วันพุธที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2556

พนักงานเล่น Line ในเวลางาน....ทำยังไงดี ?



            วันนี้ผมมีปัญหาเกี่ยวกับ Social Network ในที่ทำงานมาเล่าสู่กันฟังอีกแล้ว และเชื่อว่าจะต้องเป็นปัญหายอดนิยมในหน่วยงานต่าง ๆ อยู่ในขณะนี้
ปัญหาการใช้ Line ในหน่วยงานยังไงล่ะครับ
ต้องยอมรับแล้วนะครับว่าในวันนี้เป็นโลกของการสื่อสารที่ Social Network เข้ามามีอิทธิพลกับแทบทุกคน จนหลายคนกินไม่ได้นอนไม่หลับถ้าเฟซบุ๊คหรืออินสตาแกรมต้องเดี้ยงไป
            ในบรรดาแอพ (Application) ยอดนิยมของ Social Network ตัวหนึ่งก็คือ Line ที่สามารถ Chat กันเป็นส่วนตัวหรือเป็นกลุ่มก็ได้ ใช้ส่งรูปภาพ, สติ๊กเกอร์, เสียง, พิกัดที่อยู่ ฯลฯ ได้ แถมในหลายองค์กรก็ยังนำ Line มาใช้ในการทำงานสื่อสารสั่งงานกันอีกด้วย
            จากความที่เป็น Social Network ยอดนิยมนี่แหละครับ เลยเกิดปัญหาขึ้นมาในหลายองค์กรที่พนักงานมัวแต่นั่งกด Line ในระหว่างเวลางานจนไม่เป็นอันทำงาน แถมเสียงเรียกเข้าติ๊งต่องของ Line ยังรบกวนการทำงานเพื่อนข้าง ๆ จุงเบย
ถ้าลูกน้องมัวแต่ Line ก็ไม่เป็นอันทำงานเพราะหมกมุ่นส่งข้อความหรือสติ๊กเกอร์กันอย่างนี้ เลยมีคำถามและข้อเสนอจากหัวหน้างานว่างั้นเราควรจะมีการจัดระเบียบในเรื่องนี้กันบ้างไหม เช่น
          1. ควรจะเก็บโทรศัพท์มือถือทุกคนก่อนเริ่มงานดีหรือไม่ และให้ใช้ได้ตอนพักเที่ยงเท่านั้น (อันนี้ก็ดูเป็นเผด็จการ โหดและริดรอนสิทธิส่วนบุคคลเลยนะครับ)
          2. ห้ามพนักงานเล่น Line ในขณะปฏิบัติงานโดยออกประกาศแจ้งให้พนักงานทราบ (นี่ก็ออกแนวเหมือนพนักงานเป็นเด็กนักเรียน) ถ้าใครฝ่าฝืนจะมีการลงโทษทางวินัย เช่น เริ่มจากการตักเตือนด้วยวาจา, ตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษร (ไม่ทราบว่าแล้วถ้ายังฝ่าฝืนอีกต่อไปจะถึงขั้นเลิกจ้างเพราะสาเหตุเล่น Line ในระหว่างปฏิบัติงานด้วยหรือเปล่า)
           ตอนนี้ในหน่วยงานของท่านเคยเจอปัญหาพนักงานเล่น Line ในเวลางานบ้างไหม และท่านจะแก้ปัญหานี้อย่างที่มีหัวหน้างานบางคนบอกมาข้างต้นหรือไม่ครับ ?
           หรือจะแก้ปัญหาด้วยวิธีนี้....
          1. หัวหน้างานต้องคิดและหาคำตอบกับตัวเองให้ได้เสียก่อนว่าจะให้ลูกน้องใช้ Line ในระหว่างการทำงานหรือไม่ แค่ไหนอย่างไร เช่น บางองค์กรก็ใช้ Line ในการติดต่อสื่อสารกันในเรื่องงานทั้งสื่อสารเป็นกลุ่ม หรือสื่อสารเฉพาะตัวบุคคล แต่บางองค์กรไม่ได้ใช้ Line ในการทำงาน ฯลฯ ดังนั้นหัวหน้างาน (หรือผู้บริหาร) จะต้องมีคำตอบ (หรือนโยบาย) ให้กับตัวเองในเรื่องนี้ให้ชัดเจนเสียก่อนว่าจะตัดสินใจอย่างไร พูดภาษาเทคนิคคือต้องมี “solution” ให้ชัดเสียก่อน
          2. ประชุมทีมงานสื่อสารทำความเข้าใจให้ตรงกันในเรื่องการใช้ Line ในระหว่างการทำงาน ซึ่งถ้าเป็นกรณีที่องค์กรใช้ Line เพื่อการติดต่อประสานงานกันอยู่แล้วไม่ค่อยมีปัญหาในเรื่องนี้มากนัก
          3. ปัญหาคือในกรณีที่องค์กรที่ไม่ได้ใช้ Line ในการทำงานน่ะสิครับ แต่การสั่งห้ามใช้ Line ในระหว่างการทำงานแต่พนักงานก็อาจเลี่ยงไปแอบใช้ในเวลาที่หัวหน้าเผลอเช่น ไปประชุม, ไปติดต่องานนอกแผนก ฯลฯ ซึ่งพนักงานบางคนอาจจะชอบความรู้สึกแบบนี้เพราะจะทำให้เหมือนกลับมาเป็นเด็กอีกครั้งที่พอคุณครูสั่งห้ามกินขนมในห้องเรียนก็มักจะชอบแอบกินเพราะตื่นเต้นดี
           ในกรณีนี้แทนที่จะสั่งห้ามผมว่าลองมาใช้วิธีนี้จะดีกว่าไหมครับ....
             3.1ประชุมทีมงานและบอกให้ลูกน้องทราบว่าตอนนี้มีปัญหาในเรื่องพนักงานใช้ Line จนทำให้มีผลกระทบต่องานอย่างไรบ้าง และเสียง Line เรียกเข้าไปรบกวนการทำงานคนอื่นยังไง
            3.2 ขอความร่วมมือจากคนที่ใช้ Line ให้ปิดเสียงเรียกเข้าเพื่อไม่ให้ไปรบกวนการทำงานคนอื่น
            3.3 การใช้ Line ในระหว่างการทำงานจะต้องไม่ทำให้มีปัญหากับงานที่รับผิดชอบ (พูดง่าย ๆ ว่าต้องไม่เล่น Line ซะจนเสียงานเสียการแหละครับ)
            3.4 มองตัวผลงาน (Output) เป็นหลักว่าลูกน้องยังทำได้ตามที่ได้รับมอบหมาย หรือตามเป้าหมาย (บางแห่งมีการวัดผลด้วยตัวชี้วัดหรือ KPIs) หรือไม่ ถ้าลูกน้องยังมีผลงานเป็นไปตามเป้าหมายก็ไม่ต้องไปยุ่งกับเรื่องการใช้ Line ของเขาหรอกครับ คือคุมกันที่ผลงานจะดีกว่าไหมครับ
            ถ้าผลงานของใครมีปัญหาไม่ได้ตามเกณฑ์ที่ตกลงกัน หรืองานเกิดความเสียหายก็จะมีการพิจารณาผลการปฏิบัติงานกันตอนสิ้นงวดเพื่อนำผลการปฏิบัติงานไปขึ้นเงินเดือนประจำปี หรือจ่ายโบนัสกันตามผลงานอยู่แล้วจริงไหมครับ
          3.5 หัวหน้างานจะต้องทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกน้องเห็น เช่น ไม่นั่งเล่น Line ในระหว่างการทำงานหรือเข้าประชุมไปก็จิ้มโทรศัพท์ไป แถมยังมีอมยิ้มเวลาส่ง Line อีกต่างหาก นี่เป็นเรื่องสำคัญมากเรื่องหนึ่งเลยนะครับ นั่นคือการทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูกน้องเห็นซึ่งหัวหน้าหลายคนสั่งห้ามลูกน้องทำโน่นทำนี่ แต่ตัวเองทำเสียเอง แถมบางทียังอ้างเหตุผลเข้าข้างตัวเองแบบข้าง ๆ คู ๆ อย่างนี้จะทำให้ลูกน้องเชื่อถือได้ยังไงล่ะครับ
หลังจากนี้หัวหน้างานก็คงจะต้องติดตามผลว่าจะดีขึ้นหรือไม่ยังไงต่อไป เพราะทั้งหมดนี้เป็นเพียงไอเดียที่ผมเสนอให้ท่านลองนำไปกลับคิดดูเท่านั้น
แล้วท่านล่ะครับ มีไอเดียจะจัดการในเรื่องนี้อย่างไร ?

…………………………………….