วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2563

การกำหนดเงินเดือนผู้สมัครงานไม่ควรดูเพียงแค่อายุงานกับตำแหน่ง

             ผมได้รับคำถามมาว่า “ผู้สมัครตำแหน่งเจ้าหน้าที่การตลาดมีประสบการณ์ทำงาน 3 ปี ปัจจุบันได้รับเงินเดือน 30,000 บาท จะขอเงินเดือน 35,000 บาท แต่ค่ากลาง (Midpoint) ตามโครงสร้างเงินเดือนของบริษัทในตำแหน่งนี้อยู่ที่ประมาณ 20,000 บาท บริษัทควรจะให้เงินเดือนตามที่ผู้สมัครขอหรือไม่”

            ผมถามนี้ไปอย่างนี้ครับ

1.      บริษัทของคุณมีโครงสร้างเงินเดือนหรือไม่? ได้รับคำตอบว่า “มีโครงสร้างเงินเดือนที่ HR คนเก่าเขาทำเอาไว้นานแล้ว” พอผมถามว่าโครงสร้างเงินเดือนของบริษัทแบ่งเป็นกี่ Job Grade หรือกี่กระบอกก็ได้รับคำตอบว่าไม่ได้แบ่งเป็นกระบอกหรือยังไม่เคยมีการประเมินค่างานมาก่อน โครงสร้างเงินเดือนที่ผู้ถามพูดถึงกลายเป็นอัตราการจ่ายเงินเดือนขั้นต่ำสุดและสูงสุดของแต่ละตำแหน่ง

Lesson Learn ในเรื่องนี้ : ยังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องของโครงสร้างเงินเดือนอยู่ไม่น้อย และคิดว่าอัตราแรกจ้างหรืออัตราการจ้างในตำแหน่งต่าง ๆ คือโครงสร้างเงินเดือนทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วลักษณะแบบนี้ไม่ถือว่าเป็นโครงสร้างเงินเดือนที่ถูกต้องจึงไม่สามารถนำมาใช้เป็นหลักเกณฑ์ในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการจ่ายเงินเดือนได้ เพราะในที่สุดก็จะใช้ความรู้สึกในการตัดสินใจว่าจะให้ผู้สมัครเท่าไหร่มากกว่าหลักเกณฑ์

2.      จากคำตอบตามข้อ 1 ผู้ถามจึงไม่สามารถนำ Midpoint 20,000 บาทมาใช้เป็นหลักเกณฑ์อ้างอิงได้เพราะบริษัทยังไม่มีการทำโครงสร้างเงินเดือนที่ถูกต้อง

3.      ถ้าจะถามว่าบริษัทควรจะให้เงินเดือน 35,000 ตามที่ผู้สมัครขอมาหรือไม่? อันนี้ผมตอบไปว่าผมคงตอบเดี๋ยวนี้ไม่ได้เพราะ....

3.1   ผมไม่ทราบว่า JD (Job Description) ของตำแหน่งเจ้าหน้าที่การตลาดของบริษัทคุณจะต้องมีงานและความรับผิดชอบยังไงบ้าง

3.2   ผมไม่ทราบคุณสมบัติอื่น ๆ ที่บริษัทต้องการเช่น คุณวุฒิ, ประสบการณ์ทำงานในงานด้านนี้เป็นพิเศษหรือจะต้องความสามารถพิเศษอื่น ๆ เกี่ยวข้องในงานนี้ที่จำเป็นว่ามีอะไรเพิ่มเติมบ้างหรือไม่

3.3   ผมไม่ได้สัมภาษณ์ผู้สมัครงานรายนี้ทำให้ผมไม่ทราบว่าผู้สมัครรายนี้มีคุณสมบัติเหมาะตรงกับ JD ในตำแหน่งนี้ของบริษัทมากหรือน้อยแค่ไหน ก็เลยตอบไม่ได้ว่าควรจะให้เงินเดือนตามที่ผู้สมัครรายนี้ขอมาหรือไม่ เพราะไม่มีทั้งข้อมูลของผู้สมัครและไม่มีข้อมูลของตำแหน่งงานนี้ของบริษัท

อยากจะอธิบายเพิ่มเรื่องเกี่ยวกับการกำหนดอัตราการจ้างพนักงานที่มีประสบการณ์ทำงานอย่างนี้คือเราจะดูแค่เพียงชื่อตำแหน่งว่าเหมือนกัน หรือดูแค่เรื่องอายุงาน 3 ปี หรือดูว่าปัจจุบันผู้สมัครรายนี้ได้เงินเดือนอยู่ 30,000 บาท แล้วเราจะมาสรุปว่าเราควรให้เงินเดือนเขา 35,000 บาท (ขอเพิ่มขึ้น 17%) ตามที่ผู้สมัครขอมาไม่ได้ครับ

เพราะเราไม่รู้ว่าผู้สมัครรายนี้มีผลงาน+ความสามารถจากที่บริษัทเดิมมากน้อยแค่ไหน ยกตัวอย่างเช่น ถ้าผู้สมัครรายนี้เป็นเจ้าหน้าที่การตลาดทำงานมาแล้ว 3 ปี แล้วบริษัทเราตกลงรับเข้ามาทำงานด้วยเงินเดือน 35,000 บาทตามที่เขาขอ

ถ้าเราพบว่าเขาไม่สามารถทำงานได้ดีเหมือนเจ้าหน้าที่การตลาดคนเดิมที่ลาออกไปล่ะ บริษัทจะต้องไปตามแก้ปัญหาพนักงานคนนี้ในอนาคตอีกใช่หรือไม่?

ก่อนการสรุปและตัดสินใจว่าจะให้เงินเดือนตามที่ผู้สมัครขอมาหรือไม่จึงควรจะต้องพิจารณาข้อมูลที่เกี่ยวกับลักษณะงานและความรับผิดชอบรวมถึงคุณสมบัติต่าง ๆ ตาม JD ในตำแหน่งนี้ของเราโดย Match กับประสบการณ์ผลงานและความสามารถขของผู้สมัครให้ดีเสียก่อนว่าเราได้คนที่ใช่แล้วจริง ๆ

ซึ่งการ Matching ดังกล่าวไม่ควรใช้วิธีสัมภาษณ์แบบจิตสัมผัส (Unstructured Interview)

ดังนั้นการสัมภาษณ์ของ Line Manager ฝ่ายการตลาดก็มีส่วนสำคัญ ผมไม่ทราบว่าคนที่เป็นกรรมการสัมภาษณ์ใช้วิธีการสัมภาษณ์แบบ Structured Interview โดยการตั้งคำถามล่วงหน้าที่วัดความเหมาะสมของผู้สมัครแต่ละรายกับตำแหน่งงานนี้หรือไม่

หรือยังใช้วิธีการสัมภาษณ์แบบจิตสัมผัส (Unstructured Interview) ซึ่งใช้ความรู้สึกหรือใช้อคติส่วนตัวในการคัดเลือก ซึ่งถ้ายังใช้วิธีสัมภาษณ์แบบจิตสัมผัสก็มีโอกาสที่จะได้ผู้สมัครที่มีคุณสมบัติไม่ตรงไม่เหมาะกับตำแหน่งงานนี้สูงมากนะครับ และทำให้บริษัทตั้งเงินเดือนให้กับผู้สมัครที่ไม่เก่งสูงแบบสูงเกินจริงอีกต่างหาก

อีกเรื่องหนึ่งคือบริษัทไม่มีโครงสร้างเงินเดือนที่ออกแบบมาจากการเปรียบเทียบตำแหน่งงานในแต่ละ Job Grade กับตลาดแข่งขันอย่างถูกต้อง แม้จะบอกว่าบริษัทมีโครงสร้างเงินเดือน แต่จากที่อธิบายให้ฟังผมถือว่ายังไม่มีโครงสร้างเงินเดือนครับจึงไม่สามารถนำมาใช้เป็นหลักเกณฑ์ในการบริหารจัดการได้

นี่ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ทำให้ HR ไม่มีหลักเกณฑ์ที่น่าเชื่อถือที่จะอ้างอิงได้ว่าการที่ผู้สมัครขอเงินเดือนมาที่ 35,000 บาทนั้น เมื่อเปรียบเทียบกับตลาดและโครงสร้างเงินเดือนของบริษัทแล้วจะถือว่า Overpay หรือ Underpay และบริษัทควรจะให้ได้หรือไม่

หวังว่าที่ผมอธิบายมาทั้งหมดจะเป็นข้อคิดเตือนใจสำหรับคนที่เป็นผู้บริหาร, HR ที่ต้องดูแลเกี่ยวกับการสรรหาคัดเลือก หรือคนที่ทำงานด้าน Com & Ben (Compensation & Benefits) จะได้นำข้อคิดเหล่านี้กลับไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์กับบริษัทของท่านในการกำหนดอัตราจ้างผู้สมัครงานต่อไปนะครับ

                                                               ............................................