วันจันทร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2565

ทบทวนสักนิดก่อนคิดยื่นใบลาออก

             ท่านเคยมีอาการ “รักวันศุกร์ เกลียดวันจันทร์” หรือมีอาการเหมือนกับเด็กไม่อยากไปโรงเรียนบ้างไหมครับ ?

            รู้สึกว่างานที่ทำมันเริ่มจะไม่สนุกแล้ว เริ่มหมด Passion ทำงานไปจนเหมือนกับเป็น Routine ชนิดหลับตาก็ทำได้ งานที่ทำก็ซ้ำ ๆ งานวันนี้ก็เหมือนที่ทำไปเมื่อวานนี้ เหมือนเมื่อเดือนที่แล้ว เหมือนเมื่อหลายปีที่แล้ว ทำงานไปก็ไม่ได้ก้าวหน้าไปไหน เงินเดือนที่ได้ก็งั้น ๆ

            ฯลฯ

            เมื่อมีอาการทำนองนี้คำว่า “ลาออก” ก็เริ่มดังขึ้นในหัวของเรา

            การลาออกมันไม่ยากหรอกครับ แค่เขียนใบลาออกแล้วไปยื่นให้กับหัวหน้ามันก็จบแล้วล่ะ เมื่อถึงวันที่เราระบุเอาไว้ในใบลาออกก็จะมีผลทันทีตามกฎหมายแรงงาน

          แต่การลาออกไม่ใช่การสิ้นสุดของปัญหา มันเป็นเพียงการเริ่มต้นของปัญหาในอนาคตต่อไปของตัวเราเองต่างหาก ถ้าเราไม่มีการวางแผนที่ดีและมีสติคิดให้ดีก่อนยื่นใบลาออก

            วันนี้ผมก็เลยทำเช็คลิสต์มาเพื่อดึงสติท่านที่กำลังคิดจะลาออก แล้วลองให้คะแนนตัวเองในแต่ละปัจจัยดูว่าความหนัก-เบาของปัญหาที่เรากำลังเจออยู่น่ะมันเลเวล (Level) ไหน และเมื่อรวมคะแนนทั้งหมดทุกปัจจัยและคิดอย่างถี่ถ้วนรอบด้านแล้วเราควรจะตัดสินใจลาออกหรือเปล่า

            ตามไปเช็คลิสต์ตัวเองที่ด้านล่างนี้ได้เลยครับ


            เมื่อทำเช็คลิสต์แล้ว คิดใคร่ครวญอย่างรอบคอบแล้วและยังตัดสินใจว่าจะลาออกจากที่ทำงานปัจจุบัน ผมก็อยากจะให้ข้อคิดเพิ่มเติมเผื่อเป็นประโยชน์อย่างนี้ครับ

1.     ประเมินศักยภาพ/ความสามารถของตัวเอง (ด้วยใจเป็นกลางไม่เข้าข้างตัวเอง) ให้ดีว่าเราชอบหรือไม่ชอบอะไร ถนัดเรื่องไหน อยากทำงานด้านไหน เป้าหมายในชีวิตของเราอยากจะทำอะไรกันแน่

2.      ถ้าตัดสินใจลาออกจากที่ปัจจุบัน เรามีแผนจะทำอะไรต่อไป แผนที่ผมพูดถึงนี้ต้องเป็นแผนที่เกิดขึ้นได้จริงแบบเป็นรูปธรรมนะครับ ไม่เอาแผนแบบเพ้อฝันลอยลม เช่น

2.1   ถ้าจะยังเดินทางในสายลูกจ้าง ก็ควรจะต้องได้งานใหม่เสียก่อนถึงค่อยไปยื่นใบลาออก

2.2   ถ้าไม่อยากเป็นลูกจ้างแล้วจะทำกิจการของตัวเองก็ยิ่งต้องมีการเตรียมตัวให้ดีในทุก ๆ ด้าน

3.      ไม่ควรเปลี่ยนงานเพราะอารมณ์ความรู้สึกว่าสะใจ เรากุมความลับ เรารู้งานดีที่สุดอยู่คนเดียว ถ้าเราลาออกซะคน บริษัทปั่นป่วนวุ่นวายแน่ ขาดฉันแล้วบริษัทจะรู้สึก ได้แก้แค้นหัวหน้าแก้แค้นบริษัท ฯลฯ การตัดสินใจลาออกด้วยอารมณ์แบบนี้มีแต่จะทำให้ตัวเราเองมีปัญหาต่อไปในภายหน้า

4.      ไม่ควรตัดสินใจทำงานในที่ใหม่เพียงเพราะคิดว่าเอาที่ไหนก็ได้ไว้ก่อน เพราะที่ปัจจุบันเราอยู่ไม่ได้แล้วซึ่งความจริงที่ปัจจุบันก็อาจจะยังไม่เลวร้ายถึงขนาดนั้น แต่ความรู้สึกของเรามัน Overreact เล่นใหญ่รัชดาลัยเกินไป ถ้าเป็นอย่างงี้มีหวัง “หนีเสือปะจระเข้”

5.      ไม่ควรเปลี่ยนงานบ่อยแบบ Job Hopper ทำแต่ละที่ไม่เกินปี (หรืออาจจะบ่อยกว่านั้น) เบื่อที่ไหนก็พร้อมจะบินไปที่อื่น ผมเคยเห็น Profile ของผู้สมัครงานบางคนที่ดูเหมือนจะเก่งมีความสามารถและคิดว่าตัวเองมีฝีมือ แต่เปลี่ยนงานบ่อย เพราะเปลี่ยนงานทีไรก็ได้อัพค่าตัวขึ้นอยู่เสมอ แต่พอเวลาผ่านไปก็พบว่าเก่งแบบกลวง ๆ ทำให้เสีย Career Path จากดาวรุ่งกลายเป็นดาวร่วง เพราะเปลี่ยนงานบ่อยเกินไปจนบริษัทไม่กล้ารับเข้าทำงานเพราะกลัวว่าจะมาอยู่กับบริษัทเหมือนเป็นศาลาพักร้อน

หวังว่าเรื่องที่ผมเล่ามานี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังคิดที่จะลาออก และเมื่อตัดสินใจแล้วก็ผูกเชือกรองเท้าให้แน่นแล้วเดินหน้าได้เลยครับ