วันอังคารที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2560

พลังของโซเชียลมีเดียกับการบริหารงานบุคคล

            ในวันนี้เราคงต้องยอมรับกันแล้วว่าพลังของโซเชียลมีเดียมีมากมายจริง ๆ ทั้งทางบวกและลบ

            มองไม่เห็นแต่สัมผัสได้ว่ามีพลังจริง ๆ ครับ

            พลังโซเชียลฯทางบวกสามารถโอบอุ้มช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยากให้มีกำลังใจลุกขึ้นมายืนหยัดในสังคมได้

            ในขณะที่พลังโซเชียลฯทางลบสามารถลงทัณฑ์คนที่ทำไม่ดีทำผิด หรือบางครั้งก็เล่นงานเสียจนทำให้คนที่ถูกข่าวลือที่ไม่จริงเสียผู้เสียคนไปก็ไม่น้อย

            กว่าที่สังคมจะรับรู้ว่าเรื่องนั้นไม่จริงก็ทำเอาคนที่ถูกพลังโซเชียลตัดสินไปก่อนแล้วแทบยืนไม่ได้ในสังคม

            วันนี้ผมว่าคนที่ทำงาน HR ควรจะต้องหันมาเห็นความสำคัญของโซเชียลฯให้มากขึ้นกว่าเดิมนะครับ

            ถ้าใครที่ใช้โซเชียลมีเดียบ่อย ๆ มีความคุ้นเคย มีความชำนาญอยู่แล้ว เช่น  มีเฟซบุ๊ค, ไลน์, บล็อก, ไอจี, ยูทูป ฯลฯ รวมถึงเข้าไปติดตามอัพเดดเรื่องราวต่าง ๆ ผ่านสื่อออนไลน์ตามเว็บไซด์ดัง ๆ เช่นพันทิป, สนุก ฯลฯ อย่างนี้ผมว่าท่านมีพื้นฐานความเข้าใจในเรื่องที่ผมกำลังพูดอยู่นี้ได้ทันที

            แต่ถ้าใครไม่ค่อยได้เข้าไปข้องแวะกับสื่อออนไลน์, ไม่มีเฟซบุ๊ค, ไม่เล่นไลน์ ฯลฯ  เช้าไปทำงานเย็น ๆ ค่ำ ๆ ก็กลับบ้านดูทีวีนิดหน่อย แถมดูแต่ละครแม่ผัวลูกสะไภ้วนไปมา พอมีข่าวสารบ้านเมืองก็กดรีโมทเปลี่ยนไปดูละครดีกว่า ฯลฯ คนกลุ่มนี้แหละครับที่จะปรับตัวไม่ทันกับความเปลี่ยนแปลง รวมถึงไม่เข้าใจพลังของโซเชียลฯที่ผมพูดถึงในตอนนี้

            แล้วพลังของโซเชียลฯมาเกี่ยวอะไรกับการบริหารงานบุคคล ?

            อธิบายได้อย่างนี้ครับ....

            ในสมัยก่อนบริษัทจะทำยังไงกับพนักงานก็ได้แล้วแต่ใจของฝ่ายบริหารแล้วแต่ใจของเถ้าแก่ เช่น....
-          เงินเดือนพนักงาน 20,000 บาท ก็จ่ายแค่ 18,000 บาท ที่เหลืออีก 2,000 บาทเอาไว้จ่ายเดือนหน้า (ขอต๊ะไว้ก่อน) หรือบางเดือนก็จ่ายเงินเดือนไม่ตรงเวลาอีกต่างหาก
-          หักเงินค้ำประกันการทำงานทุกตำแหน่งงาน ใครจะเข้าทำงานตำแหน่งไหนต้องเอาเงินมาวางค้ำประกันความเสียหายแม้ตำแหน่งนั้นไม่เกี่ยวกับความรับผิดชอบในตัวเงินหรือทรัพย์ของนายจ้างก็ตามซึ่งผิดกฎหมายแรงงาน
-          ทำสัญญาจ้างงานบอกเอาไว้ว่าถ้าไม่ผ่านทดลองงานบริษัทจะไม่จ่ายเงินเดือนงวดสุดท้ายเพราะถือว่าผลงานไม่ดี
-          หากพนักงานไม่ลาออกล่วงหน้า 30 วันตามระเบียบของบริษัท บริษัทจะไม่จ่ายเงินเดือนงวดสุดท้ายเพราะถือว่าทำผิดกฎระเบียบเรื่องการลาออก
-          ฯลฯ

หากบริษัททำสิ่งที่ผิด ๆ ตามที่ผมยกตัวอย่างมาข้างต้นนี้ก็ไม่ค่อยมีผลกระทบอะไรกลับมาที่บริษัทนักเพราะพนักงานก็ไม่รู้ว่าจะไปร้องเรียนเอากับใคร อย่างมากก็เขียนจดหมายไปที่หนังสือพิมพ์เพื่อร้องเรียนซึ่งก็ไม่รู้ว่าจดหมายจะไปถึงสำนักพิมพ์หรือเปล่า, เขาจะลงพิมพ์ให้ไหม, ถ้าตีพิมพ์ไปแล้วจะมีคนสนใจติดตามเรื่องไหม ฯลฯ

ถ้าไม่ใช่เรื่องเด่นประเด็นฮ็อตหรือเรื่องน่าสนใจจริง ๆ ก็มักจะเงียบหายไป

แต่ในปัจจุบันนี้ทุกคน (โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่คน Gen Y เป็นต้นไป) มีสื่อโซเชียลฯอยู่ในมือไม่ว่าจะเป็นไลน์, เฟซบุ๊ค, อินตราแกรม ฯลฯ ถ้าขืนบริษัทไหนไปทำแบบที่ผมยกตัวอย่างข้างต้นในยุคนี้ เรื่องเหล่านี้ก็จะถูกเผยแพร่ออกไปในสื่อออนไลน์ได้อย่างรวดเร็วไม่ว่าจะเป็นข้อความ, ภาพ, คลิป

ยิ่งเป็นเรื่องที่ไม่ดียิ่งมีการแชร์ต่อกันไปอย่างรวดเร็ว เท่า ๆ กับชื่อเสียงขององค์กรก็จะเสียหายอย่างรวดเร็วและกู้กลับคืนมาได้ยากลำบากอีกด้วย

            ดังนั้น องค์กรและผู้บริหารทุกระดับควรจะต้องหันกลับมาทบทวนกฎ ระเบียบ วิธีการปฏิบัติ รวมไปถึงพฤติกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานบุคคลที่ปฏิบัติกับพนักงานแบบไม่ถูกต้องเสียใหม่ให้มีความถูกต้อง ชัดเจน มีเหตุมีผลที่อธิบายให้เข้าใจตรงกันได้ เพื่อจะได้ไม่ต้องไปเป็นจำเลยของสังคมในสื่อโซเชียล 

            ซึ่ง HR เองก็จะต้องปรับตัวเองให้เข้าสู่โหมดออนไลน์เพื่อหาข้อมูลให้มากขึ้นเพื่อนำมาสื่อสารทำความเข้าใจกับผู้บริหารและพนักงานให้เกิดแรงงานสัมพันธ์ที่ดีในองค์กร

            รวมถึงคนที่ทำงาน HR ควรจะต้องกล้าให้ความเห็นคัดค้านฝ่ายบริหารหากจะมีการตัดสินใจใด ๆ ที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายแรงงานหรือไม่ถูกต้องในหลักของการบริหารงานบุคคล โดยต้องชี้ให้เห็นถึงผลดี-ผลเสียเพื่อให้ฝ่ายบริหารทบทวนการตัดสินใจใหม่อีกครั้งเพื่อลดผลกระทบความเสียหายและลดโอกาสที่จะทำให้องค์กร (หรือตัวผู้บริหารในองค์กร) ถูกนำไปโพสในเชิงลบผ่านสื่อโซเชียลด้วยนะครับ

            ที่ผมพูดมานี้ไม่ได้แปลว่าเราจะต้องกลัวสื่อโซเชียลฯจนไม่เป็นอันทำอะไรนะครับ เพียงแค่อยากให้ท่านตระหนักว่า....

          สื่อโซเชียล....อยู่ในอากาศในคลื่นไวไฟหรือ 4G มองไม่เห็นจับต้องไม่ได้..แต่มีพลังอยู่จริง

ถ้าองค์กรหรือฝ่ายบริหาร (รวมถึงหัวหน้างานทุกระดับ) มีหลักและวิธีการบริหารงานบุคคลด้วยความถูกต้องมีเหตุผล และรู้จักใช้สื่อโซเชียลเป็นก็จะได้รับพลังนี้ในเชิงบวก

แต่ถ้ามีการบริหารงานบุคคลแบบไม่ถูกต้องใช้สื่อนี้ไม่เป็นก็ต้องระวังพลังของสื่อโซเชียลในเชิงลบเอาไว้ให้ดีนะครับ


…………………………………