วันอังคารที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2566

ทำยังไงถึงจะทำให้งาน HR ราบรื่น

             ผมเชื่อว่าคนที่ทำงานด้าน HR จำนวนหนึ่งมักจะมีปัญหาในการสื่อสารทำความเข้าใจกับบรรดาหัวหน้าหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งผมขอเรียกรวม ๆ ว่า “Line Manager” แล้วเขาไม่เข้าใจหรือไม่ให้ความร่วมมือ หรือบางครั้งอาจจะถูกต่อต้านเสียด้วยซ้ำไป

            ปัญหานี้ถ้าจะมองจากมุมของคนทำงาน HR เพียงด้านเดียวก็จะสรุปได้ง่าย ๆ ว่าเพราะพวก Line Manager ไม่ให้ความร่วมมือ, เข้าใจอะไรยาก, ต่อต้านการเปลี่ยนแปลง, ไม่ยอมบริหารจัดการลูกน้องตัวเอง ฯลฯ

          แต่เรา (หมายถึงคนทำงาน HR) เคยมองแบบ Outside in จากฝั่งของ Line Manager   บ้างหรือไม่ว่าทำไมเขาถึงไม่ร่วมมือ ?

            เรามาลองทบทวนต้นสายปลายเหตุกันดูเพื่อให้สามารถคุยกันรู้เรื่องกันอีกสักครั้งดีไหมครับ

1.      ต้องยอมรับว่า HR ไม่สามารถทำงาน หรือโครงการในเรื่องคนได้จบภายในฝ่าย HR เพียงฝ่ายเดียว แต่ต้องขอความร่วมมือร่วมใจจากฝ่ายต่าง ๆ ต้องอาศัยการทำงานเป็นทีมถึงจะทำให้งานหรือโครงการต่าง ๆ สำเร็จลงได้

2.      ในการขอความร่วมมือ หรือประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ก็ต้องมีการติดต่อสื่อสารกับบรรดา Line Manager เรื่องที่น่าคิดก็คือ HR เคยสื่อสารกับ Line Manager ด้วยภาษาของเขาบ้างไหม และในขณะเดียวกัน HR เคยให้ Line Manager ได้เรียนภาษาของ HR ประเภท HR for NON HR บ้างหรือไม่

3.      HR เคยเดินสายพบปะเยี่ยมเยียนมิตรรักแฟนคลับกับบรรดา Line Manager บ้างหรือไม่ หรือเอาแต่นั่งเป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์อยู่ที่โต๊ะของตัวเองแล้วรอให้ Line Manager มาหาเท่านั้น หรือทำตัวเหินห่างกับ Line Manager และพนักงานอื่น

4.      HR ได้แต่บอกให้คนอื่นเปลี่ยนแปลง แต่ตัวเองยังคงไม่ยอมเปลี่ยนแปลงแถมทำงานแบบเดิม ๆ

ผมยกตัวอย่างมาเบาะ ๆ พอเป็นไอเดียสักสี่ข้อข้างต้นเพื่อให้ท่านที่ทำงาน HR ลองหันกลับมาทบทวนเพื่อปรับปรุงตนเองดังนี้

ในข้อ 1และข้อ 2  ถ้า HR ต้องรับผิดชอบทำงานต่าง ๆ เช่น การทำระบบ Development Roadmap ไปโดยไม่เคยไปขอความร่วมมือหรือประสานงานกับ Line Manager

ระบบเหล่านี้จะสำเร็จได้ยังไง ?

            ก็ไม่เคยพูดจาอะไรกับเขาเลยนี่ครับ !

            อันที่จริงแล้วปัญหาหลัก ๆ ของการคุยกันไม่รู้เรื่องไม่เกิดการประสานงานที่ดีก็อยู่ที่การสื่อสารกันนี่แหละครับ

          มักจะพบว่า HR จะคุยกับฝ่ายอื่น ๆ รวมถึงฝ่ายบริหารระดับสูงด้วยภาษาของ HR เลยพูดกับ Line Manager ด้วยภาษา HR

ในขณะที่ Line Manager เขาก็พูดกับ HR ด้วยภาษาของ Line Manager มันก็เลยเข้ากับคำพังเพยที่ว่า “ไปไหนมา..สามวาสองศอก”

            ในหลายองค์กรพยายามที่จะหัดให้ Line Manager เข้าใจและพูดด้วยภาษา HR ด้วยการจัดการอบรมหลักสูตร HR for NON HR” ให้กับ Line Manager โดยหวังว่าจะทำให้ Line Manager เข้าใจภาษา HR ขึ้นมาบ้าง

            แต่แค่นั้นน่าจะยังไม่พอ

            HR ยุคใหม่ควรจะต้องเรียนรู้ภาษาของ Line Manager ด้วย ซึ่งภาษาของ Line Manager ก็มีหลากหลาย เช่น ภาษาทางด้านบัญชี-การเงิน, ภาษาการตลาด, ภาษาด้านขาย, ภาษาการผลิต, ภาษา IT, ภาษา Logistic ฯลฯ เพื่อที่จะได้คุยกับบรรดา Line Manager รู้เรื่อง

            คนทำงาน HR ในยุคใหม่นี้ถ้าจะเรียนต่อ ควรจะเรียนด้าน MBA หรือ Mini MBA หรือ Micro MBA บ้าง หรือเวลาอ่านหนังสือก็ควรจะต้องอ่านทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ, สังคม, การเมือง, เทคโนโลยี, การตลาด, IT, CSR ฯลฯ

หรือพูดง่าย ๆ ว่า HR จะต้องเปิดรับการเรียนรู้ด้านต่าง ๆ ให้มากขึ้นจากเดิมที่จะรู้เฉพาะงานด้าน HR เพียงด้านเดียว จะทำให้เราเข้าใจวิธีคิดตลอดจนภาษาของพวก Line Manager ได้ดีขึ้น

ไม่ใช่พอ Line Manager เขาพูดถึงเรื่องของ ROI, Ratio ด้านการเงิน, พูดถึงกลยุทธ์ด้านการตลาด, สายการผลิต ฯลฯ HR ก็ได้แต่นั่งฟังแบบ No Idea ไม่มีความเห็นและไม่เข้าใจอะไรนอกจากภาษา HR นั้นคงจะไม่ได้แล้วล่ะครับ

            เมื่อเรียนรู้ภาษาของ Line Manager แล้ว HR ก็ควรจะต้องแก้ปัญหาในข้อ 3 และข้อ 4 ข้างต้น คือจะต้องปรับเปลี่ยนตัวเอง (ก่อนที่จะไปจูงใจให้คนอื่นเขาเปลี่ยนแปลง) โดยต้องออกจาก Comfort Zone ไป “ลงพื้นที่” (ขอใช้ศัพท์นักการเมือง) เสียบ้าง

HR ที่ไม่เคยเดินไปพบปะเยี่ยมเยียนพนักงานบ้างเลยต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสียใหม่ โดยจะต้องลงพื้นที่สื่อสาร ชี้แจง ขอความร่วมมือ ตลอดจนสร้างแรงงานสัมพันธ์ที่ดีกับพนักงานทุกระดับทุกหน่วยงานในองค์กร หรือใช้หลัก Management by Walking Around

เมื่อ HR ได้พูดคุยกับ Line Manager บ่อยมากขึ้นก็จะทำให้ต่างฝ่ายต่างเรียนรู้ภาษาของกันและกันมากขึ้นก็จะเกิดความเข้าใจที่ดีต่อกันตามไปด้วย ที่สำคัญคือ HR จะต้องไม่เบื่อที่จะอธิบายเรื่องที่ Line Manager ยังไม่เข้าใจจนเข้าใจ และสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเอาไว้เพื่อเป็นแนวร่วมของเราในการทำงาน

มีอยู่คำหนึ่งที่บอกไว้ว่า “ยิ่งสื่อสารกันมากขึ้น..ยิ่งเข้าใจกันมากขึ้น”

ความเข้าใจและความร่วมมือเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากผู้อื่นก่อนหรอกนะครับ..แต่อยู่กับตัวของเราเองนั่นแหละว่าจะทำอย่างไร.