วันพุธที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

เมื่อคุณแม่มาขอเหตุผลว่าทำไมลูกไม่ผ่านทดลองงาน

             ก่อนหน้านี้ผมเล่าเรื่องของพนักงานไม่ผ่านทดลองงานไปหลาย ๆ เวอร์ชั่นไปแล้ว ก็มานึกออกว่าเราก็เคยเจอเคสหนึ่งเกี่ยวกับการไม่ผ่านทดลองงานก็เลยอยากเอามาเล่าสู่กันฟังครับ

            เรื่องของเรื่องคือมีพนักงานหน่วยงานหนึ่งไม่ผ่านทดลองงาน น้องคนนี้เพิ่งจบการศึกษาปริญญาตรีไม่เคยมีประสบการณ์ทำงานมาก่อน เมื่อถึงช่วงประเมินผล 90 วัน หัวหน้าก็ประเมินแล้วน้องไม่ผ่านทดลองงานก็เชิญมาแจ้งผลและบอกให้น้องเขียนใบลาออก น้องก็เขียนใบลาออก

            ปรากฎว่าวันรุ่งขึ้นคุณแม่ของน้องคนนี้มาขอพบหัวหน้าของน้องทดลองงานเพื่อขอทราบเหตุผลว่าทำไม่ลูกสาวไม่ผ่านทดลองงาน หัวหน้าก็เลยแจ้งมาที่ HR ให้มาช่วยคุยกับคุณแม่ให้หน่อย

            ผมก็เลยบอกให้หัวหน้าเชิญคุณแม่ของน้องทดลองงานไปนั่งในห้องประชุมแล้วให้แม่บ้านไปเสิร์ฟกาแฟโดยขอเวลา 15 นาที ระหว่างนั้นผมก็บอกกับหัวหน้าของน้องเพื่อขอข้อมูลการประเมินผลและเรื่องราวทั้งหมดว่าเป็นมายังไง (ก็ผมไม่ใช่หัวหน้าของน้องทดลองงานนี่ครับ)

            โชคดีว่าหน่วยงานนี้มีแผนการสอนงานชัดเจน มีข้อมูลชัดเจนว่าน้องมีปัญหาในการทำงานในเรื่องไหนบ้าง แม้จะสอนงานและพูดคุยให้น้องปรับปรุงตัวเองแล้วก็ไม่สามารถบรรจุเป็นพนักงานประจำได้ซึ่งเจ้าตัวเองก็ยอมรับว่าไม่สามารถทำงานได้ตามที่ได้รับมอบหมายจึงเขียนใบลาออกโดยสมัครใจ

            เมื่อได้ข้อมูลครบแล้วผมกับหัวหน้าคนนี้ก็ไปพบคุณแม่ของน้องทดลองงานเพื่อตอบข้อซักถาม คุณแม่ก็เริ่มต้นว่าลูกสาวเพิ่งจบมาใหม่ก็ต้องขอเวลาในการเรียนรู้การทำงานในชีวิตจริงบ้าง ทำไมบริษัทไม่ให้โอกาสน้องในการปรับตัวในการทำงาน ทำอย่างนี้จะทำให้เด็กขาดความมั่นใจในตัวเองจะมีผลกับอนาคตของเด็กเชียวนะ ฯลฯ

            ทั้งผมและหัวหน้าก็อธิบายเหตุผลและข้อเท็จจริงให้คุณแม่ทราบว่าลูกของคุณแม่ไม่ผ่านทดลองงานเพราะอะไรโดยนำข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานของลูกสาวมาให้คุณแม่ดู ซึ่งผมก็เข้าใจนะครับว่าคุณแม่ก็ยังคิดเหมือนเดิมว่าบริษัทไม่ให้โอกาสลูกสาว

            แต่สุดท้ายก็ต้องยืนยันการตัดสินใจของทางบริษัทให้คุณแม่ทราบแม้ว่าคุณแม่จะไม่เห็นด้วยก็ตาม

            ผมไม่ทราบว่าถ้าเรื่องนี้เกิดกับบริษัทของท่าน ท่านจะชี้แจงกับคุณแม่หรือไม่

            ถ้าจะเอาเรื่องกฎหมายแรงงานมาอ้าง บริษัทไม่ต้องชี้แจงกับคุณแม่ก็ได้นะครับ เพราะแค่ยืนยันใบลาออกที่น้องเขาเขียนเอาไว้แล้วก็จบแล้วล่ะครับ

            ผมมีข้อคิดในเรื่องนี้อีกมุมหนึ่งคือ เรื่องนี้เป็นเรื่องปกติที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ย่อมจะรักลูกเข้าข้างลูก ไม่ว่าลูกจะทำดีหรือไม่ดี ถูกหรือผิด ก็ต้อง Support ลูกไว้ก่อน

            แต่เมื่อลูกโตขึ้นจนถึงวัยทำงานได้แล้ว พ่อแม่ควรจะต้องปล่อยให้ลูกเติบโตไปในวิถีทางของเขา ให้เขาได้ตัดสินใจในการดำเนินชีวิตของเขาเองรวมถึงชีวิตการทำงานของลูก

พ่อแม่ไม่สามารถตามไปปกป้องลูกได้ตลอดชีวิตหรอกครับ

การตามไปปกป้องลูกขนาดขอเข้าไปพบ HR เพื่อขอทราบเหตุผลว่าทำไมลูกถึงไม่ผ่านทดลองงานนี่นอกจากจะทำให้บริษัทมองว่าลูกของคุณแม่เป็นเด็กไม่รู้จักโตแล้ว ตัวของเด็กเองก็จะขาดความมั่นใจที่จะยืนได้ด้วยตัวเองนะครับ

หวังว่าเรื่องนี้จะเป็นอุทาหรณ์สำหรับคุณพ่อคุณแม่ทุกคนที่ลูกเพิ่งจบการศึกษาและเริ่มต้นชีวิตการทำงานครับ