วันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

บริษัทใช้เฉพาะเงินเดือนเท่านั้นเป็นฐานในการคำนวณโอที,ขึ้นเงินเดือน,จ่ายโบนัสได้หรือไม่?


            คำถามนี้มาจากคนที่ทำงานในบริษัทที่มีการจ่ายเงินอื่นนอกเหนือจากเงินเดือนครับ

            ถ้าบริษัทไหนจ่ายเงินเดือนเพียงอย่างเดียวโดยไม่มีการจ่ายเงินอื่นอีกเลยซึ่งถ้ามีการจ่ายแบบนี้ก็ใช้เงินเดือนเป็นฐานในการคำนวณค่าโอที, ขึ้นเงินเดือนประจำปี, จ่ายโบนัส, ค่าชดเชย, ค่าบอกกล่าวล่วงหน้า, เงินสมทบประกันสังคม ฯลฯ ก็คงจะไม่มีคำถามนี้

            สำหรับบริษัทที่ไม่ได้จ่ายแต่เงินเดือนเพียงตัวเดียวแต่ยังมี “เงินอื่น” อีกหลาย ๆ ตัวที่จ่ายให้กับพนักงานด้วยสารพัดเหตุผลของผู้บริหาร เงินอื่น ๆ เหล่านี้ก็เช่น ค่าครองชีพ, ค่าภาษา, ค่าวิชาชีพ, ค่าตำแหน่ง, ค่าเช่าบ้าน, ค่าน้ำมันรถ ฯลฯ

          การจ่ายโดยมี “สารพัดค่า” นี่แหละครับทำให้เกิดคำถามข้างต้น

            ในกฎหมายแรงงานไม่มีการพูดถึงสารพัดค่าเหล่านี้และก็ไม่ได้พูดถึงคำว่า “เงินเดือน” ด้วยซ้ำ

            แต่พูดถึงคำว่า “ค่าจ้าง” ตามมาตรา 5 ที่จะต้องใช้เป็นฐานในการคำนวณเงินต่าง ๆ ที่นายจ้างจะต้องจ่ายให้กับลูกจ้างตามกฎหมาย เช่น การคำนวณค่าล่วงเวลาในวันทำงานปกติ, ค่าล่วงเวลาในวันหยุด, ค่าทำงานในวันหยุด, ค่าชดเชย, ค่าชดเชยพิเศษ, ค่าบอกกล่าวล่วงหน้า หรือถ้าทางด้านประกันสังคมก็ต้องใช้ค่าจ้างเป็นฐานในการคำนวณเงินสมทบทั้งฝั่งนายจ้างและลูกจ้างเพื่อนำส่งประกันสังคม

            “ค่าจ้าง” ตามมาตรา 5 คืออะไร?

            ก็ตามนิยามนี้แหละครับ

          ค่าจ้างหมายความว่า เงินที่นายจ้างและลูกจ้างตกลงกันจ่ายเป็นค่าตอบแทนในการทำงานตามสัญญาจ้างสำหรับระยะเวลาการทำงานปกติเป็นรายชั่วโมง รายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน หรือระยะเวลาอื่น หรือจ่ายให้โดยคำนวณตามผลงานที่ลูกจ้างทำได้ในเวลาทำงานปกติของวันทำงาน และให้หมายความรวมถึงเงินที่นายจ้างจ่ายแก่ลูกจ้างในวันหยุดและวันลาที่ลูกจ้างมิได้ทำงาน แต่ลูกจ้างมีสิทธิได้รับตามพระราชบัญญัตินี้

            ซึ่งก็ต้องมาตีความกันว่าเงินตัวไหนบ้างที่นายจ้างจ่ายให้ลูกจ้างเป็นค่าจ้าง ตัวไหนไม่ใช่ค่าจ้าง

            เช่น ค่าภาษา, ค่าวิชาชีพ, ค่าตำแหน่ง ที่มีการจ่ายเพื่อเป็นค่าตอบแทนการทำงานและจ่ายในเวลาทำงานปกติอันนี้ก็เป็นค่าจ้างที่จะต้องนำมารวมเป็นฐานในการคำนวณโอที, ค่าชดเชย, ค่าบอกกล่าวล่วงหน้า, เงินสมทบประกันสังคมแหงแก๋

            แต่ก็ยังมีบริษัทอีกไม่น้อยที่ไม่นำเงินอื่นที่เข้าข่ายค่าจ้างรวมเข้าไปกับเงินเดือนเพื่อเป็นฐานในการคำนวณผลประโยชน์ให้กับพนักงานตามกฎหมายแรงงานด้วยเหตุผลง่าย ๆ ว่า....

          “บริษัทอื่นเขาก็ไม่เห็นต้องนำมารวมกับเงินเดือนก็ยังไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย....”

            ตอบมาอย่างงี้มันก็ถูกอยู่หรอกครับว่าตอนนี้ยังไม่มีปัญหา แต่ก็ให้รู้ว่าการทำแบบนี้ผิดกฎหมายแรงงานอยู่ ถ้าเมื่อไหร่มีการร้องเรียนแรงงานเขต หรือพนักงานไปฟ้องศาลแรงงานบริษัทก็มีปัญหาและคงต้องแพ้คดีในที่สุดแหละครับ

            มันก็เหมือนกับคนทำผิดกฎจราจรอยู่ในตอนนี้แหละที่มักจะชอบพูด “ว่าทีคนอื่นเขายังขับรถเร็วเกินกำหนด, จอดในที่ห้ามจอดไม่เห็นเป็นไรเลย เราก็ทำมั่งสิ” ฉันใดก็ฉันเพลแหละครับเราโดนจับโดนใบสั่งเมื่อไหร่ก็มีปัญหาแน่

          คราวนี้เรามาดูกันอีกกรณีหนึ่งคือการขึ้นเงินเดือนประจำปี และการจ่ายโบนัสล่ะ ถ้าบริษัทมีระเบียบว่าบริษัทจะใช้เฉพาะเงินเดือนเท่านั้นเป็นฐานในการคำนวณจะผิดกฎหมายแรงงานหรือไม่?

            ก็ตอบได้ว่ากฎหมายแรงงานเขาไม่ได้บังคับให้นายจ้างจะต้องขึ้นเงินเดือนประจำปีหรือจ่ายโบนัสให้ลูกจ้างทุกปีและให้นำค่าจ้างมาเป็นฐานในการคำนวณนี่ครับ

            ดังนั้นบริษัทไหนจะขึ้นเงินเดือนประจำปีหรือจ่ายโบนัสให้กับพนักงานยังไงก็ขึ้นอยู่กับฝ่ายบริหารของบริษัทนั้น ๆ จะให้หรือไม่ให้ซึ่งเป็นสิทธิในการจัดการของนายจ้าง (ถ้าบริษัทไม่ไปทำให้เรื่องนี้กลายเป็นสภาพการจ้างนะครับ เช่น ดันไปออกประกาศว่าบริษัทจะจ่ายโบนัสให้กับพนักงานทุกปี ๆ ละ 4 เดือนโดยไม่มีเงื่อนไข อย่างงี้ก็จบข่าวครับต่อให้บริษัทขาดทุนยังไงก็ต้องจ่ายโบนัสให้พนักงานทุกปี ซึ่งผมว่าในปัจจุบันคงไม่มีบริษัทไหนไปประกาศให้กลายเป็นสภาพการจ้างแบบนี้หรอกนะครับ)

          จึงสรุปได้ว่าการขึ้นเงินเดือนประจำปีหรือจ่ายโบนัสก็ขึ้นอยู่กับระเบียบหรือกติกาที่บริษัทจะสงวนสิทธิเอาไว้โดยเขียนให้ชัดเจนว่าจะใช้เงินเดือนเท่านั้นเป็นฐานในการคำนวณ

            หวังว่าคนที่สังสัยในเรื่องนี้จะเข้าใจตรงกันแล้วนะครับ

…………………………