ก่อนหน้านี้ผมเล่าเรื่องของพนักงานไม่ผ่านทดลองงานไปหลาย ๆ เวอร์ชั่นไปแล้ว ก็มานึกออกว่าเราก็เคยเจอเคสหนึ่งเกี่ยวกับการไม่ผ่านทดลองงานก็เลยอยากเอามาเล่าสู่กันฟังครับ
เรื่องของเรื่องคือมีพนักงานหน่วยงานหนึ่งไม่ผ่านทดลองงาน
น้องคนนี้เพิ่งจบการศึกษาปริญญาตรีไม่เคยมีประสบการณ์ทำงานมาก่อน เมื่อถึงช่วงประเมินผล
90 วัน หัวหน้าก็ประเมินแล้วน้องไม่ผ่านทดลองงานก็เชิญมาแจ้งผลและบอกให้น้องเขียนใบลาออก
น้องก็เขียนใบลาออก
ปรากฎว่าวันรุ่งขึ้นคุณแม่ของน้องคนนี้มาขอพบหัวหน้าของน้องทดลองงานเพื่อขอทราบเหตุผลว่าทำไม่ลูกสาวไม่ผ่านทดลองงาน
หัวหน้าก็เลยแจ้งมาที่ HR
ให้มาช่วยคุยกับคุณแม่ให้หน่อย
ผมก็เลยบอกให้หัวหน้าเชิญคุณแม่ของน้องทดลองงานไปนั่งในห้องประชุมแล้วให้แม่บ้านไปเสิร์ฟกาแฟโดยขอเวลา
15 นาที ระหว่างนั้นผมก็บอกกับหัวหน้าของน้องเพื่อขอข้อมูลการประเมินผลและเรื่องราวทั้งหมดว่าเป็นมายังไง
(ก็ผมไม่ใช่หัวหน้าของน้องทดลองงานนี่ครับ)
โชคดีว่าหน่วยงานนี้มีแผนการสอนงานชัดเจน
มีข้อมูลชัดเจนว่าน้องมีปัญหาในการทำงานในเรื่องไหนบ้าง
แม้จะสอนงานและพูดคุยให้น้องปรับปรุงตัวเองแล้วก็ไม่สามารถบรรจุเป็นพนักงานประจำได้ซึ่งเจ้าตัวเองก็ยอมรับว่าไม่สามารถทำงานได้ตามที่ได้รับมอบหมายจึงเขียนใบลาออกโดยสมัครใจ
เมื่อได้ข้อมูลครบแล้วผมกับหัวหน้าคนนี้ก็ไปพบคุณแม่ของน้องทดลองงานเพื่อตอบข้อซักถาม
คุณแม่ก็เริ่มต้นว่าลูกสาวเพิ่งจบมาใหม่ก็ต้องขอเวลาในการเรียนรู้การทำงานในชีวิตจริงบ้าง
ทำไมบริษัทไม่ให้โอกาสน้องในการปรับตัวในการทำงาน
ทำอย่างนี้จะทำให้เด็กขาดความมั่นใจในตัวเองจะมีผลกับอนาคตของเด็กเชียวนะ ฯลฯ
ทั้งผมและหัวหน้าก็อธิบายเหตุผลและข้อเท็จจริงให้คุณแม่ทราบว่าลูกของคุณแม่ไม่ผ่านทดลองงานเพราะอะไรโดยนำข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานของลูกสาวมาให้คุณแม่ดู
ซึ่งผมก็เข้าใจนะครับว่าคุณแม่ก็ยังคิดเหมือนเดิมว่าบริษัทไม่ให้โอกาสลูกสาว
แต่สุดท้ายก็ต้องยืนยันการตัดสินใจของทางบริษัทให้คุณแม่ทราบแม้ว่าคุณแม่จะไม่เห็นด้วยก็ตาม
ผมไม่ทราบว่าถ้าเรื่องนี้เกิดกับบริษัทของท่าน
ท่านจะชี้แจงกับคุณแม่หรือไม่
ถ้าจะเอาเรื่องกฎหมายแรงงานมาอ้าง
บริษัทไม่ต้องชี้แจงกับคุณแม่ก็ได้นะครับ เพราะแค่ยืนยันใบลาออกที่น้องเขาเขียนเอาไว้แล้วก็จบแล้วล่ะครับ
ผมมีข้อคิดในเรื่องนี้อีกมุมหนึ่งคือ
เรื่องนี้เป็นเรื่องปกติที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ย่อมจะรักลูกเข้าข้างลูก
ไม่ว่าลูกจะทำดีหรือไม่ดี ถูกหรือผิด ก็ต้อง Support ลูกไว้ก่อน
แต่เมื่อลูกโตขึ้นจนถึงวัยทำงานได้แล้ว
พ่อแม่ควรจะต้องปล่อยให้ลูกเติบโตไปในวิถีทางของเขา ให้เขาได้ตัดสินใจในการดำเนินชีวิตของเขาเองรวมถึงชีวิตการทำงานของลูก
พ่อแม่ไม่สามารถตามไปปกป้องลูกได้ตลอดชีวิตหรอกครับ
การตามไปปกป้องลูกขนาดขอเข้าไปพบ
HR เพื่อขอทราบเหตุผลว่าทำไมลูกถึงไม่ผ่านทดลองงานนี่นอกจากจะทำให้บริษัทมองว่าลูกของคุณแม่เป็นเด็กไม่รู้จักโตแล้ว
ตัวของเด็กเองก็จะขาดความมั่นใจที่จะยืนได้ด้วยตัวเองนะครับ
หวังว่าเรื่องนี้จะเป็นอุทาหรณ์สำหรับคุณพ่อคุณแม่ทุกคนที่ลูกเพิ่งจบการศึกษาและเริ่มต้นชีวิตการทำงานครับ