบข้างมองด้วยสายตาคลางแคลงใจและไม่เชื่อถืออีกต่างหาก

 จึงเป็นชื่อเรียกของคำว่า Sunk Cost Trap 

 หรือจะเรียกว่ากำลังแก้วิกฤติให้กลายเป็นวิบัติก็ได้ครับ

 คงมีแต่ “สติ” ที่ต้องคิดทบทวนถึงตัวปัญหาและสาเหตุให้รอบด้านโดยไม่เข้าข้างตัวเองมากจนเกินไป แล้วคิดไตร่ตรองดูให้ดีว่าการตัดสินใจแก้ปัญหานั้นกำลังทำให้ตัวเราเองยิ่งจมลงไปเรื่อย ๆ หรือไม่

 ถ้าสติยังไม่มา ปัญญาในการแก้ปัญหาก็คงเกิดได้ยากและก็คงจมลงไปเรื่อย ๆ พร้อมกับความเชื่อถือของคนรอบข้างแหละครับ

วันศุกร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

Remind ค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 600 บาทในปี 2570

 แค่ Remind เอาไว้ว่า ถ้ายังคงจะให้เป็นไปตามนโยบายเรื่องค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 600 บาทในปี 2570 ก็จะต้องปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำปีละประมาณ 14% จะทำให้ค่าจ้างขั้นต่ำในแต่ละปีจะต้องเป็นไปตามนี้

 

ปี 2567 ค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 400 บาท

ปี 2568 ค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 460 บาท

ปี 2569 ค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 524 บาท

จึงจะทำให้ค่าจ้างขั้นต่ำในปี 2570 เป็นวันละ 600 บาทตามเป้าหมาย

(ดูอัตราค่าจ้างขั้นต่ำแต่ละปีในวงสีฟ้า)

 
ส่วนอัตราเริ่มต้นตามวุฒิปริญญาตรีจบใหม่สายสังคมศาสตร์ให้ดูในวงสีเขียว และถ้าเป็นอัตราเริ่มต้นตามวุฒิคนจบใหม่สายวิศวะ/สารสนเทศก็จะต้องบวกเพิ่มอีกประมาณ 5-6 พันบาทครับ

วันพุธที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

AI กับการทำงานของ HR ในยุคใหม่

 ผมจะมีบรรยายหัวข้อ "AI กับการทำงานของ HR ในยุคใหม่" เป็น Free Seminar แบบ ONLINE ผ่าน Zoom

วันเสาร์ที่ 24 พค.68 เวลา 13.30-15.30 น.

จัดโดยสถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น (TNI)

ใครสนใจสแกน QR Code ในภาพเพื่อลงทะเบียนได้เลยครับ



วันจันทร์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

กลยุทธ์การปรับค่าจ้างเงินเดือน (Workshop) ออนไลน์ผ่าน ZOOM

 ผมจะถ่ายทอดประสบการณ์เรื่องกลยุทธ์การปรับค่าจ้างเงินเดือน (Workshop) วันอังคารที่ 13 พค.68 ใครสนใจติดต่อลงทะเบียนที่ HR Center ได้ตามนี้เลยครับ

https://www.hrcenter.co.th/?m=public_reserv&id=4622






ถ้าบริษัทไม่จ่ายค่าชดเชยเมื่อเกษียณอายุ แล้วจะไปจ่ายครั้งเดียวเมื่อจบการต่อเกษียณจะเกิดอะไรขึ้น?

             วันนี้มีคำถามเรื่องการจ่ายค่าชดเชยเมื่อเกษียณอายุเข้ามาแล้วเห็นว่าเป็นประโยชน์ ผมก็เลยขอเอามาเล่าสู่กันฟังเผื่อว่าจะเป็นข้อคิดและเป็นประโยชน์กับชาวสว.ที่จะเกษียณอายุนะครับ

            คำถามคือ....

            กรรมการผู้จัดการเรียกผู้จัดการฝ่ายคนหนึ่งที่กำลังจะครบเกษียณอายุไปคุยแล้วบอกว่า “บริษัทจะต่อเกษียณคุณออกไปอีกคราวละ 1 ปี (ในตำแหน่งเดิม) สูงสุดไม่เกิน 5 ปี แต่บริษัทขอไปจ่ายค่าชดเชยหลังครบการต่อเกษียณในปีที่ 5 ก็แล้วกันนะ”

            ก็เลยถามมาว่าบริษัททำอย่างนี้ได้หรือไม่?

            ก็ตอบในหลักการก่อนนะครับคือ....

1.      การเกษียณอายุถือเป็นการเลิกจ้าง นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยตามอายุงานให้แก่ลูกจ้างตามมาตรา 118 ถ้านายจ้างไม่จ่ายค่าชดเชยให้ก็ถือว่าทำผิดกฎหมายแรงงาน ลูกจ้างสามารถร้องเรียนแรงงานเขต หรือฟ้องศาลแรงงานได้

2.      เมื่อได้รับค่าชดเชย (รอบแรก) ไปแล้ว และมีการต่อเกษียณออกไปจนครบ 5 ปี (หรือไม่ครบ 5 ปีก็ตาม) แล้วจะเลิกจ้าง นายจ้างยังต้องจ่ายค่าชดเชยตามอายุงาน (รอบสอง) ให้แก่ลูกจ้างตามมาตรา 118 อีกด้วย

ถ้าผู้จัดการฝ่ายคนนี้ยินยอมรับค่าชดเชยครั้งเดียวหลังจากการต่อเกษียณออกไปจะเกิดอะไรขึ้น?

ผมยกตัวอย่างดีกว่านะครับจะได้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น

สมมุตินาย A เป็นผู้จัดการฝ่าย เงินเดือน 100,000 บาท ค่าตำแหน่ง 10,000 บาท ทำงานกับบริษัทมาแล้ว 16 ปี ครบเกษียณอายุ แล้วถูกกรรมการผู้จัดการเรียกไปคุยโดยยื่นเงื่อนไขให้ตามที่ผมบอกไปข้างต้น

กรณีที่ 1 : นาย A ไม่ยอมตามที่กรรมการผู้จัดการบอกมาแต่จะให้ทำตามกฎหมายแรงงาน ซึ่งบริษัทก็ตกลง และต่อเกษียณนาย A ออกไปจนครบ 5 ปี

1.      บริษัทต้องจ่ายค่าชดเชย (รอบแรก) คือ ค่าจ้าง = 110,000 หาร 30 = 3,666.67 คูณ 300 = 1,100,000 บาท

2.      เมื่อนาย A ได้รับการต่อเกษียณ (สมมุติได้ค่าจ้างเท่าเดิม) และทำงานไปจนครบ 5 ปีแล้วถูกเลิกจ้าง (ไม่ต่อสัญญา) นาย A ก็จะต้องได้รับค่าชดเชย (รอบสอง) คือ ค่าจ้าง = 110,000 หาร 30 = 3,666.67 คูณ 180 = 660,000 บาท

3.      นาย A จะได้ค่าชดเชยรวมทั้งสองรอบคือ 1,100,000+660,000 = 1,760,000 บาท

กรณีที่ 2 : นาย A ยอมตามที่กรรมการผู้จัดการบอกมา บริษัทก็ต่อเกษียณนาย A ออกไปจนครบ 5 ปี แล้วจ่ายค่าชดเชยครั้งเดียวเมื่อครบการต่อเกษียณ

1.      บริษัทจ่ายค่าชดเชย (ครั้งเดียว) เนื่องจากนาย A มีอายุงานครบ 21 ปี (16+5) คือ 110,000 หาร 30 = 3,666.67 คูณ 400 = 1,466,666.67 บาท

2.      เมื่อนำกรณีที่ 2 ไปหาส่วนต่างกับกรณีที่ 1 นาย A จะเสียผลประโยชน์ไป 1,760,000-1,466,666.67=293,333.33 บาท

เมื่อเห็นตัวอย่างแบบนี้แล้วก็ขึ้นอยู่กับนาย A แล้วล่ะครับว่าจะโอเคหรือไม่โอเค

ผมแถมให้อีกว่าในกรณีเลวร้ายสุดคือนาย A ยอมตามที่กรรมการผู้จัดการบอกมาตามกรณีที่ 2 แล้วบังเอิ๊ญ..บังเอิญนาย A เสียชีวิตก่อนที่จะครบการต่อเกษียณ (ไม่ว่าจะประสบอุบัติเหตุหรือมีโรคภัยไข้เจ็บจนเสียชีวิตกระทันหัน) จะเกิดอะไรขึ้น

นาย A จะได้รับค่าชดเชย 1,466,666.67 ไหมครับ?

ถ้าท่านเป็นนาย A ท่านจะตัดสินใจในเคสนี้ยังไง?

ฝากไว้ให้คิดนะครับ

            ตบท้ายว่าวิชาจริยธรรมทางธุรกิจที่ผู้บริหารเคยเรียนตอนเป็นนักเรียน MBA เรียนกันในห้องเรียน ต่อให้สอบได้เกรด A แต่ในชีวิตจริง ผู้บริหารจะได้เกรดอะไรก็คงขึ้นอยู่กับมโนธรรม คุณธรรมมากกว่าการสอบแล้วล่ะครับ

........................

วันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

การตักเตือนและลงโทษผิดซ้ำคำเตือนต้องเป็นเรื่องเดิม

            บริษัทแห่งหนึ่งมีปัญหาอย่างนี้

ครั้งที่ 1 พนักงานขาดงานไป 1 วันโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร

ครั้งที่ 2 ถัดจากครั้งแรกมาไม่กี่วันพนักงานคนเดิมก็มาทำงานสาย

ครั้งที่ 3 หลังจากครั้งที่ 2 ก็มีพฤติกรรมเหมือนครั้งที่ 1 ซ้ำอีก

คำถามคือหัวหน้าควรทำยังไงดี ?

ก็ตอบได้อย่างนี้ครับ

1.      ความผิดคนละกรณีให้ทำหนังสือตักเตือนคนละใบ ไม่ควรเอาไปไว้รวมกัน จากตัวอย่างข้างต้นจะเห็นว่าความผิดครั้งที่ 1 และ 3 เป็นเรื่องเดียวกันโดยครั้งที่ 3 เป็นผลต่อเนื่องมาจากครั้งที่

         ส่วนความผิดครั้งที่ 2 จะมีลักษณะความผิดแตกต่างจากครั้งที่ 1 และ 3

2.      เมื่อแยกแยะประเภทความผิดได้อย่างนี้แล้วจึงต้องแยกใบเตือนทั้ง 3 กรณี ดังนี้

2.1   เมื่อพนักงานทำความผิดครั้งที่ 1 หัวหน้าก็ออกหนังสือตักเตือนโดยระบุเหตุผลว่าพนักงานละทิ้งหน้าที่ไป 1 วัน (ขาดงาน) โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร และห้ามไม่ให้พนักงานทำความผิดอย่างนี้ซ้ำอีก 

ถ้าพนักงานทำความผิดอย่างนี้ซ้ำอีกบริษัทจะมีบทลงโทษยังไงก็ระบุลงไปในหนังสือตักเตือนฉบับนี้ เช่น ถ้าขาดงานแบบนี้อีกจะไม่ได้รับโบนัส ฯลฯ

2.2 ถ้าพนักงานยังขาดงานโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรซ้ำอีก บริษัทก็ไม่จ่ายโบนัสให้ตามที่เตือนไปก่อนหน้านี้ และออกหนังสือตักเตือนเป็นครั้งสุดท้ายโดยระบุว่าเป็นหนังสือตักเตือนครั้งสุดท้ายที่ห้ามไม่ให้พนักงานละทิ้งหน้าที่โดยไม่มีเหตุผลอันสมควรเช่นนี้อีก ถ้าพนักงานยังฝ่าฝืนทำผิดแบบนี้ซ้ำอีก บริษัทจะเลิกจ้างโดยไม่จ่ายค่าชดเชยใด ๆ ทั้งสิ้น

2.3   ถ้าหากพนักงานทำความผิดแบบเดียวกันนี้ (ขาดงานโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร) ซ้ำอีก บริษัทก็สามารถเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยครับ เพราะเป็นความผิดซ้ำคำเตือนซึ่งบริษัทได้ออกหนังสือตักเตือนเป็นครั้งสุดท้ายเอาไว้แล้ว

2.4   ส่วนความผิดครั้งที่ 2 บริษัทต้องออกหนังสือตักเตือนอีกใบหนึ่งที่ไม่นำไปรวมกับครั้งที่ 1 เพราะความผิดครั้งที่ 2 เป็นความผิดเรื่องมาสายจะเป็นความผิดคนละเรื่องกับขาดงาน

2.5  บางบริษัทไปจับเอาความผิด 3 เรื่องนี้มารวมกันคือ ออกนังสือเตือนเมื่อพนักงานขาดงานโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรในครั้งที่ 1 แล้วพอพนักงานมาสายครั้งที่ 2 ก็ไม่จ่ายโบนัส และออกหนังสือเตือนเป็นครั้งสุดท้ายว่าถ้าทำความผิดจนถูกออกหนังสือตักเตือนอีกครั้งจะถูกเลิกจ้างโดยไม่ได้รับค่าชดเชยใด ๆ ทั้งสิ้น

            2.6 พอพนักงานขาดงานครั้งต่อมาบริษัทก็เลยเลิกจ้างไม่จ่ายค่าชดเชยตามที่เคยออกหนังสือตักเตือนไว้เป็นครั้งสุดท้ายตามข้อ 2.5 

ตรงนี้แหละครับที่บริษัทจะต้องแยกแยะความผิดที่แตกต่างกันหรือความผิดคนละกระทงจะนำมาตักเตือนและลงโทษแบบต่อเนื่องเมดเล่ย์ให้เป็นเรื่องเดียวกันไม่ได้ ต้องแยกการตักเตือนและลงโทษ 

เช่น ถ้าขาดงานก็ตักเตือนและลงโทษเรื่องขาดงาน ส่วนถ้ามาสายก็ต้องตักเตือนและลงโทษในเรื่องมาสาย จะจับทุกเรื่องมารวมกันแบบแกงโฮะไม่ได้ ขืนจับมาเหมารวมกันแบบนี้ก็ต้องระวังดราม่าต้องตามไปแก้ปัญหากันต่อในอนาคตนะครับ

………………………

วันพฤหัสบดีที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

หนังสือดาวน์โหลดฟรี

                                                        หนังสือแจกฟรี

            เนื่องจากยังมีคำถามมาที่ผมอยู่เป็นระยะเพื่อขอซื้อหนังสือที่ผมเคยเขียนมานานแล้วและทางสำนักพิมพ์ก็ไม่ได้พิมพ์เป็นเล่มแล้ว แต่เนื่องจากผมเป็นคนเขียนไม่ใช่สำนักพิมพ์จึงไม่มีขาย ผมก็เลยนำเอาหนังสือเหล่านั้นมาปรับปรุงเนื้อหาให้ทันสมัยและเข้าใจง่ายมากขึ้น (เนื้อหาในหนังสือที่แจกฟรี Update มากกว่าที่เคยพิมพ์เป็นเล่ม) แล้วเอามาแจกฟรีในบล็อกของผมคือ https://tamrongsakk.blogspot.com

            หรือถ้าใครอ่านพบในเฟซบุ๊คของผมก็ให้ดาวน์โหลดเล่มที่ต้องการได้ตามนี้

1. Download หนังสือ "การประเมินค่างานและการทำโครงสร้างเงินเดือน (ภาคปฏิบัติ)"

https://www.dropbox.com/s/uho10vpz55vt5xu/JE%26SS_Free.pdf?dl=0

 

2. ดาวน์โหลด Micro Pocket Book "25 คำถามเกี่ยวกับโครงสร้างเงินเดือนจากประสบการณ์"

 https://www.dropbox.com/s/cc8to40p10ojyat/25%20%20Q%26A_SS.pdf?dl=0

 

3. ดาวน์โหลดหนังสือ “ความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างเงินเดือนแบบง่าย ๆ”

https://www.dropbox.com/s/xaks9yls6nyw7nk/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%87%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%20%E0%B9%86.pdf?dl=0

4. Download หนังสือ “การบริหารความเสี่ยงด้าน HR”

https://www.dropbox.com/s/5rlqkq5yjcfblt3/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%20HR_%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B8%AD.pdf?dl=0

 

 

5. Download หนังสือ “หัวหน้างานกับการบริหารลูกน้อง HR for NON HR”

https://www.dropbox.com/s/shwz3usn4wbs4l4/%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87.pdf?dl=0

6. Download หนังสือ "จัดการฝึกอบรมให้มีประสิทธิผลอย่าง Training Officer มืออาชีพ"

https://www.dropbox.com/s/urvq70samjd3tfr/TO_Free.pdf?dl=0

 

7. ดาวน์โหลดหนังสือ "เรียนรู้โหราศาสตร์ไทยมาใช้ในงาน HR - ภาคปฏิบัติ"

https://www.dropbox.com/s/oe537r47y4yk8g6/HR_Horasad.pdf?dl=0

8. ดาวน์โหลดหนังสือ "คู่มือการเป็นวิทยากร" หรือ Train the trainer

https://www.dropbox.com/s/52as4h4fvo57k8b/TrainTheTrainer.pdf?dl=0

9. ดาวน์โหลดหนังสือ “การทำ Training & Development Roadmap ตามแผนงานขององค์กร (ภาคปฏิบัติ)”

https://www.dropbox.com/s/0rq5x9ukx0zatqm/TRM_By%20Strategic%20Plan.pdf?dl=0

10. ดาวน์โหลดหนังสือ "สนุกไปกับพฤติกรรมคนด้วยจิตวิทยาและเทวดากรีก"

https://www.dropbox.com/s/i4ceoesgslzi6ac/%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9E%E0%B8%A4%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%99Free.pdf?dl=0

 

11. ดาวน์โหลดหนังสือ “กระตุกต่อมคิดชีวิตคนทำงาน”

https://www.dropbox.com/scl/fi/4wv00ukyln55soxp7n49i/.pdf?rlkey=lnb4umxi96twyafp9nsf1u32i&dl=0

 

12. ดาวน์โหลดไฟล์ "รู้เขา..รู้เราด้วย D I S C"

https://www.dropbox.com/s/3287l1mnva2jeq8/%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%20D%20I%20S%20C%20%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A1%205%20%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%99.pdf?dl=0

 

 

 

13. ดาวน์โหลดไฟล์ “ทำไม Functional Competency ถึงไม่เวิร์ค”

https://www.dropbox.com/s/xy4thcslhifo5qh/%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B9%84%E0%B8%A1%20Functional%20Competency%20%E0%B8%96%E0%B8%B6%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%84-%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%991%2B2%2B3.pdf?dl=0

14. ดาวน์โหลดหนังสือ “คุยเฟื่องเรื่องค่าตอบแทน”

https://www.dropbox.com/s/i8xmaozgs8zhwrw/%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%9F%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B9%81%E0%B8%97%E0%B8%99.pdf?dl=0

 

ดาวน์โหลดประวัติวิทยากร

https://www.dropbox.com/s/ej25o4cbhup93qc/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A3_pic.pdf?dl=0

 

 

15. ดาวน์โหลดหนังสือ “เสริมทักษะหัวหน้างานยุคใหม่”

https://www.dropbox.com/s/8rhbfz8g7vf0crd/%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%84%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88.pdf?dl=0

16. ดาวน์โหลดไฟล์ “อคติกับพฤติกรรมคน”

https://www.dropbox.com/s/ziy5ms95g7yac0h/%E0%B8%AD%E0%B8%84%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9E%E0%B8%A4%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%99.pdf?dl=0

 

17. รวมเรื่องนักคิดจิตวิทยาและการจัดการ

https://www.dropbox.com/s/vlsvrrcvx9ixohc/%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3.pdf?dl=0

18. Micro Pocket Book “25 คำถามเกี่ยวกับโครงสร้างเงินเดือนจากประสบการณ์

https://www.dropbox.com/s/g797sxbkp1chkgo/25%20%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99.pdf?dl=0

 

19. Check list ปัญหาค่าตอบแทน

https://www.dropbox.com/s/tbkd1i8js9hrfbh/Check%20List%20%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B9%81%E0%B8%97%E0%B8%99.pdf?dl=0

 

20. หนังสือ “เขาว่า..ที่ทำให้เกิดปัญหาในการบริหารคน”

https://www.dropbox.com/s/5l56ygqzmzu78i2/%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B8%AD_%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%99.pdf?dl=0

21.หนังสือ “ถาม-ตอบปัญหาค่าจ้างเงินเดือนจากหน้างาน”

https://www.dropbox.com/scl/fi/7tcldqpsqqfjtywaxye0e/.pdf?rlkey=vo26my5vwpyud811wkg84968k&dl=0

 

22. บทความ “คุยเฟื่องเรื่องการประเมินผลการปฏิบัติงาน_Mar 2024

https://www.dropbox.com/scl/fi/eulilaxw4q5dii3mwefdj/_Mar-2024.pdf?rlkey=5htz95m3hrc5jxbcpcsv1ng1t&dl=0