วันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2568

ทำไมคนใหม่ถึงได้เงินเดือนมากกว่าคนเก่า?

             ผมเห็นการตั้งคำถามแบบนี้บนโลกออนไลน์แล้วก็มีคนเข้ามาตอบกัน

            เจ้าของกระทู้ถามว่าบริษัทให้เงินเดือนเด็กจบใหม่มากกว่าคนเก่าที่ทำงานมาก่อน 4 ปี โดยยกตัวอย่างว่านาย A เริ่มทำงานด้วยเงินเดือน 16,000 บาท ทำงานผ่านไป 4 ปีได้ขึ้นเงินเดือนปีละ 5 เปอร์เซ็นต์ทำให้เงินเดือนปีที่ 4 เท่ากับ 19,448 บาท
            แล้วบริษัทก็รับนาย B จบใหม่เข้ามาทำงานในตำแหน่งเดียวกับนาย A โดยให้เงินเดือนเริ่มต้นที่ 20,000 บาท แล้วมาให้คนเก่าสอนงานเสียอีกต่างหาก ก็เลยทำให้นาย A ไม่อยากสอนงานนาย B
            ถามว่าเพราะอะไรบริษัทถึงทำอย่างนี้
            ผมว่าถ้าผู้ถามได้อ่านบทความที่ผมเคยเขียนไปเมื่อปีที่แล้วคือ “การขึ้นเงินเดือนประจำปีไม่ใช่ความก้าวหน้า” (ไปเสิร์จหาคำนี้ในกูเกิ้ลดูนะครับ) จะเข้าใจสัจธรรมเรื่องนี้ได้ดีขึ้น
            นอกจากนี้ผมยังมีข้อคิดเพิ่มเติมแบบตรงไปตรงมาในมุมมองของผมดังนี้
1.      ต้องยอมรับความจริงว่าอัตราเติบโตของเงินเดือนภายนอกบริษัทมีมากกว่าในบริษัทตามภาพสถิติการปรับค่าจ้างขั้นต่ำย้อนหลังปี 2550 ถึง 2568 จะเห็นได้ว่าเรามีการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเฉลี่ยปีละประมาณ 7.5% ซึ่งการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำจะมีผลกระทบถึงอัตราเริ่มต้นตามคุณวุฒิต่าง ๆ และการปรับค่าจ้างคนเก่าหนีคนใหม่ มากบ้างน้อยบ้าง
2.      นาย A จะอ้างว่าทำงานมานานกว่านาย B เด็กใหม่ แต่การทำงานมานานกว่าไม่ได้แปลว่าจะมีผลงานที่ดีกว่าหรือมีศักยภาพหรือขีดความสามารถสูงกว่าคนใหม่เสมอไป เพราะการที่บริษัทจะตั้งเงินเดือนให้กับคนเข้าใหม่ หรือจะปรับขึ้นเงินเดือนให้กับพนักงานคนไหนก็มักจะเป็นไปตามสูตร
            เงินเดือน/ค่าจ้าง  =  P+C (P=Performance-ผลงาน และ C=Competency-ความสามารถ)
            เมื่อนาย A ทำงานมา 4 ปีแต่ได้ขึ้นเงินเดือนปีละ 5% มาโดยตลอด ก็แสดงว่าบริษัทมองว่านาย A มี P+C เท่าที่บริษัทขึ้นเงินเดือนให้คือตามค่าเฉลี่ยปีละ 5% นาย A ก็เลยมีอัตราเงินเดือนปัจจุบัน 20,000 บาท
            ซึ่งการตั้งเงินเดือนคนเข้าใหม่หรือการปรับขึ้นเงินเดือนพนักงานนั้น ฝ่าย HR ไม่ได้มีอำนาจอนุมัติไปปรับขึ้นให้ใครได้เองนะครับ HR เป็นเพียงผู้นำเสนอตัวเลขที่เห็นว่าเหมาะสมให้กับฝ่ายบริหารพิจารณาเพื่ออนุมัติ ซึ่งก็แปลว่านี่เป็นการพิจารณาของฝ่ายบริหาร (หรือบริษัท) แล้วว่าใครจะมี P+C ที่บริษัทเห็นความสำคัญมาก-น้อยแค่ไหน
3.      จากสองปัจจัยหลัก ๆ ตามข้อ 1และข้อ 2 คืออัตราเติบโตของเงินเดือนภายในบริษัทต่ำกว่าการเติบโตภายนอก และนาย A ก็มี P+C ที่ยังไม่เข้าตาผู้บริหาร ในขณะที่บริษัทเห็นว่านาย B น่าจะมีศักยภาพมากกว่านาย A จึงตัดสินใจจ้างนาย B เข้ามาในเงินเดือนที่สูงกว่าที่นาย A ได้รับอยู่ในปัจจุบัน
4.      คำถามก็คือนาย A ควรจะทำยังไงดีระหว่างการบ่นด่าว่าบริษัท (และ HR) กับการคิดหาทางที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง?
5.      ถ้านาย A เชื่อมั่นว่าตัวเองมีความรู้ความสามารถ (มี P+C) หรือเรียกว่าพัฒนาตัวเองจน “มีของ” บริษัทก็จะต้องหาทาง Promote ปรับเงินเดือนให้นาย A เพื่อรักษาไว้ตาม P+C ที่ผู้บริหารมองเห็น
          แต่ถ้าบริษัทมองไม่เห็น “ของ” ที่นาย A มี ก็ถึงเวลาที่นาย A จะต้องร้องเพลงของพี่ตูนบอดี้สแลมคือ “เรือเล็กควรออกจากฝั่ง” แล้วออกไปแตะขอบฟ้าที่อื่นที่ไม่ใช่บริษัทนี้แล้วแหละครับ และควรจะเริ่มคิดหาวิธีออกจากฝั่งนี้ไปตามความเชื่อมั่นของเราที่ฝั่งใหม่ได้แล้ว
6.      แต่ถ้านาย A ยังไม่ตัดสินใจจะทำอะไรและยังคงทำงานเหมือนเดิมต่อไปก็ต้องยอมรับสภาพที่เป็นอยู่
            มีคำ ๆ หนึ่งที่กำลังฮิตจากซีรีย์เรื่องสงครามส่งด่วนคือ “ถอนขนนกกระจอกกับถอนขนไก่ใช้เวลาเท่ากัน เลือกเป้าหมายให้ดี“
          สิ่งสำคัญที่สุดคือ “ทัศนคติ” ของตัวเราเอง อย่ามัวคิดแต่เสียเวลาคิดก่นด่าว่าคนอื่น หรือดูถูกตัวเองว่าเรามันไม่มีความสามารถ เรามันแย่ เรามันไม่มีหนทางจะไป ฯลฯ
           ใครดูถูกเราก็ไม่เท่าเราดูถูกตัวเอง!
            ลองมาทบทวนดูว่าตัวเรามีความรู้ความสามารถอะไรบ้างและเราได้ใช้ความสามารถของเราอย่างดีที่สุดแล้วหรือยัง ถ้าทางเดินในปัจจุบันมันถึงทางตันแล้วเราจะยังคงดันทุรังเดินหน้าต่อไปในทางตันโดยไม่หาทางเดินใหม่เลยหรือครับ ผมเชื่อว่าหนทางของความสำเร็จจะมีอยู่เสมอถ้าเรามองหามัน!
            มีคำคมของไอน์สไตน์ก็คือ....
          “ถ้าคุณอยากมีชีวิตที่มีความสุข จงพันธนาการชีวิตด้วยจุดหมาย ไม่ใช่ผู้คนหรือสิ่งอื่นใด” (If you want to live a happy life, tie it to a goal, not to people or things.)
          ถ้าใครที่มีปัญหาคับข้องใจเหมือนกับชื่อบทความนี้เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้แล้ว น่าจะคิดได้แล้วนะครับว่าเราควรจะมามัวเสียเวลาพันธนาการชีวิตของเราเอาไว้อยู่กับบริษัทนี้หรือพันธนาการชีวิตเราอยู่กับการเปรียบเทียบเงินเดือนกับคนเข้าใหม่พร้อมกับด่าบริษัทแบบนี้ไปเรื่อย ๆ วนเวียนเหมือนพายเรือในอ่างอยู่อย่างนี้
          หรือถึงเวลาที่เราควรจะต้องเริ่มกำหนดจุดหมายในชีวิตให้ชัดเจน แล้วเริ่มต้นออกเดินไปสู่เป้าหมายที่เรากำหนดเสียที
            เรื่องไหนควรจะเป็นเรื่องที่เราใช้เวลาคิดหาทางแก้ปัญหานี้มากกว่ากันนะครับ
            เป็นกำลังใจให้ทุกคนครับ