เมื่อทำงานไปถึงจุด ๆ หนึ่งหลายคนอาจมีอาการที่เรียกว่าหมดใจหรือหมดไฟในการทำงานที่เรียกทับศัพท์ว่า “Burnout Syndrome”
อาการของคนที่เป็น
Burnout Syndrome มีอะไรบ้าง?
1. เริ่มบ่นในเรื่องงานกับคนรอบข้าง
2. ไม่มีความสุขในงานที่ทำ เหนื่อยล้า
อ่อนเพลีย ท้อแท้สิ้นหวัง
3. มีความรู้สึกแทบตลอดเวลาว่างานที่ทำไม่ได้อย่างใจ
หงุดหงิด เครียด
4. นอนไม่หลับ
ในหัวจะคิดแต่เรื่องงานวนเวียนเหมือนพายเรือในอ่าง รู้สึกเหมือนนอนไม่พอ
5. ไม่อยากจะพูดคุยกับใคร เก็บตัว
พูดคุยกับคนรอบข้างน้อยลง
6. อารมณ์แปรปรวน ขึ้น ๆ ลง ๆ
ก้าวร้าว พูดจารุนแรงกับคนรอบข้าง ฟิวส์ขาดง่าย
7. มีอาการที่หาสาเหตุไม่ได้และมักจะเป็นตอนที่ไปทำงาน
เช่น ปวดหัว ปวดท้อง คลื่นไส้ในวันทำงาน พอวันหยุดอาการมักทุเลาลง
แนวทางการบรรเทาอาการ Burnout Syndrome ควรทำยังไงดี
1. หาคนระบายความเครียด เช่น
พูดคุยกับคนที่บ้านหรือเพื่อนที่เราสนิทเพื่อช่วยกันคิดหาหนทางออก
2. ดูแลสุขภาพพักผ่อนให้เพียงพอ
กินอาหารให้ครบ 5 หมู่
3. ปรับวิธีคิดของเราใหม่ว่าเราไม่ใช่ศูนย์กลางของจักรวาล
ต้องรู้จักการปล่อยวาง
4. ไปปฏิบัติธรรม ทำสมาธิ
5. จัดตารางการแบ่งเวลาระหว่างเวลาทำงานกับเวลาส่วนตัวเสียใหม่ไม่ให้ล้ำเส้นกันมากเกินไป
6. ไม่ควรแก้ปัญหาด้วยการดื่มแอลกอฮอล์ระบายความเครียดเพราะไม่ใช่ทางออกของการแก้ปัญหาแบบยั่งยืน
แถมยังจะทำให้ปัญหามากขึ้นกว่าเดิม
7. พักร้อน เดินทางท่องเที่ยว
พักผ่อนหย่อนใจ ดูหนัง ฟังเพลง กับเพื่อนฝูงที่สนิทหรือคนรู้ใจ
8. วันหยุดควรเป็นวันหยุดของเราจริง
ๆ โดยการหากิจกรรมทำในวันหยุดกับเพื่อนฝูงหรือคนรู้ใจ
9. ไปทำบุญกับสถานที่ที่ต้องการความช่วยเหลือ
เช่น สถานเลี้ยงเด็กพิการซ้ำซ้อน จะได้เห็นว่าปัญหาของเราไม่ใช่ปัญหาที่ใหญ่ที่สุด
10. ถ้าเป็นไปได้ไม่ควรนำเอางานกลับมาทำที่บ้าน
บ้านควรเป็นสถานที่พักผ่อนสำหรับเราจริง ๆ
11. ฝึกวินัยในการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยวันละ
30 นาที 5 ครั้งต่อสัปดาห์
อย่าหาข้ออ้างกับตัวเองว่าไม่มีเวลา
12. ลดการเสพข้อมูลข่าวสารจากสื่อโซเชียลลงจะทำให้ลดความเครียดจากเรื่องที่ไม่จำเป็นลงได้เยอะ
ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังเริ่มจะมีอาการ Burnout หรือคนที่เป็นอยู่แล้วจะได้สำรวจตัวเองและลดการหมดไฟในการทำงานลงได้นะครับ