วันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2565

บริษัทควรจะให้ HR ตักเตือนพนักงานทุกคนได้จริงหรือ ?

             วันนี้ผมมีเรื่องการบริหารคนมาเล่าสู่กันฟังอีกแล้วครับ 

            เรื่องมีอยู่ว่าในบริษัทแห่งหนึ่งมีหัวหน้าแผนกนำใบลาออกของพนักงานที่เป็นลูกน้องมายื่นให้กับ HR แต่ใบลาออกนั้นเขียนวันนี้แต่ลงวันที่มีผลลาออกคือวันพรุ่งนี้คือเขียนใบลาออกวันที่ 30 มิถุนายน แต่วันที่มีผลลาออกคือวันที่ 1 กรกฎาคม !

            พอ HR เห็นอย่างนี้ก็เลยแจ้งไปที่หัวหน้าของพนักงานคนนี้ว่าตามระเบียบของบริษัทนั้น พนักงานจะต้องแจ้งลาออกล่วงหน้า 30 วันเพื่อที่จะได้หาคนมารับมอบงานและทำงานแทนกันได้

            หัวหน้าแผนกก็มารับใบลาออกของลูกน้องกลับไป

            วันรุ่งขึ้นหัวหน้าแผนกก็เอาใบลาออกของลูกน้องมาส่งให้กับทาง HR แต่ในใบลาออกแก้ไขวันที่เขียนใบลาออกคือวันที่ 1 มิถุนายน แต่วันที่มีผลลาออกคือวันที่ 1 กรกฎาคมเหมือนเดิม ??!!

            โดยหัวหน้าแผนกบอกว่าที่จริงแล้วพนักงานคนนี้ยื่นใบลาออกล่วงหน้า 30 วันตามระเบียบของบริษัทนั่นแหละ แต่เขาลงวันที่ผิดและหัวหน้าแผนกก็เก็บใบลาออกไว้จนลืม ??!!

            มีใครเชื่อคำพูดของหัวหน้าแผนกคนนี้ว่าแกพูดจริงบ้างไหมครับ ?

          MD ก็เลยบอกว่าให้ HR เรียกหัวหน้าแผนกคนนี้มาตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษร ??

            หมายถึง MD ต้องการให้ผู้จัดการฝ่าย HR ออกหนังสือตักเตือนหัวหน้าแผนกคนนี้ได้โดยตรง !

ก็เลยเป็นที่มาของหัวเรื่องที่เรามาคุยกันในวันนี้ยังไงล่ะครับ

            คำถามก็คือ....

1.      ตกลงว่าบริษัทจะให้ HR มีหน้าที่เรียกพนักงานในบริษัทที่ทำความผิดมาว่ากล่าวตักเตือน โดยที่ผู้จัดการฝ่ายที่เป็นหัวหน้าของหัวหน้าแผนกคนนี้ไม่ต้องทำหน้าที่นี้เลยหรือ

2.      หัวหน้าแผนกคนนี้กลายเป็นลูกน้องของผู้จัดการฝ่าย HR แล้วใช่หรือไม่

3.      ผู้จัดการฝ่ายของหัวหน้าแผนกคนนี้ไม่ต้องทำอะไรเลยใช่ไหม ถ้างั้นจะมีผู้จัดการฝ่ายเอาไว้เพื่อ....??

เรื่องทำนองนี้ยังมีในหลายบริษัทตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน

คือการให้ฝ่าย HR มีหน้าที่ว่ากล่าวตักเตือนพนักงานทุกคนได้ทั่วทั้งบริษัท โดยคนที่เป็นหัวหน้าโดยตรงจะหลีกเลี่ยงหน้าที่และความรับผิดชอบในการตักเตือนลูกน้องที่มีพฤติกรรมนอกแถว หรือลูกน้องที่มีปัญหาเพราะกลัวว่าลูกน้องจะมองว่าหัวหน้าเป็น Bad guy

แต่กลับโบ้ยหน้าที่นี้ไปให้ HR โดยอ้างว่าเป็นเรื่องของคน HR ต้องรับผิดชอบ

อิหยังวะ ??!!

            ที่หนักกว่านั้นก็คือ MD หรือ CEO ของบริษัทนั้น ๆ ก็ไม่บอกกล่าวให้ผู้บริหารในแต่ละฝ่ายได้รับรู้และเข้าใจว่าเรื่องเหล่านี้เป็นหน้าที่โดยตรงของหัวหน้างานในการจัดการกับลูกน้องที่มีปัญหา

หัวหน้าจะต้องมีหน้าที่ในการบริหารลูกน้องด้วยไม่ใช่แค่บริหารงานเพียงอย่างเดียว

          หัวหน้ากับลูกน้องก็คล้าย ๆ พ่อแม่กับลูกนั่นแหละครับ ถ้าพ่อแม่ไม่กล้าว่ากล่าวตักเตือนลูกของตัวเองแล้วไปโบ้ยหน้าที่นี้ให้คนอื่นทำ แล้วยังเหมาะที่จะเป็นพ่อแม่หรือไม่

            และที่เป็นตลกร้ายก็คือบริษัทเหล่านี้ก็ชอบส่งหัวหน้าทั้งหลายไปเข้าอบรมหลักสูตรภาวะผู้นำเสียเงินค่าอบรมไปตั้งมากมาย ต่อให้เป็นหลักสูตรผู้นำขั้นเทพจากสำนักไหนใครสอน ถ้าหัวหน้าไปเรียนแล้วกลับมายังหนีปัญหาไม่กล้าตัดสินใจแถมโบ้ยปัญหาไปให้คนอื่นแบบนี้ก็เสียของเสียเงินเปล่าแหละครับ

            บริษัทไหนที่ยังมีปัญหาแบบที่ผมเล่าให้ฟังมานี้ ก็อยากจะให้ HR เอาบทความนี้ไปให้ MD หรือ CEO ของท่านอ่านดูนะครับเผื่อว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นครับ