วันศุกร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2564

Frederick Herzberg กับทฤษฎีสองปัจจัย

             คนเราเมื่อคิดจะทำอะไรก็ตามล้วนแต่ต้องมีแรงจูงใจอยู่เบื้องหลังการคิดและการตัดสินใจแต่ละครั้งอยู่เสมอ

            ท่านว่าจริงไหมครับ ?

            ถ้าพูดถึงเรื่องแรงจูงใจก็ต้องนึกถึงศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาที่เป็นต้นตำรับคิดทฤษฎีที่เกี่ยวกับแรงจูงใจชื่อว่า “ทฤษฎีสองปัจจัย” ที่คนเรียนจิตวิทยารู้จักกันดีคือ “เฮิร์ซเบิร์ก” ครับ

            เฟรเดอริก เฮิร์ซเบิร์ก (Frederick Irving Herzberg - ค.ศ.1923-2000 พ.ศ.2466-2543) เกิดที่รัฐ Massachusetts สหรัฐอเมริกา จบปริญญาเอกด้านจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัย Pittsburgh

            เฮิร์ซเบิร์กได้รับแรงบันดาลใจให้ศึกษาเรื่องการจูงใจตอนที่เป็นทหารประจำการอยู่ที่ประเทศเยอรมนีแล้วได้พูดคุยกันชาวบ้านแถวฐานที่ตั้งพบว่าคนแถวนั้นมีระดับแรงจูงใจในเรื่องต่าง ๆ ที่สูงมาก

            เฮิร์ซเบิร์กเขียนหนังสือชื่อ Motivation of Work” ในปีค.ศ.1959 (พ.ศ.2502) ร่วมกับ Bernard Mausner และ Babara Synderman โดยบอกว่าความพึงพอใจในการทำงานไม่ได้มีเพียงมิติเดียวด้านเดียว แต่จะเกิดจาก 2 ปัจจัยหลักคือ

1.      ปัจจัยอนามัย (Hygiene Factor) ปัจจัยตัวนี้ในตำรามักจะแปลเอาไว้แบบนี้ แต่ผมอ่านแล้วก็จะงง ๆ และไปเข้าใจถึงเรื่องของสุขอนามัยหรือสุขภาพความเจ็บป่วยซะงั้น ก็เลยขอแปลแบบตรง ๆ ว่า “ปัจจัยภายนอก” นะครับจะได้ไม่ไปเข้าใจปะปนกับเรื่องสุขศึกษาอนามัย

เฮิร์ซเบิร์กบอกว่าปัจจัยตัวนี้ถือเป็น “ปัจจัยภายนอก (Extrinsic Factor) ที่องค์กรต้องมีให้กับพนักงานแบบ “ขาดไม่ได้” เพราะถ้าขาดเมื่อไหร่ก็จะทำให้เกิดปัญหาความไม่พอใจจากพนักงานเอาได้ง่าย ๆ

แต่ปัจจัยภายนอกตัวนี้ถึงเพิ่มเข้าไปมากขึ้นเท่าไหร่ก็ไม่ได้แปลว่าพนักงานจะทุ่มเทมากขึ้นในการพัฒนาตัวเองให้มีประสิทธิภาพในงานที่เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วยเสมอไป ปัจจัยประเภทนี้คือ

1.1   ค่าตอบแทนและผลประโยชน์พนักงาน

1.2   นโยบายในการบริหารจัดการของบริษัท

1.3   ปฏิสัมพันธ์ในระหว่างพนักงานด้วยกัน

1.4   การควบคุมบังคับบัญชาของหัวหน้า

1.5   สภาพแวดล้อมในการทำงาน

1.6   สถานะความมีตัวตนในการทำงาน เช่น การได้รับสิทธิพิเศษอื่น ๆ

1.7   ความมั่นคงในงาน

2.      ปัจจัยจูงใจ (Motivation Factor) เฮิร์ซเบิร์กบอกว่าปัจจัยตัวนี้แหละครับที่จะทำให้คนทำงานได้อย่างมีความสุข มีประสิทธิภาพในการทำงานสูงขึ้น มีความรักในองค์กรและเพื่อนร่วมงานมากขึ้นและถือว่าเป็น “ปัจจัยภายใน” หรือ “Intrinsic Factor” ครับ

ตัวอย่างของปัจจัยภายใน เช่น

2.1 การได้รับการยอมรับ หรือได้รับคำชมเชยจากคนรอบข้างในที่ทำงาน

2.2 ความสำเร็จในงานที่ทำ

2.3 ได้รับผิดชอบงานที่ท้าทาย น่าสนใจ หรือเป็นงานที่สำคัญ

2.4 การได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชา

2.5 การได้รับความก้าวหน้าได้รับการเลื่อนชั้นเลื่อนตำแหน่ง

มีข้อสังเกตว่าปัจจัยภายในที่เป็นปัจจัยจูงใจนี้เป็นเรื่องของจิตใจล้วน ๆ ถึงแม้จะไม่มีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้องแต่ก็มีความสำคัญในการจูงใจคนไม่แพ้ปัจจัยภายนอกเลยนะครับ

ในขณะที่ถ้าใช้ปัจจัยภายนอกในการจูงใจคนมากจนเกินไปก็อาจจะเกิดผลเสียตามมาประเภท “เงินไม่มา งานไม่เดิน” ก็เป็นได้

การสมดุลระหว่างปัจจัยภายนอกและภายในในการจูงใจคนจึงเป็นเรื่องสำคัญ

จากแนวคิดทฤษฎีของเฮิร์ซเบิร์กนี่แหละครับจึงเป็นที่มาของการนำมาประยุกต์ใช้ในองค์กรต่าง ๆ เพื่อจูงใจและรักษาคนที่ดีมีคุณค่าเอาไว้ให้อยู่กับองค์กรเพื่อทำให้องค์กรเติบโตก้าวหน้าต่อไป

เมื่อไหร่ที่พูดถึงเรื่องของแรงจูงใจก็ต้องเป็นเฮิร์ซเบิร์กนี่แหละครับที่ยืนหนึ่งมาจนถึงปัจจุบัน