ผมได้รับคำถามตามหัวเรื่องข้างต้นจากอีเมล์เมื่อไม่นานนี้เองครับ เป็นคำถามที่แม้จะสั้น ๆ แต่ก็น่าสนใจ
ผมว่าเรื่องนี้เราควรจะต้องกลับมาดูกันที่วัตถุประสงค์ของการรับนักศึกษาฝึกงานเข้ามาฝึกงานกับบริษัทก่อนจะดีไหมครับ
วัตถุประสงค์หลัก ๆ
ที่เรารับนักศึกษาฝึกงานเข้ามาก็เพื่อ....
1.
ต้องการจะสอนงานให้เขามีความรู้ความเข้าใจในชีวิตการทำงานจริงในภาคปฏิบัติก่อนที่เขาจะจบการศึกษาแล้วไปทำงานจริง
พูดง่าย ๆ
ว่านักศึกษาจะได้เห็นของจริงและลงมือปฏิบัติแทนที่จะเรียนรู้แต่ภาคทฤษฎีในห้องเรียนเป็นหลักเพียงอย่างเดียว
2.
หลายสถาบันการศึกษาก็จะมีข้อกำหนดว่า
ก่อนจบการศึกษา นักศึกษาจะต้องไปขอฝึกงานตามบริษัทต่าง ๆ
เสียก่อนโดยมีวัตถุประสงค์ตามข้อ 1 แถมด้วยว่าถ้าจะจบได้จะต้องมีชั่วโมงการฝึกงานตามที่ทางสถาบันกำหนดและบริษัทที่ไปขอฝึกงานประเมินผลให้ผ่านการฝึกงานนักศึกษาถึงจะขอจบได้
คราวนี้เรามาดูความหมายของการทำงานล่วงเวลาในกฎหมายแรงงานมาตรา
24 กันสักหน่อยดีไหมครับ
มาตรา ๒๔
ห้ามมิให้นายจ้างให้ลูกจ้างทำงานล่วงเวลาในวันทำงาน
เว้นแต่ได้รับความยินยอมจากลูกจ้างก่อนเป็นคราวๆ ไป
ในกรณีที่ลักษณะหรือสภาพของงานต้องทำติดต่อกันไปถ้าหยุดจะเสียหายแก่งาน
หรือเป็นงานฉุกเฉิน หรือเป็นงานอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
นายจ้างอาจให้ลูกจ้างทำงานล่วงเวลาได้เท่าที่จำเป็น
จากมาตรา 24 ของกฎหมายแรงงานข้างต้นผมมีข้อสังเกตดังนี้
1.
ถ้าดูตามกฎหมายแล้วจะเห็นได้ว่าโดยเจตนารมณ์เบื้องต้นในวรรคแรกของมาตรา
24 เขาก็ไม่อยากจะให้ลูกจ้างทำงานล่วงเวลา
(ผมขอเรียกภาษาคนทำงานว่า “โอที” นะครับ) แต่ถ้าลูกจ้างยินยอมก็สามารถให้ทำได้
จึงเป็นที่มาของการก่อนที่จะทำโอทีลูกจ้างจะต้องทำใบขอทำโอทีและผู้บริหารต้องอนุมัติให้ทำโอทีเสียก่อน
2.
ตามมาตรา 24 วรรคแรกก็บอกว่า
“ห้ามมิให้ลูกจ้างทำงานล่วงเวลา....เว้นแต่จะได้รับความยินยอมจากลูกจ้าง....”
เขาก็บอกอยู่แล้วว่าคนที่ทำงานล่วงเวลาคือ “ลูกจ้าง” ไม่ใช่หรือครับ
คำถามก็คือ....แล้วนักศึกษาฝึกงานเป็น
“ลูกจ้าง” หรือเปล่าครับ ?
3.
เรื่องที่ต้องคิดต่อมาคือค่าโอทีจะคิดจากฐาน
“ค่าจ้าง” เท่าไหร่เพราะนักศึกษาฝึกงานไม่ใช่ลูกจ้าง
และไม่ได้มีค่าจ้างเหมือนลูกจ้างนะครับ
4.
ถ้าให้นักศึกษาฝึกงานทำงานล่วงเวลาก็แปลว่าจะต้องให้นักศึกษาฝึกงานทำใบขอทำโอทีเหมือนกับพนักงาน
มีการจ่ายค่าล่วงเวลาเหมือนกับพนักงานประจำ ทั้ง ๆ
ที่งานและความรับผิดชอบหลักควรจะต้องเป็นของพนักงานไม่ใช่หรือครับ
5.
การให้นักศึกษาฝึกงานทำโอทีแล้วต้องเดินทางกลับบ้านดึก
ๆ ดื่น ๆ โดยเฉพาะถ้านักศึกษาฝึกงานที่เป็นผู้หญิงท่านคิดว่าเหมาะสมหรือไม่
สวัสดิภาพของนักศึกษาฝึกงานจะปลอดภัยแค่ไหนยิ่งถ้าเราดูข่าว
ทุกวันนี้ก็เกิดเหตุฉกชิงวิ่งราวอยู่บ่อย
ๆ
อย่าว่าแต่ผู้หญิงเลยครับผู้ชายก็โดนแทงตายได้เพราะแค่อยากจะชิงทรัพย์โทรศัพท์มือถือเครื่องเดียว
ในเรื่องนี้ผมว่าคนที่เป็นพ่อเป็นแม่จะเข้าใจได้ดีนะครับ
จากข้อสังเกตที่ผมบอกมาทั้งหมดข้างต้นผมคิดว่าท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้คงจะคิดได้เองแล้วนะครับว่าบริษัทควรให้นักศึกษาฝึกงานทำโอทีหรือไม่
แล้วบริษัทของท่านล่ะ....ยังให้นักศึกษาฝึกงานทำโอทีอยู่หรือเปล่าครับ
?