วันอาทิตย์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2560

บริษัทคิดโอทีเอาเปรียบ ?

            วันนี้ผมได้เข้าไปในเว็บไซด์ชื่อดังแห่งหนึ่งแล้วเจอกระทู้ที่มีคนตั้งคำถามเกี่ยวกับการคำนวณค่าล่วงเวลาที่คนทำงานจะเรียกว่า “โอที” โดยยกตัวอย่างว่า....

            สมมุติพนักงานประจำคนหนึ่งรับเงินเดือนเป็นรายเดือน ๆ ละ 30,000 บาท ทำงานสัปดาห์ละ 5 วัน ทำงานวันละ 8 ชั่วโมง (หยุดเสาร์-อาทิตย์)

            การคำนวณค่าโอทีก็น่าจะเป็น 30,000 หาร 20 หาร 8 (หรือ 30,000/160) = 187.5 x 1.5 = 281.25 บาทต่อชั่วโมง

            แต่ทำไมบริษัทในเมืองไทยหลายแห่งถึงคำนวณโอทีแบบนี้คือ

            30,000 หาร 30 หาร 8 (หรือ 30,000/240) = 125 x 1.5 = 187.50 บาทต่อชั่วโมง

          ซึ่งทำให้พนักงานเสียประโยชน์ไปถึง 93.75 บาทต่อชั่วโมง !!

            เลยตั้งข้อสังเกตว่า “เหมือนพนักงานถูกบริษัทโกงค่าโอที

            แล้วก็ทิ้งท้ายว่าอยากให้เพื่อน ๆ มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน

            ถ้าพนักงานมาตั้งคำถามแบบนี้ HR จะอธิบายเรื่องนี้ยังไงดีครับ....ติ๊กต่อก....ติ๊กต่อก.....

            ปิ๊ง..หมดเวลา..สำหรับผม..คำอธิบายเป็นอย่างงี้ครับ....

1.      ตามกฎหมายแรงงาน (มาตรา 68) ระบุว่าในการคำนวณค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุด และค่าล่วงเวลาในวันหยุดสำหรับลูกจ้างรายเดือนนั้น ให้ใช้อัตราค่าจ้างรายเดือนหารด้วยผลคูณของสามสิบและจำนวนชั่วโมงในวันทำงานต่อวันโดยเฉลี่ย พูดง่าย ๆ ก็คือให้เอาค่าจ้างตั้งแล้วหาร 240 (30x8=240 กรณีที่บริษัทมีชั่วโมงการทำงานวันละ 8 ชั่วโมง)

          ดังนั้นในการคำนวณโอทีตามตัวอย่างข้างต้นคือ 30,000/240=125x1.5=187.50 บาท ต่อชั่วโมงจึงถือว่าถูกต้องตามกฎหมายแรงงานและบริษัทก็ไม่ได้โกงพนักงานครับ

            แต่ในกรณีนี้อาจจะมีบางบริษัทที่คำนวณโอทีให้กับพนักงานดีกว่าที่กฎหมายกำหนด เช่นใช้ค่าจ้างหารด้วย 176 (วันทำงาน 22 วันต่อเดือน ทำงานวันละ 8 ชั่วโมง) ก็ถือว่าบริษัทนั้นให้ประโยชน์กับพนักงานมากกว่าที่กฎหมายกำหนด

2.      ในส่วนที่ผู้ตั้งกระทู้คำนวณโอทีโดยคิดจากวันที่ทำงานจริงคือบริษัทแห่งนี้ทำงานสัปดาห์ละ 5 วัน ๆ ละ 8 ชั่วโมง เท่ากับทำงานเดือนละ 20 วัน รวมชั่วโมงทำงานต่อเดือนคือ 20x8=160 วัน แล้วผู้ตั้งกระทู้จะนำ 160 วันมาเป็นตัวหาร เพื่อจะได้ค่าจ้างต่อชั่วโมงที่สูงขึ้น (มากกว่าที่กฎหมายกำหนด) นั้น

ก็ต้องย้อนกลับมาดูว่า บริษัทก็จ่ายค่าจ้างให้เป็นรายเดือนโดยมีวันหยุดให้กับพนักงานสัปดาห์ละ 2 วัน (เสาร์-อาทิตย์) เดือนละ 8 วัน โดยที่พนักงานไม่ต้องมาทำงานด้วยเหมือนกันนี่ครับ ?

ซึ่งถ้านำเงินเดือนมาคิดต่อวันก็จะได้วันละ 30,000/30=1,000 บาท

เท่ากับบริษัทจ่ายเงินเดือนให้กับพนักงานอีกเดือนละ 8,000 บาทโดยที่พนักงานไม่ได้มาทำงานให้กับบริษัทใช่หรือไม่

ถ้ามองในมุมนี้ก็ต้องถือว่าบริษัทก็ให้ประโยชน์กับพนักงานโดยจ่ายเงินเดือนให้กับพนักงานในวันหยุดประจำสัปดาห์นี่ยังไม่รวมถึงในบางเดือนที่มีวันหยุดประเพณีหรือมีวันหยุดพักผ่อนประจำปีของพนักงานซึ่งบริษัทก็จะต้องจ่ายเงินเดือนอีกด้วย ทั้ง ๆ ที่พนักงานไม่ได้มาทำงานให้กับบริษัทจริงไหมครับ

อีกประการหนึ่งคือ ถ้าว่ากันตามกฎหมายแรงงานที่กำหนดให้มี 8 ชั่วโมงการทำงานต่อวันและสัปดาห์หนึ่งไม่เกิน 48 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งก็คือการทำงานสัปดาห์ละ 6 วัน ๆ ละ 8 ชั่วโมง

แต่บริษัทแห่งนี้มีวันทำงาน 5 วันต่อสัปดาห์ และทำงานวันละ 8 ชั่วโมง เท่ากับมีชั่วโมงการทำงานสัปดาห์ละ 40 ชั่วโมง ซึ่งก็นับว่าบริษัทนี้ให้ประโยชน์กับพนักงานมากกว่าบริษัทอีกหลายแห่งเลยนะครับ พนักงานก็น่าจะคิดถึงส่วนดีของบริษัทในเรื่องนี้ด้วย

ดังนั้น ในการคำนวณค่าโอทีตามกระทู้มาข้างต้นจึงเป็นการคำนวณมาจากมุมมองในด้านของพนักงานเป็นหลักโดยหยิบเฉพาะส่วนที่คิดว่าตนเองเสียประโยชน์ขึ้นมาคำนวณ แล้วมองว่าบริษัทเอาเปรียบแต่ในส่วนที่ตนเองได้ประโยชน์จากบริษัทที่เป็นข้อดีกลับไม่ได้นำมาคิด ??!!

ตรงนี้ก็เป็นอุทาหรณ์ที่ดีว่าถ้าทั้งฝ่ายลูกจ้างและนายจ้างรู้จักคิดในแบบ “ใจเขา-ใจเรา” ให้มากขึ้นผมเชื่อว่าปัญหาด้านแรงงานสัมพันธ์ในบริษัทจะลดลงได้เยอะเลยครับ


            หวังว่าตอนนี้เราคงเข้าใจวิธีการคำนวณโอทีที่ถูกต้องตรงกันแล้วนะครับ

.................................................