วันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2561

ทำไมบริษัทถึงจ้างคนใหม่แพงกว่าคนเก่าและทำไมเงินเดือนคนใหม่ถึงไล่หลังคนเก่า?


            นาย A ทำงานกับบริษัทมาประมาณ 3 ปีเศษ ๆ การทำงานก็ไม่ได้ถึงกับดีเลิศแต่ก็ไม่ได้มีอะไรเสียหาย ทำงานได้ตาม Job Description อัตราเงินเดือนเริ่มต้น 15,000 บาท ได้รับการขึ้นเงินเดือนประจำปีตามค่าเฉลี่ยตามผลการปฏิบัติงานในเกรด C คือประมาณ 5% (ค่าเฉลี่ยการขึ้นเงินเดือนของบริษัทปีละประมาณ 5%) ปัจจุบันนาย A ได้รับเงินเดือน 17,400 บาท

            นาย A ลาออกไปสมัครงานในบริษัทอีกแห่งหนึ่งเสนอขอเงินเดือนไปที่ 22,000 บาท (เพิ่มขึ้นจากเดิมประมาณ 26%) ซึ่งถ้าสมมุติว่านาย A มีเพื่อนชื่อนาย B ที่จบมาพร้อม ๆ กันและทำงานอยู่ในแห่งใหม่นี้มาตั้งแต่แรกซึ่งบริษัทนี้ก็จะมีการขึ้นเงินเดือนประจำปีเฉลี่ยประมาณ 5% เท่า ๆ กับบริษัทเดิมที่นาย A เคยทำงานมาก่อน (ที่บริษัทนี้ขึ้นเงินเดือนประจำปีเฉลี่ย 5% เพราะใช้ค่าเฉลี่ยของตลาดจากการสำรวจค่าตอบแทนในแต่ละปีเหมือนกับข้อมูลที่บริษัทเดิมของนาย A ได้รับ) และเงินเดือนปัจจุบันของนาย B ก็คงจะใกล้เคียงกับเงินเดือนเดิมของนาย A ก่อนที่จะเปลี่ยนงานคือประมาณ 17,000-18,000 บาท

            แน่นอนว่าเมื่อเปลี่ยนงานใหม่คงไม่มีใครจะขอเงินเดือนเท่าเดิม (หรือต่ำกว่าเดิม) นาย A ก็เช่นเดียวกันที่ลาออกเปลี่ยนงานก็จะได้เงินเดือนเพิ่มขื้นจากที่เดิม ซึ่งผมเคยบอกไว้แล้วว่าค่าเฉลี่ยของเงินเดือนที่เพิ่มขึ้นเมื่อเปลี่ยนงานใหม่ควรจะไม่ต่ำกว่า 25% (นี่ถือว่าเป็นขั้นต่ำสุดนะครับ) เพราะไหน ๆ จะต้องเปลี่ยนที่ทำงานใหม่, จะต้องปรับตัวให้เข้ากับหัวหน้า, ลูกน้อง, เพื่อนร่วมงาน ฯลฯ ไหนจะต้องทำงานให้ได้ตาม KPI ที่บริษัทกำหนดให้ ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เป็นความเสี่ยงของคนที่จะต้องเปลี่ยนงานใหม่

          จากตัวอย่างและเหตุผลข้างต้นนี่แหละครับเป็นคำตอบว่าทำไมบริษัทถึงจ้างคนใหม่แพงกว่าคนเก่า!

            แต่นั่นก็หมายความว่านาย A จะต้องมีความรู้ความสามารถในงานที่บริษัทใหม่ต้องการจึงตกลงรับนาย A เข้าทำงานจริงไหมครับ

            ถ้านาย A ไม่มีฝีมือไม่มีความสามารถจริงนาย A ก็จะเจอวิบากในอนาคตในที่ทำงานใหม่แหง ๆ   เผลอ ๆ ก็อาจจะไม่ผ่านทดลองงานด้วยซ้ำ

            แต่ถ้านาย A มีความรู้ความสามารถในงานมีศักยภาพอยู่ในตัวจริงแล้ว นาย A ก็จะยังเป็นที่ต้องการของบริษัทอื่น ๆ และยังมีโอกาสเปลี่ยนงานใหม่และได้เงินเดือนสูงมากขึ้นต่อไปได้อีก

            เรื่องที่น่าคิดสำหรับคนที่มองเพียงแค่ว่า “ทำไมคนใหม่ได้เงินเดือนเยอะกว่าเรา” คือ...

          เราพัฒนาตัวของเราเองให้มีความรู้ความสามารถมีศักยภาพให้เป็นที่ต้องการของตลาดแล้วหรือยัง เพราะคนที่มีศักยภาพมีความสามารถจะยังเป็นที่ต้องการของตลาดอยู่เสมอ

            นี่ยังไม่รวมประเด็นที่ว่าเปอร์เซ็นต์การเติบโตของค่าจ้างของตลาดภายนอกบริษัทสูงกว่าเปอร์เซ็นต์การเติบโตภายในบริษัทยกตัวอย่างตามภาพนี้ครับ


            เห็นไหมครับว่าในปี 2560 ตลาดภายนอกมีการปรับค่าจ้างขั้นต่ำขึ้น 3.3% บวกเงินเฟ้อ 1% รวมเป็นประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ และในปี 2561 ค่าจ้างขั้นต่ำปรับเพิ่มขึ้น 4.8% อัตราเงินเฟ้อ 1% รวมเป็นประมาณ 6%

            ในขณะที่บริษัทส่วนใหญ่ขึ้นเงินเดือนประจำปีประมาณ 5%

          แปลว่าปี 2560 พนักงานโดยเฉลี่ยจะได้รับการขึ้นเงินเดือนเท่ากับตลาดภายนอกบริษัทพอดี

          แต่ปี 2561 พนักงานของเราโดยเฉลี่ยจะได้รับการขึ้นเงินเดือนต่ำกว่าตลาดภายนอก -1%!!

            กว่าจะได้รับการขึ้นเงินเดือนประจำปีก็ต้องมีการวัดผลงาน มี KPIs ดราม่ากันระหว่างหัวหน้า-ลูกน้องแทบแย่ แต่กลับได้ขึ้นเงินเดือนแค่เสมอตัวหรือติดลบเมื่อเทียบกับตลาดภายนอกที่ไม่ต้องทำอะไรเลยก็ได้รับการปรับเงินเดือนขึ้นมา 3-5%

            นี่ยังไม่รวมผลกระทบจากการปรับค่าจ้างขั้นต่ำเมื่อปี 2555 ที่ก้าวกระโดดขึ้นมาถึง 40% (หรือมากกว่านี้ในหลายจังหวัด) อีกต่างหากนะครับ

            ทั้งหมดนี้แหละครับคือสาเหตุของการที่ทำไมคนใหม่ถึงเงินเดือนไล่หลังหรือแซงคนเก่า และทำไมการจ้างคนใหม่ถึงแพงกว่าคนเก่า

          ทางออกของปัญหานี้ของคนเก่าก็คือ

1.      ต้องพัฒนาตัวเองให้มี “ของ” มีคุณค่าในตัวเองเพิ่มขึ้นให้ฝ่ายบริหารเห็นและปรับเงินเดือนให้ตามความสามารถและฝีมือ ไม่ว่าจะเป็นการปรับเงินเดือนเป็นกรณีพิเศษเพราะเราเป็นคนที่มีศักยภาพหรือเป็น Key Position หรือปรับเงินเดือนเนื่องจาก Promote ให้ให้เราขึ้นไปรับตำแหน่งที่สำคัญและมีความรับผิดชอบมากขึ้น

2.      ถ้าพัฒนาตัวเองให้มี “ของ” แล้ว แต่บริษัทนั้นยังไม่เห็นคุณค่าก็คงต้องใช้วิธี “เรือเล็กควรออกจากฝั่ง” ตามเพลงของพี่ตูนแล้วล่ะครับ ไปขายของขายขายคุณค่าขายความสามารถที่มีอยู่ในตัวเราให้บริษัทอื่นซื้อให้ได้ซึ่งนี่ก็จะเป็นการปรับเงินเดือนของเราด้วยความสามารถของตัวเราเองครับ

แต่ถ้าใครไม่ยอมพัฒนาตัวเอง ยังคิดอยู่ใน Comfort Zone ของตัวเอง และยังเอาเวลาที่ควรทำอะไรให้ดีขึ้นกับตัวเองไปวนเวียนอยู่กับการด่าบริษัท ด่าฝ่ายบริหาร ฯลฯ อยู่แล้วหวังว่าฝ่ายบริหารจะขึ้นเงินเดือนให้เยอะ ๆ โดยที่ตัวเองยังทำอะไรอยู่เหมือนเดิม ๆ ผมว่าก็คงไม่ต่างจากคนซื้อหวยแล้วฝันเฟื่องจะถูกรางวัลที่ 1 แหละครับ

……………………………………