วันอังคารที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2568

ผู้สมัครแต่ง Resume เกินจริงจะรับมือยังไงดี

             ได้อ่านเรื่องนี้ในเพจ #BTbeartai ลงข้อมูลที่น่าสนใจด้าน HR ก็เลยขอนำมาแลกเปลี่ยนความรู้เล่าสู่กันฟังเผื่อจะเป็นข้อคิดสำหรับคน HR รวมถึงคนที่ต้องเป็นผู้สัมภาษณ์เพื่อคัดเลือกคนเข้ามาร่วมงานนะครับ 

            เพจนี้อ้างอิงแหล่งข้อมูลจากแพลตฟอร์ม Career.io บอกไว้ว่าจากการสำรวจพนักงาน 1,000 คน พบว่า 47% ของผู้สมัครงาน Gen Z เคยโกหกในใบสมัครงาน ขณะที่กลุ่ม Baby Boomer มีไม่ถึง 10%

            พูดง่าย ๆ ว่ากลุ่มคนรุ่นเก่าขี้ตั๋วใบสมัครน้อยกว่าคนรุ่นใหม่

            ในขณะที่เว็บไซต์หางานในสหรัฐอเมริกา FlexJobs สำรวจแรงงาน 2,200 คน พบว่า 1 ใน 3 เคยโกหกและบิดเบือนความจริงใน Resume

            แต่เว็บไซต์นี้เขาบอกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของศีลธรรมที่ถดถอยหรอกนะครับ แต่สาเหตุเกิดจากแรงกดดันของตลาดแรงงานเป็นหลัก

            แล้ว Gen Z บิดเบือนข้อมูล Resume เรื่องไหนบ้างล่ะ

            29% ขยายความรับผิดชอบของงานมากเกินจริง

            24% เพิ่มประสบการณ์ทำงานมากกว่าความเป็นจริง

            19% แกล้งทำเป็นสนใจพันธกิจหรือแนวคิดของบริษัท

            10% ปรับช่วงเวลาการทำงานเพื่อกลบช่องว่างการว่างงาน

            (ขอบคุณเพจ #BTbeartai ไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ)

            จากข้อมูลข้างต้นนี้แหละครับผมมีข้อคิดสำหรับคนที่จะต้องเป็นผู้สัมภาษณ์ไม่ว่าจะเป็น HR หรือ Line Manager อย่างนี้ครับ

1.      HR ที่ทำหน้าที่เป็น First Screen ด่านแรกจะต้อง “อ่าน” Resume อย่างละเอียดจริงจัง ไม่ใช่อ่านฉาบฉวยแบบผ่าน ๆ แล้วก็รีบ ๆ ส่งใบสมัครไปให้ Line Manager อ่านต่อเอาเอง โดยคิดแบบง่าย ๆ ว่า Line Manager ก็ต้องอ่านด้วยสิ

ถ้า HR ที่ทำหน้าที่ Recruit ใบสมัครคิดอย่างนี้ผมถือว่ายังไม่ใช่ Recruit มืออาชีพครับ เพราะคนทำ Recruit จะต้องมีทักษะการอ่าน Resume ที่ดีกว่า Line Manager เพราะ Resume ผ่านมือผ่านตาทุกวันเป็นเดือนเป็นปีจะไม่มีสกิลไม่มีต่อมเอ๊ะเพิ่มขึ้นเลยนี่ก็ต้องพิจารณาตัวเองแล้วนะครับว่ายังเหมาะกับงาน Recruit หรือเปล่า

2.      คนที่เป็นผู้สัมภาษณ์ต้องเห็นความสำคัญของ Structured Interview ต้องอ่าน Resume ก่อนเข้าห้องสัมภาษณ์และ Note ข้อมูลที่ผิดปกติหรือไม่สอดคล้องกันใน Resume ของผู้สมัครแต่ละรายเอาไว้เพื่อไปถาม Verify ให้แน่ใจกันในห้องสัมภาษณ์ตามแนวคิดที่ว่า “คุณสามารถโกหกคนบางคนได้ตลอดเวลา สามารถโกหกคนทุกคนได้บางเวลา แต่ไม่มีใครโกหกคนทุกคนได้ตลอดเวลา”

รวมถึงต้องเตรียมคำถามที่เกี่ยวข้องกับงานและ Spec ในตำแหน่งงานนั้น ๆ พร้อมทั้งเกณฑ์การตัดสินก่อนเข้าห้องสัมภาษณ์และใช้คำถามนั้นกับผู้สมัครงานทุกคนเพื่อหาคนที่เหมาะตรงกับตำแหน่งนั้นให้มากที่สุด

ไม่ควรใช้วิธีการสัมภาษณ์แบบจิตสัมผัส (Unstructured Interview) ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหา Accept Error หรือ Reject Error ตามมาเป็นดราม่าอีกหลายเรื่องเมื่อรับเข้ามาทำงานทั้งปัญหาระยะสั้นและระยะยาว

3.      ถ้าผู้สัมภาษณ์เข้าใจและมีทักษะในการสัมภาษณ์เชิงพฤติกรรม (Behavioral Event Interview-BEI) จะช่วยให้แยกแยะระหว่างผู้สมัครที่แต่ง Resume ให้เว่อร์เกินจริงกับผู้สมัครที่เป็นตัวจริงเสียงจริงได้ชัดเจนมากขึ้น เรื่องนี้ถ้าใครสนใจก็ต้องไปหาข้อมูลเกี่ยวกับ BEI เพิ่มเติมนะครับ เพราะถ้าเขียนแล้วเดี๋ยวอีกยาว

4.      Reject คนที่แต่ง Resume เกินจริง อันนี้ก็ด้วยหลักคิดแบบเบสิคที่ว่านี่เพียงเริ่มต้นก็โกหกกันแล้ว ถ้ามาร่วมงานกับเราจะจมูกยาวเป็นพิน็อคคิโออีกสักแค่ไหน แล้วจะไว้ใจได้ไหมว่าอะไรจริงอะไรปลอม เหมือนเราสั่งซื้อของออนไลน์แล้วส่งมาไม่ตรงปก เรายังจะรับของนั้นเอาไว้ไหมล่ะครับ

แต่ถ้าใครจะโลกสวยจะรับเข้าทำงานโดยมีเหตุผลสารพัดที่จะอ้างอิงก็ตามสะดวกนะครับ แต่สำหรับผม ๆ ก็ยืนยันการตัดสินใจจากประสบการณ์ของผมตามข้อ 4 แหละครับ

เชื่อว่าเรื่องที่เล่ามาข้างต้นนี้จะเป็นข้อคิดและแนวทางในการรับมือกับเรื่องนี้เพื่อหาคนที่ใช่ที่เหมาะกับงานกันบ้างแล้วนะครับ