วันเสาร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2560

ตำแหน่งที่ต้องมีประสบการณ์ทำงาน..ควรจ่ายตามคุณวุฒิหรือตามตำแหน่ง ?

            ก่อนหน้านี้ผมเคยเล่าให้ท่านฟังว่าทุกวันนี้ยังมีบางบริษัทที่เวลารับพนักงานเพิ่งจบใหม่เข้ามาทำงานไปตั้งเงินเดือนให้ไม่เท่ากันโดยตั้งให้ตามระดับการศึกษาที่จบมา เช่น ตำแหน่งพนักงานธุรการใน JD (Job Description) ไประบุว่าต้องการผู้สมัครงานที่จบปวส.-ปริญญาตรี แล้วตั้งเงินเดือนให้คนจบปวส.จะได้เงินเดือน 12,000 บาท  ส่วนคนจบปริญญาตรีจะได้เงินเดือน 15,000 บาท ทั้ง ๆ ที่ทำงานใน Job เดียวกันตำแหน่งเดียวกัน ทำให้เกิดปัญหาตามมาในภายหลังหลายเรื่องที่เห็นแน่ ๆ คือบริษัทมี Staff Cost แพงขึ้นเดือนละ 3,000 บาทแน่ ๆ ซึ่งผมก็แนะนำให้ไปแก้ไขในเรื่องการกำหนดคุณวุฒิของผู้สมัครงานให้ชัดเจนไปแล้ว ท่านที่เพิ่งเข้ามาอ่านก็ไปตามหาอ่านย้อนหลังในเรื่องนี้เอานะครับ

            มาในวันนี้ก็มีคำถามขึ้นมาอีกว่า....

          “แล้วถ้าเป็นตำแหน่งงานที่ต้องการประสบการณ์ทำงานล่ะ..บริษัทควรจ่ายตามวุฒิที่จบหรือตาม Job ?”

            เป็นคำถามที่ดีนะครับ..แสดงว่าผู้ถามมองไกลมากกว่าที่ผมบอกไว้เสียอีก..เยี่ยมครับ

            จากคำถามข้างต้น ผมสมมุติอย่างนี้นะครับ

          บริษัทจะรับสมัครงานในตำแหน่ง “เจ้าหน้าที่บริการลูกค้า” จบการศึกษาตั้งแต่ระดับปวส.-ปริญญาตรี และต้องมีประสบการณ์ทำงาน 2 ปี

-          สมมุติว่าถ้าบริษัทจ่ายตาม Job หรือตามตำแหน่งนี้ก็จะเป็นอัตราเดียว เช่น สมมุติจ่ายให้18,000 บาท ไม่ว่าผู้สมัครงานจะจบคุณวุฒิปวส.หรือปริญญาตรีมาก็ตาม ถ้ามีประสบการณ์ทำงานด้านบริการลูกค้ามา 2 ปี ก็จะได้เงินเดือนเท่ากัน

-          สมมุติว่าถ้าบริษัทจ่ายตามคุณวุฒิ ในตำแหน่งเดียวกันนี้บริษัทก็จะจ่ายให้ไม่เท่ากัน เช่น สมมุติถ้าจบปวส.มาบริษัทก็จะจ่าย 15,000 บาท ถ้าจบปริญญาตรีมาบริษัทก็จะจ่าย 18,000 บาท เป็นต้น อันนี้เราจะเรียกว่าจ่ายตามวุฒิ

            ซึ่งคำถามข้างต้นคือ..บริษัทควรจ่ายแบบไหนดี ?

            ผมก็ขอตอบตามประสบการณ์ว่า..

            ควรจ่ายตาม Job ครับ

เพราะ....

            หลักการที่สำคัญในการบริหารค่าตอบแทนคือ “หลักความเสมอภาคและเป็นธรรม” เมื่อพนักงานทำงานในตำแหน่งเดียวกัน ต้องการประสบการณ์ทำงานในตำแหน่งนี้เหมือนกันคือ 2 ปี และแม้จะกำหนดระดับคุณวุฒิการศึกษาไว้ต่างกันก็ตาม แต่ถ้าผู้สมัครงานผ่านการทดสอบ (ข้อเขียนหรือสัมภาษณ์) เข้ามาได้ก็แสดงว่ามีคุณสมบัติเหมาะสมในการทำงานในตำแหน่งนี้เหมือนกันจึงควรได้รับเงินเดือนเริ่มต้นในอัตราเดียวกัน

            อาจจะมีคำถามต่อมาอีกว่า “บริษัทควรมีวิธีการกำหนดอัตราเริ่มต้น สำหรับตำแหน่งที่ต้องมีประสบการณ์ทำงานยังไงดีล่ะ”

            บริษัทมีวิธีการกำหนดอัตราเงินเดือนเริ่มต้นตามตำแหน่งงานได้ดังนี้ครับ

1.      สำรวจการจ่ายของตลาดดูสิครับว่าปัจจุบันนี้ในตลาดเขาจ่ายเงินเดือนให้กับเจ้าหน้าที่บริการลูกค้า (ตามตัวอย่างนี้) สำหรับคนที่มีประสบการณ์ทำงานเฉลี่ย 2 ปี อยู่ที่เท่าไหร่ ซึ่งตรงนี้ฝ่าย HR ควรจะต้องมีข้อมูลผลการสำรวจค่าตอบแทนในตลาดซึ่งอาจจะเคยเข้าร่วมการสำรวจในชมรม, สมาคมบริหารงานบุคคลที่บริษัทของท่านเป็นสมาชิกอยู่ หรือเข้าร่วมการสำรวจกับผู้จัดการสำรวจซึ่งก็มีอยู่หลายเจ้าในเมืองไทย ซึ่งเมื่อสำรวจเสร็จแล้วเขาก็จะสรุปผลการสำรวจแล้วส่งผลมาให้บริษัทที่เข้าร่วมการสำรวจนำมาเป็นข้อมูลในการบริหารค่าตอบแทนต่อไป

2.      บางท่านอาจจะบอกว่า “บริษัทของเรายังไม่เคยเข้าร่วมการสำรวจค่าตอบแทนเลย” หรือ “บริษัทของเราไม่มีผลการสำรวจค่าตอบแทนเลย” จะทำยังไงดี ? ผมก็คงจะตอบว่า “งั้นก็จุดธูปถามกุมารทองหรือถามลูกเทพดูก็แล้วกัน” เอ่อ..ล้อเล่นน่ะครับ ถ้าไม่มี HR ก็จะต้องไปขวนขวายหามาให้ได้แหละครับ แล้วปีนี้ก็อย่าลืมไปเข้าร่วมสำรวจกับเขาบ้างนะครับจะได้รู้ว่าตอนนี้การจ่ายค่าตอบแทนในตลาดเขาเป็นยังไงกันบ้างแล้ว


3.      จากข้อมูลผลการสำรวจของตลาดในข้อ 1 ท่านอาจจะนำมาเปรียบเทียบกับเจ้าหน้าที่บริการลูกค้าในบริษัทของท่านดูด้วยก็ได้ว่า คนที่ทำงานในตำแหน่งนี้ในบริษัทของเรามาประมาณ 2 ปีจะมีเงินเดือนปัจจุบันเฉลี่ยอยู่กี่บาท เพื่อนำมากำหนดอัตราเงินเดือนเริ่มต้นในตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริการลูกค้าให้เหมาะสม พูดง่าย ๆ คือท่านต้องดูความสมดุลกันระหว่างค่าเฉลี่ยของการจ้าง (ในตำแหน่งงานนี้) ภายนอกบริษัท กับคนในของเราด้วย เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาว่าจ้างคนนอกเข้ามาแล้วเงินเดือนเริ่มต้นสูงกว่าคนในที่ทำงานอยู่มากจนเกินไป

4.      ถ้าบริษัทของท่านมีโครงสร้างเงินเดือนที่ได้มาตรฐานแล้วผมเชื่อว่าจะลดปัญหานี้ลงไปได้มากขึ้นไปอีกเพราะท่านจะสามารถดูรายละเอียดต่อไปได้อีกว่าอัตราเงินเดือนเริ่มต้นนี้อยู่ตรง Quartile ไหนของกระบอกเงินเดือนใน Job Grade นี้ ซึ่งจะทำให้เรามั่นใจในการกำหนดอัตราเงินเดือนในตำแหน่งนั้น ๆ เพิ่มมากขึ้นครับ

                 หวังว่าสิ่งที่ผมแชร์มานี้คงจะพอเป็นไอเดียให้กับท่านที่มีปัญหาในเรื่องนี้ และเป็น How to เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในบริษัทของท่านได้แล้วนะครับ


……………………………………