วันศุกร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2562

ถ้าปรับค่าจ้างขั้นต่ำจาก 325 บาทเป็น 425 บาทจะเกิดอะไรตามมา?


            ได้ยินข่าวว่ามีการสัญญากันว่าจะปรับค่าจ้างขั้นต่ำจากเดิมเพิ่มขึ้นเป็นวันละ 425 บาท ผมก็เลยอยากจะขอนำเรื่องนี้มาเล่าสู่กันฟังว่าถ้าหากมีการปรับค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มขึ้นเป็นตัวเลขดังกล่าวจริงจะมีผลกระทบอะไรบ้างกับบริษัท ซึ่งคงต้องเป็นหน้าที่ของคนที่ดูแลระบบค่าตอบแทนของบริษัทหรือที่มักเรียกกันว่า Com & Ben (Compensation & Benefit) จะได้เตรียมข้อมูลเพื่อนำเสนอฝ่ายบริหารเพื่อหาวิธีที่เหมาะสมต่อไปนะครับ

            และขอบอกไว้ก่อนว่าเรื่องที่ผมนำมาเล่าสู่กันฟังนี้ไม่เกี่ยวข้องใด ๆ กับการเมืองเพราะโดยส่วนตัวผมก็ไม่ชอบเรื่องการเมืองอยู่แล้ว จึงเป็นเพียงความคิดเห็นเกี่ยวกับผลกระทบจากประสบการณ์ของคนที่ทำงานด้านบริหารจัดการค่าตอบแทนภาคปฏิบัติมากว่า 35 ปีเท่านั้นนะครับไม่ได้มีนัยยะทางการเมืองใด ๆ ทั้งสิ้น

          ดังนั้นผมไม่ต้องการให้ใครนำข้อคิดความเห็นของผมไปโจมตีใครในทางการเมือง แต่ขอให้แชร์เป็นความรู้และนำไปใช้ประโยชน์ในเรื่องของการบริหารค่าจ้างเงินเดือนในองค์กรเท่านั้นนะครับ

            ผมขอนำเสนอโดยภาพตามตารางข้างล่างนี้

อธิบายได้อย่างนี้ครับ

1.      ผมใช้ค่าจ้างขั้นต่ำปัจจุบันในเขตกรุงเทพมหานครเป็นหลัก (เนื่องจากเรามีค่าจ้างขั้นต่ำในปัจจุบันอยู่ 7 อัตราก็เลยขอใช้อัตราในกทม.) คือวันละ 325 บาท เดือนละ 9,750 บาท

2.      หากปรับค่าจ้างขั้นต่ำจากวันละ 325 บาท (เดือนละ 9,750 บาท) เป็นวันละ 425 บาท (เดือนละ 12,750 บาท) จะเพิ่มขึ้นคิดเป็น 30.8 เปอร์เซ็นต์

3.      อัตราเงินเดือนเริ่มต้นตามคุณวุฒิสำหรับคนจบใหม่ในปัจจุบันโดยเฉลี่ยคือ

3.1   ปวช. 11,000 บาท
3.2   ปวส. 13,000 บาท
3.3   ปริญญาตรี 15,000 บาท

4.      ในตารางที่ 1 จะเห็นได้ว่าเราจำเป็นจะต้องปรับอัตราเงินเดือนเริ่มต้นตามคุณวุฒิปวช.เพิ่มขึ้นเนื่องจากจ่ายต่ำกว่าค่าจ้างขั้นต่ำอัตราใหม่ (12,750 บาท) และเมื่อเป็นอย่างนี้ก็จำเป็นต้องปรับอัตราเงินเดือนเริ่มต้นตามคุณวุฒิปวส.และปริญญาตรีเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ผมจึงใช้เปอร์เซ็นต์เพิ่มขึ้นของการปรับค่าจ้างขั้นต่ำจาก 325 บาทเป็น 425 บาท (เพิ่มขึ้น 30.8 เปอร์เซ็นต์) เป็นตัวคูณอัตราเงินเดือนเริ่มต้นตามคุณวุฒิจึงได้อัตราเงินเดือนเริ่มต้นตามคุณวุฒิใหม่คือ

4.1   ปวช.ปรับเพิ่มขึ้นจาก 11,000*30.8% เป็น 14,385 บาท
4.2   ปวส.ปรับเพิ่มขึ้นจาก 13,000*30.8% เป็น 17,000 บาท
4.3   ปริญญาตรีเพิ่มขึ้นจาก 15,000*30.8% เป็น 19,615 บาท

5.      ในตารางที่ 2 ผมลองคำนวณหาอัตราเงินเดือนเริ่มต้นตามคุณวุฒิต่าง ๆ โดยกำหนดสมมุติฐานใหม่คือ

5.1   เดิมอัตราเงินเดือนเริ่มต้นตามคุณวุฒิปวช.(11,000) ห่างจากอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (9,750) อยู่ 13 เปอร์เซ็นต์ ผมจึงใช้เปอร์เซ็นต์ความห่างนี้คูณอัตราค่าจ้างขั้นต่ำใหม่คือเดือนละ 12,750*13% จะได้เงินเดือนปวช.อัตราใหม่คือ 14,408 บาท ซึ่งจะทำให้เงินเดือนของปวช.จบใหม่เพิ่มขึ้นจากอัตราเดิม (ที่ 11,000 บาท) ประมาณ 31 เปอร์เซ็นต์

5.2   เดิมอัตราเงินเดือนเริ่มต้นตามคุณวุฒิปวส.(13,000) ห่างจากอัตราเงินเดือนปวช.(11,000) อยู่ 18 เปอร์เซ็นต์ ผมจึงใช้เปอร์เซ็นต์ความห่างนี้คูณอัตราเงินเดือนปวช.ใหม่คือเดือนละ 14,408*18% จะได้เงินเดือนปวส.อัตราใหม่คือ 17,000 บาท ซึ่งจะทำให้เงินเดือนของปวส.จบใหม่เพิ่มขึ้นจากอัตราเดิม (ที่ 13,000 บาท) ประมาณ 31 เปอร์เซ็นต์

5.3   เดิมอัตราเงินเดือนเริ่มต้นตามคุณวุฒิปริญญาตรี (15,000) ห่างจากอัตราเงินเดือนปวส.(13,000) อยู่ 15 เปอร์เซ็นต์ ผมจึงใช้เปอร์เซ็นต์ความห่างนี้คูณอัตราเงินเดือนปวส.ใหม่คือเดือนละ 17,000*15% จะได้เงินเดือนปริญญาตรีอัตราใหม่คือ 19,550 บาท ซึ่งจะทำให้เงินเดือนของปริญญาตรีจบใหม่เพิ่มขึ้นจากอัตราเดิม (ที่ 15,000 บาท) ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์

6.      จากทั้งสองตารางจึงพอจะเห็นตัวเลขผลกระทบของการปรับค่าจ้างขั้นต่ำจากวันละ 325 บาท เป็นวันละ 425 บาทคือ บริษัทจะต้องปรับอัตราเงินเดือนเริ่มต้นตามคุณวุฒิดังนี้

6.1   อัตราเงินเดือนใหม่ของผู้จบปวช. คือ ประมาณ 14,400 บาทเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 30.9%
6.2   อัตราเงินเดือนใหม่ของผู้จบปวส.คือ ประมาณ 17,000 บาทเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 30.8%
6.3   อัตราเงินเดือนใหม่ของผู้จบปริญญาตรี ประมาณ 19,500 บาทเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 30%

7.      ต้นทุนการจ่ายเงินเดือนที่จะเพิ่มขึ้นเนื่องจากการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ (รวมทั้งอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่เพิ่มขึ้น) บริษัทต่าง ๆ เป็นผู้แบกรับไว้แต่เพียงผู้เดียว สำหรับเปอร์เซ็นต์ที่จะต้องปรับเพิ่มขึ้นสำหรับคนจบใหม่ตามคุณวุฒิต่าง ๆ ข้างต้น จะเป็นแนวทางให้คนที่ทำงานด้าน Com & Ben ได้คิดคำนวณ Staff Cost ในด้านต่าง ๆ ที่จะต้องเพิ่มขึ้นแล้วนะครับ

สำหรับต้นทุนที่จะเพิ่มขึ้นในเบื้องต้นผมสรุปมาให้ดังนี้ครับ

1.      ต้นทุนการจ้างพนักงานเข้าใหม่ที่บริษัทจะต้องจ้างเข้ามาเป็น New hire หลังจากประกาศค่าจ้างขั้นต่ำ
2.      ต้นทุนในการปรับค่าจ้างพนักงานเก่าที่ถูกจ้างมาด้วยค่าจ้างขั้นต่ำเมื่อปีที่แล้ว
3.      ต้นทุนในการปรับอัตราเงินเดือนเริ่มต้นตามคุณวุฒิต่าง ๆ ที่ผมบอกไปข้างต้นสำหรับพนักงานที่จะเข้ามาใหม่
4.      ต้นทุนในการปรับเงินเดือนพนักงานเก่าที่เข้ามาก่อนหน้านี้ด้วยอัตราเริ่มต้นตามคุณวุฒิเดิมเพื่อหนีผลกระทบจากการปรับอัตราเงินเดือนเริ่มต้นตามคุณวุฒิคนใหม่ในครั้งนี้
5.      ต้นทุนที่อิงกับฐานเงินเดือน เช่น ค่าล่วงเวลา, ค่าทำงานในวันหยุด, ค่าล่วงเวลาในวันหยุดที่จะต้องเพิ่มขึ้น, เงินสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, เงินสมทบกองทุนประกันสังคมในส่วนของบริษัทที่จะต้องจ่ายเพิ่มขึ้น
6.      บริษัทอาจจะต้องกลับมาทบทวนโครงสร้างเงินเดือนและ Update โครงสร้างเงินเดือนใหม่
7.      บริษัทอาจจะต้องปรับเงินเดือนพนักงานที่เป็น Talent หรือพนักงานที่มีศักยภาพสูงบางคนเพื่อหนีผลกระทบครั้งนี้
8.      อาจมีการปรับค่าจ้างตามทักษะวิชาชีพเพิ่มขึ้น

            เท่าที่นึกออกตอนนี้มีเท่านี้ก่อนก็แล้วกัน หวังว่าข้อคิดความเห็นนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้เกี่ยวข้องที่จะต้องรับผิดชอบงานด้านบริหารค่าตอบแทนที่จะได้นำไปประกอบการวิเคราะห์เพื่อนำเสนอฝ่ายบริหารในการรับมือในกรณีที่มีการปรับค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มขึ้นเป็นวันละ 425 บาทจริงตามข่าว

            แต่ถึงแม้ว่าจะไม่มีการปรับค่าจ้างขั้นต่ำสูงถึงวันละ 425 บาทตามข่าว แต่ยังไงก็คงจะต้องมีการปรับค่าจ้างขั้นต่ำอยู่ดีแหละครับซึ่งถ้าตัวเลขในการปรับน้อยกว่าวันละ 425 บาท ท่านก็ยังสามารถนำตารางที่ผมนำเสนอมานี้ไปปรับใช้ให้เป็นไปตามอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่จะปรับใหม่ได้นะครับ

            ขอย้ำปิดท้ายอีกครั้งหนึ่งตรงนี้ว่านี่เป็นความคิดเห็นจากคนที่ทำงานด้านนี้โดยตรงไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมืองใด ๆ และเป็นความเห็นจากประสบการณ์เพื่อให้ข้อคิดกับคนที่จะต้องรับผิดชอบด้านค่าตอบแทนในบริษัทเพื่อเตรียมรับผลกระทบเท่านั้น

....................................