วันศุกร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2564

รับคนนอกให้ต่ำกว่าตำแหน่งที่ต้องการหนึ่งระดับถ้าพ้นทดลองงานค่อยเลื่อนตำแหน่งจะดีไหม?

            ใน Session หนึ่งที่เกี่ยวกับการสรรหาคัดเลือกผู้สมัครงานมีคำถามจากผู้บริหารตามหัวเรื่องข้างต้นโดยผู้บริหารท่านนี้ยกตัวอย่างว่า สมมุติว่าต้องการรับสมัครผู้จัดการแผนกการตลาดแต่จะรับผู้สมัครเข้ามาทดลองงานในตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการแผนกการตลาดเสียก่อนโดยให้เงินเดือนในระดับผู้ช่วยผู้จัดการแผนก ถ้าผู้สมัครรายนี้มีผลงานที่ดีทำงานได้น่าพอใจค่อยเสนอเลื่อนตำแหน่งให้เป็นผู้จัดการแผนกการตลาดแล้วค่อยปรับเงินเดือนขึ้นมา

            ท่านผู้อ่านมีความคิดเห็นยังไงกับไอเดียนี้ครับ?

            ผมมีความเห็นอย่างนี้ครับ

1.      ถ้าบริษัทต้องการคนที่เข้ามาเป็นผู้จัดการแผนกการตลาดก็ควรหาผู้สมัครที่มีคุณสมบัติตรงตามตำแหน่งที่ต้องการ

2.      ผู้บริหารแย้งมาว่าในการสัมภาษณ์เขามีเวลาสัมภาษณ์ไม่นานแล้วเขาจะรู้ได้ยังไงว่าผู้สมัครคนไหนมีคุณสมบัติอย่างที่เขาต้องการ

ผมก็ตอบไปว่าคนที่เป็นกรรมการสัมภาษณ์จะต้องมีการเตรียมตัวก่อนการสัมภาษณ์และควรใช้วิธีการสัมภาษณ์แบบ Structured Interview โดยดูว่า JD (Job Description) ของตำแหน่งงานนี้ต้องการคนที่มีคุณสมบัติแบบไหน, มีประสบการณ์ยังไง, ต้องทำอะไรได้บ้าง ฯลฯ มาเป็นตั้งเป็นคำถามเพื่อสัมภาษณ์ผู้สมัครแต่ละรายในแนวทางเดียวกันเพื่อดูว่าผู้สมัครคนไหนมีคุณสมบัติเหมาะตรงมากที่สุด

ไม่ควรใช้วิธีการสัมภาษณ์แบบจิตสัมผัส (Unstructured Interview) โดยไม่เตรียมตัวอะไรเลย แล้วเข้าไปในห้องสัมภาษณ์ถามผู้สมัครไปเรื่อย ๆ แบบเปะปะซึ่งจะทำให้ไม่เกณฑ์ในการตัดสินใจได้ว่าผู้สมัครคนไหนเหมาะที่สุดสำหรับตำแหน่งนี้ การสัมภาษณ์แบบจิตสัมผัสนี่แหละครับจะเป็นสาเหตุของการตั้งคำถามตามหัวเรื่องในวันนี้

การตั้งคำถามแบบ Structured Interview มีความสำคัญประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 70 เปอร์เซ็นต์ ผมให้ความสำคัญกับ “ทักษะ” ในการอ่านในการสังเกตคนของกรรมการสัมภาษณ์ ซึ่งจะต้องมีทักษะและประสบการณ์เพียงพอที่จะอ่านว่าผู้สมัครรายไหนที่มีการตอบคำถามที่น่าเชื่อถือ, ผู้สมัครรายไหนตอบไม่จริงหรือตอบแถ, ผู้สมัครรายไหนมีสีหน้าแววตาเปลี่ยนไปเมื่อเจอบางคำถาม ฯลฯ

คนที่เป็นกรรมการสัมภาษณ์จึงไม่เพียงแต่ “เห็น” เท่านั้นแต่ต้อง “สังเกต” บุคลิกภาพ สีหน้า แววตา บุคลิกภาพของผู้สมัครแต่ละรายอย่างละเอียดอีกด้วย

ควรระลึกไว้เสมอว่า “คำตอบที่ดีมีคุณภาพมาจากคำถามที่มีคุณภาพ” ครับ

คำตอบที่มีคุณภาพจากผู้สมัครแต่ละรายจะบอกความแตกต่างกันของผลงาน ศักยภาพ ไหวพริบ ทัศนคติ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ฯลฯ ถ้ากรรมการสัมภาษณ์ยังไม่เตรียมตั้งคำถามที่มีคุณภาพเราก็จะไม่เห็นคำตอบที่มีคุณภาพเหล่านี้

3.      ถ้าตัดสินใจคัดเลือกผู้สมัครเข้ามาทำงานในตำแหน่งผู้จัดการแผนกการตลาดแล้วยังไม่แน่ใจว่าเขาจะทำงานในตำแหน่งนี้ได้ดีอย่างที่เราต้องการหรือไม่ ก็สามารถกำหนดช่วงเวลาทดลองงานให้นานกว่า 120 วันได้ครับ เช่น ทดลองงาน 360 วัน

เพราะกฎหมายแรงงานไม่ได้บังคับว่าต้องมีการทดลองงานกี่วัน

เพียงแต่บริษัทต้องทราบไว้ว่าถ้าผู้สมัครไม่ผ่านทดลองงาน แล้วบริษัทต้องการเลิกจ้างก็ต้องจ่ายค่าชดเชยตามอายุงานซึ่งกรณีนี้ถ้าทำงานไม่เกิน 1 ปีก็จ่ายค่าชดเชย 1 เดือน เป็นต้น ซึ่งผมว่าระยะเวลาเกือบหนึ่งปีก็น่าจะมากเพียงพอที่จะประเมินได้แล้วนะครับว่าผู้สมัครรายนี้สามารถทำได้หรือไม่

4.      ถ้าหากจะทดลองงาน 360 วัน (ไม่เกิน 1 ปี) ตามที่ผมแนะนำก็ต้องแจ้งกับผู้สมัครให้ทราบเงื่อนไขนี้และควรจะต้องมีแผนการทำงานโดยมีรายละเอียดระบุให้ชัดเจนว่าเขาต้องรับผิดชอบเรื่องอะไรบ้าง ผลลัพธ์ที่เราตัองการคืออะไร จะมีการวัดผลงานกันยังไง เกณฑ์ในการผ่านทดลองงานคือยังไง ฯลฯ และก็มีการติดตามและประเมินผลโดยหัวหน้า

แต่ต้องคิดในมุมของผู้สมัครที่มีฝีมือ (ถ้าผู้สมัครเป็นคนเก่งจริง) ว่าเขาจะยอมรับเงื่อนไขนี้หรือไม่ เขาจะรู้สึกว่าบริษัทยังไม่เชื่อว่าเขาทำได้จริง เขาก็อาจจะตัดสินใจไม่มาทำงานกับบริษัท แล้วไปทำงานกับบริษัทอื่นก็ได้ ก็จะทำให้เราพลาดโอกาสที่จะได้คนที่มีศักยภาพไปจากความที่เราอ่านคนไม่ขาด และไปตั้งเงื่อนไขจนผู้สมัครรับไม่ได้

5.       ผมมีข้อสังเกตว่าผู้สมัครที่ยอมลดตำแหน่งลงมาหนึ่งระดับอาจเป็นคนที่ไม่มั่นใจในตัวเองหรือมีปัญหาส่วนตัวซุกซ่อนอยู่ถึงได้ยอมรับเงื่อนไขนี้ก็ได้นะครับ

6.      ข้อคิดอีกเรื่องหนึ่งคือรับคนเข้ามาให้ทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการ แต่รับผิดชอบแบบผู้จัดการนี่มันจะย้อนแย้งอยู่ในตัวมันเอง ถามว่าบริษัทจะมอบอำนาจให้อนุมัติหรือตัดสินใจในตำแหน่งไหนครับ ผู้ช่วยผู้จัดการหรือผู้จัดการ? แล้วผู้ปฏิบัติจะรู้สึกยังไง ใจเขา-ใจเรา ลองคิดดู

7.      ถ้าผู้สมัครยอมรับเงื่อนไขในการลดตำแหน่งที่ต้องการลงมาหนึ่งระดับ แล้วทดลองงานผ่านไปพบว่าไม่สามารถทำงานในตำแหน่งผู้จัดการแผนกการตลาดได้ บริษัทจะทำยังไงต่อครับ จะแจ้งเลิกจ้างไม่ผ่านทดลองงาน หรือจะยังให้เขาทำงานต่อในตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการแผนกการตลาดที่ไม่มี Career Path จะเป็นผู้จัดการแผนกการตลาดได้ แล้วเราจะต้องไปสรรหาคัดเลือกผู้สมัครรายใหม่เข้ามาในตำแหน่งผู้จัดการแผนกการตลาดอีกใช่ไหม แล้วเราจะใช้วิธีเดิมแบบนี้อีกไหมคือให้ผู้สมัครรายใหม่เข้ามาเป็นผู้ช่วยผู้จัดการแผนกการตลาดไปก่อน เท่ากับเราสร้างปัญหารอไว้ในอนาคตแล้วนะครับ

จากเหตุผลข้างต้นนี้จึงอยากจะย้ำว่าคนที่เป็นกรรมการสัมภาษณ์มีความสำคัญที่จะต้องมี “ทักษะ” และประสบการณ์ในการอ่านคน มีการตั้งคำถามแบบ Structured Interview เลิกใช้วิธีการสัมภาษณ์แบบจิตสัมผัสโดยไม่เคยศึกษาหรือดูรายละเอียดเลยว่าตำแหน่งที่ต้องการนั้นควรมีคุณสมบัติยังไงบ้าง

ดังนั้นปัญหาของคำถามนึ้จึงอยู่ที่คนที่เป็นกรรมการสัมภาษณ์ที่จะต้องไปปรับปรุงแก้ไข มากกว่าจะไปตั้งกฎเกณฑ์ใหม่ว่าจะรับผู้สมัครให้ต่ำกว่าตำแหน่งที่ต้องการ 1 ระดับเพื่อดูผลงาน

กรรมการสัมภาษณ์ก็เหมือนกับแมวมองดาราหรือกรรมการประกวดร้องเพลงแหละครับ จะต้องมีทักษะและประสบการณ์ มีสายตาที่เห็นแววของผู้เข้าประกวดแต่ละรายได้ว่าใครที่เหมาะจะเป็นเดอะสตาร์หรือเป็นดาวรุ่งต่อไปในอนาคต

ตรงนี้ผมว่าเป็นคุณสมบัติที่สำคัญตัวหนึ่งของคนที่เป็นผู้บริหารที่จะต้องพัฒนาทักษะการอ่านและสังเกตคน ที่จะต้อง “อ่านคนได้ใช้คนเป็น”

เพราะถ้าคนเป็นผู้บริหารขาดทักษะตรงนี้แล้ว เมื่อไหร่ถึงจะได้คนดีมีฝีมือมาอยู่ด้วยล่ะครับ 

...............................