วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

แนวโน้มการขึ้นเงินเดือนประจำปี 2564 จะเป็นอย่างไรในมุมมองของผม


            ตั้งแต่ทั่วโลกรวมทั้งบ้านเราเจอปัญหาจากโควิด19 ระบาดและได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้าอย่างที่ทราบกันแล้วนั้น ผลกระทบหนึ่งที่รุนแรงมากคือผลกระทบทางเศรษฐกิจที่หดตัวทำให้หลายกิจการต้องปิดตัวลง ส่วนกิจการที่ยังอยู่ก็ต้องสู้ต่อไป

            แม้ว่าลักษณะของผลกระทบทางเศรษฐกิจรอบนี้จะดูคล้ายกับที่เราเคยเจอมาหนัก ๆ ในปี 2540 ที่เราถูกโจมตีค่าเงินโดยฝรั่งนักเก็งกำไรค่าเงินที่ทำเอาสถาบันการเงินของเราในยุคนั้นล้มไปหลายแห่ง และมีผลทำให้บริษัทที่เป็นลูกค้าลูกหนี้ของสถาบันการเงินทำธุรกรรมต่อไปได้ก็ต้องพลอยล้มตามไปด้วย ทำให้มีการปิดกิจการ มีการเลิกจ้างพนักงานกันมากมาย

            แต่ผมมองว่าผลกระทบทางเศรษฐกิจและปัญหาในรอบนี้ต่างไปจากเมื่อปี 2540 เพราะเมื่อปี 2540 เป็นปัญหาทางเศรษฐกิจที่เราถูกโจมตีเรื่องค่าเงินทำให้ต้องลดค่าเงินบาทลงมากมาย ในยุคนั้นสถาบันการเงินขาดสภาพคล่องเงินร่อยหรอ แต่ในรอบนี้เราไม่ได้มีปัญหาที่สถาบันการเงินขาดสภาพคล่องแบงค์ยังมีเงินสำรองมากกว่าเมื่อปี 2540 เยอะ แต่เป็นปัญหาที่เกิดจากเชื้อโรคที่ทำให้ต้องมีการ Lock down, บางธุรกิจต้องหยุดกิจการ คนต้องถูกกักตัวจนออกไปทำมาหากินไม่ได้ จะไปที่ทำงานก็กลัวจะมีการแพร่เชื้อโรค ฯลฯ การเดินทางไปมาหาสู่กันทั่วโลกแทบจะถูกตัดขาด ทำให้เศรษฐกิจทั้งโลก (ไม่เฉพาะบ้านเรา) ได้รับผลกระทบรุนแรงกันทั้งหมด นี่จึงเป็นความแตกต่างจากเมื่อปี 2540 อย่างมากมายครับ

            ก่อนเศรษฐกิจบ้านเราจะล่มเมื่อปี 2540 นั้น เรามีการขึ้นเงินเดือนประจำปีเฉลี่ยประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์มาโดยตลอด แต่พอหลังจากปี 2540 เกิดการปิดธนาคารไปบางแห่ง บริษัทห้างร้านหลายแห่งต้องปิดกิจการมีการเลิกจ้างคนออกเป็นจำนวนมาก หลายแห่งที่ยังสู้ต่อก็ต้องขอความร่วมมือจากพนักงานในการลดเงินเดือนลงกันถ้วนหน้าตั้งแต่ฝ่ายบริหารยันพนักงานปฏิบัติการ ซึ่งคนที่เคยผ่านวิกฤติปี 2540 ยังจำได้ดี

            ถ้าใครที่อายุครบ 23 ปีในปีนี้ (คือเกิดในปี 2540) ก็อาจจะไม่ทราบว่าตอนที่ท่านอายุ 1 ขวบ (ปี 2541) คนรุ่นลุงรุ่นพ่อรุ่นน้ารุ่นอาหลายคนไม่ได้รับการขึ้นเงินเดือนประจำปีนะครับ จากที่เคยได้รับการขึ้นเงินเดือนประจำปีประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์กลายเป็น 0 แต่แม้ว่าจะไม่ได้รับการขึ้นเงินเดือนก็ยังดีกว่าถูกเลิกจ้าง

            พอท่านอายุครบ 2 ขวบ (ปี 2542) หลายกิจการก็ยังไม่ได้ขึ้นเงินเดือนประจำปีให้พนักงาน แต่ถ้าเป็นองค์กรใหญ่หน่อยก็อาจจะเริ่มมีขึ้นเงินเดือนให้บ้างประมาณ 3 เปอร์เซ็นต์

            พอท่านอายุครบ 3 ขวบ (ปี 2543) เป็นต้นไปค่าเฉลี่ยการขึ้นเงินเดือนประจำปีของเราจะอยู่ประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์มาจนถึงทุกวันนี้ (ก่อนจะเจอวิกฤติโควิด 19) จนท่านอายุ 23 ปีในปีนี้ที่กำลังเจอปัญหาวิกฤติที่อาจจะหนักกว่าเมื่อปี 2540 แต่เป็นปัญหาคนละรูปแบบกับเมื่อปี 2540

          ถ้าถามผมว่าแนวโน้มการขึ้นเงินเดือนประจำปี 2564 จะเฉลี่ยกี่เปอร์เซ็นต์?

          ก็ตอบได้จากประสบการณ์ตรงนี้เลยว่าส่วนใหญ่จะเป็น 0 เปอร์เซ็นต์ครับ!

            ถ้าจะถามว่าทำไมผมถึงตอบแบบนี้ มองโลกในแง่ร้ายมากไปหรือเปล่า?

            ใครที่รู้จักผมดีก็จะทราบว่าผมไม่ชอบพูดอะไรให้คนตื่นตกใจหรือหวาดกลัวหรือให้คนคิดอะไรแต่เรื่องร้าย ๆ ในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ผมไม่ได้มีเจตนาจะพูดให้ท่านที่อ่านเรื่องนี้เกิดความตระหนกตกใจหรือมองแต่ในเรื่องเลวร้าย แต่ผมอยากให้เตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับผลกระทบที่จะมาถึงด้วยความไม่ประมาทมากกว่า

            เหตุผลที่ผมคิดเห็นอย่างนี้คือ

1.      บริษัทจำเป็นต้องเก็บสภาพคล่องทางการเงินไว้กับตัวเองให้มากที่สุด ตรงนี้จะเห็นได้จากการที่หลายบริษัทขอความร่วมมือในการลดเงินเดือนพนักงานลงตั้งแต่ระดับบริหารจนถึงระดับปฏิบัติการ ถ้าบริษัทไหนยังไม่มีการลดเงินเดือนพนักงานลงก็ถือว่าท่านโชคดีมากที่ยังทำงานในบริษัทนั้น นี่ยังไม่รวมอีกหลายองค์กรที่ทำโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด (Early Retirement) เพื่อลด Staff Cost และอัตรากำลังลง ยังไม่รวมกับตัดลดค่าใช้จ่ายด้านต่าง ๆ ที่นอกเหนือจาก Staff Cost ของบริษัทลง ทั้งหมดที่ทำก็เพื่อ Save สภาพคล่องทางการเงินเอาไว้ให้ได้มากที่สุด

2.      มีการคาดการณ์ในเรื่อง GDP ของไทยในหลาย ๆ สำนักว่าจะติดลบ 7-8 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ติดลบขนาดนี้ธุรกิจห้างร้านต่าง ๆ ก็เดินหน้าไปแบบยากลำบากแหละครับ

3.      ใช้รูปแบบการรับมือกับปัญหาเหมือนช่วงปี 2540-42 อย่างที่ผมบอกตอนต้นว่าเมื่อปี 2540 ที่เราเกิดปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจนั้น พอหลังจากนั้นมา 1-2 ปี เราจะพบว่าในปี 2541 ส่วนใหญ่จะยังไม่มีการขึ้นเงินเดือนประจำปีและปี 2542 ก็ยังไม่ขึ้นเงินเดือนประจำปีเสียเป็นส่วนใหญ่ นั่นคือบริษัทต่าง ๆ จำเป็นต้องรักษาสภาพคล่องทางการเงินเอาไว้ให้มากที่สุดเพื่อเตรียมรับกับปัญหาในอนาคต ดังนั้นในรอบนี้ก็น่าจะใช้ Pattern เดียวกัน

4.      ผลประกอบการที่จะออกมาในไตรมาส 3 และ 4 ที่ไม่เป็นไปตามแผนเมื่อตอนต้นปี ตอนนี้เราเพิ่งเริ่มเข้าไตรมาสที่ 3 ซึ่งแน่นอนว่าผลประกอบการในไตรมาส 2 (เดือนเมย.-มิย.63) ออกมาไม่ดีอยู่แล้ว แต่ผลกระทบของโควิด19 ในไตรมาส 2 เป็นแค่เพียงหนังตัวอย่าง แต่เนื้อเรื่องจริงจะฉายในช่วงไตรมาส 3 และ 4 ซึ่งท่านคงพอจะคาดการณ์ได้นะครับว่าจะออกมาเป็นยังไง และนโยบายการขึ้นเงินเดือนประจำปีนั้นในหลายบริษัทก็จะบอกไว้ชัดเจนว่าปัจจัยหนึ่งจะมาจากผลการประกอบการของบริษัทด้วย

จากมุมมองทั้ง 4 เรื่องใหญ่ ๆ ทำให้ผมสรุปได้ว่าแนวโน้มการขึ้นเงินเดือนประจำปี 2564 สำหรับบริษัทส่วนใหญ่โดยเฉพาะบริษัทที่เป็น SME หรือบริษัทที่ทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวทั้งหมดจะเป็น 0 เปอร์เซ็นต์ครับ!

          ถ้าบริษัทไหนยังมีการขึ้นเงินเดือนประปี 2564 อยู่บ้างเป็นส่วนน้อยผมก็ขอทำนายค่าเฉลี่ยเอาไว้ว่าจะลดลงเหลือประมาณ 3 เปอร์เซ็นต์จากเดิมที่เราเคยขึ้นเงินเดือนประจำปีเฉลี่ย 5 เปอร์เซ็นต์ตั้งแต่หลังปี 2543 เป็นต้นมาโดยตลอด ถ้าบริษัทไหนยังมีการขึ้นเงินเดือนให้กับพนักงานปี 2564 ผมก็ยินดีด้วยครับ

            ผมบอกในตอนต้นแล้วว่าที่เขียนเรื่องนี้ขึ้นมาไม่ได้ต้องการทำให้เกิดความตื่นตระหนกแต่ต้องการจะให้ตระหนักและเตรียมรับมือกับผลกระทบและต้องเข้าใจการตัดสินใจของฝ่ายบริหารเพื่อให้องค์กรอยู่รอดด้วยเหมือนกัน ซึ่งเรื่องนี้ผมก็ไม่ได้เข้าข้างฝ่ายบริหารนะครับ

แต่นาทีนี้เป็นเวลาที่ฝ่ายของพนักงานต้องเข้าใจเหตุผลและความจำเป็นของฝ่ายบริหารด้วยเหมือนกันว่าทำไมถึงไม่มีการขึ้นเงินเดือนประจำปี และจำเป็นจะต้องร่วมมือร่วมใจผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยกัน

จะจับจ่ายใช้สอยอะไรก็คิดให้ดี ๆ เสียก่อนและไม่ควรก่อหนี้โดยไม่จำเป็นนะครับ

………………………………