วันพุธที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการฝึกงาน


            หลายองค์กรมีการรับนักศึกษาเข้ามาฝึกงานกันอยู่เป็นประจำในช่วงปิดเทอม ซึ่งก็จะเกิดประโยชน์ทั้งตัวนักศึกษาเองที่จะได้เรียนรู้ชีวิตการทำงานก่อนจบการศึกษาว่าจะต้องเจออะไรบ้าง (สำหรับคนที่ไม่เคยต้องทำงานส่งตัวเองเพื่อเรียนหนังสือ) และตัวองค์กรที่ฝึกงานให้นักศึกษาก็จะได้ประโยชน์ของการรับนักศึกษาเข้ามาช่วยงานพี่ ๆ ที่ทำงานประจำได้บ้างในบางส่วนและยังเป็นเรื่องของ CSR สำหรับองค์กรอีกทางหนึ่ง    

            ทั้ง ๆ ที่มีการรับนักศึกษาฝึกงานเข้ามาทำงานกันอยู่เสมอ ๆ แต่ท่านเชื่อไหมครับว่ายังมีอีกหลายองค์กรมีการปฏิบัติไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการฝึกงาน !!

            ผมจึงขอนำประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง หลักเกณฑ์เกี่ยวกับการคุ้มครองผู้รับการฝึกเตรียมเข้าทำงาน ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 15 กันยายน 2546 (สิบกว่าปีมาแล้วนะครับ) โดยนำเฉพาะเรื่องที่สำคัญ ๆ ตามประกาศนี้มาแชร์ให้ท่านได้ทราบในวันนี้ (สำหรับประกาศฯตัวเต็มให้ท่านเข้าไปดูได้ที่เว็บไซด์ของกระทรวงแรงงาน www.mol.go.th)

            เรามาดูกันไหมครับว่ามีเรื่องอะไรกันบ้าง

1.      ให้ฝึกงานวันละ 8 ชั่วโมง แต่ถ้ากรณีงานนั้นอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพหรือร่างกายของผู้รับการฝึกตามกฎหมายแรงงานก็ให้ฝึกงานเพียงวันละ 7 ชั่วโมง และเมื่อฝึกงานมาแล้ว 4 ชั่วโมงผู้ดำเนินการจัดฝึกจะต้องให้ผู้ฝึกงานพักติดต่อกันไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมง จากข้อนี้จะเห็นได้ว่าหลายแห่งให้นักศึกษาฝึกงานทำงานเกิด 8 ชั่วโมงไปจนดึกดื่นน่ะ แสดงว่าท่านกำลังทำไม่ถูกต้องตามประกาศฉบับนี้แล้วล่ะครับ

2.      ในการฝึกงานก็จะเหมือนกับกฎหมายแรงงานคือเมื่อผู้รับการฝึกงานได้ฝึกงานมาแล้ว 6 วัน ผู้ฝึกงานจะต้องจัดให้มีวันหยุดประจำสัปดาห์ไม่น้อยกว่า 1 วัน

3.      ห้ามรับผู้ฝึกงานที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปีบริบูรณ์ และห้ามรับผู้ฝึกงานหญิงและเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ฝึกงานที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพนะครับ

4.      ผู้รับการฝึกงานสามารถลาป่วยได้ตามที่ป่วยจริงแต่ไม่เกินวันลาที่กำหนดในหลักสูตร และถ้าป่วยเกิน 3 วันติดต่อกันขึ้นไปก็ต้องมีใบรับรองแพทย์แผนปัจจุบันชั้นหนึ่งมาแสดง

5.      ห้ามผู้ดำเนินการฝึกให้ผู้รับการฝึกไปฝึกงานในสถานที่อื่นนอกเหนือจากที่ระบุไว้ในสัญญาฝึกงาน ซึ่งเรื่องนี้มักจะพบอยู่ว่าบางบริษัทพานักศึกษาฝึกงานไปนอกสถานที่ฝึกและสถานที่นั้นอาจจะเสี่ยงอันตราย ดังนั้นการฝึกงานถึงได้ต้องมีการกำหนดสถานที่ฝึกงานให้เข้าใจตรงกันทั้งสองฝ่ายครับ

6.      ให้ผู้ดำเนินการฝึกจ่ายเบี้ยเลี้ยงเป็นเงินตราไทยตามจำนวนวันที่ฝึกในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละห้าสิบของอัตราค่าจ้างขั้นต่ำสูงสุด และต้องจ่ายเบี้ยเลี้ยงไม่น้อยกว่าเดือนละหนึ่งครั้ง

ซึ่งในเรื่องนี้ผมว่าในเรื่องนี้ยังมีอีกหลายองค์กรที่รับนักศึกษาเข้ามาฝึกงานแล้วไม่จ่ายเบี้ยเลี้ยงให้โดยอาจจะอ้างว่าบริษัทรับนักศึกษาเข้ามาฝึกงานก็เป็นบุญคุณล้นเหลือแล้วก็เลยไม่จ่ายเบี้ยเลี้ยงให้เลย แต่ให้ท่านทราบไว้ด้วยนะครับว่าการไม่จ่ายเบี้ยเลี้ยงให้นักศึกษาฝึกงานน่ะมันผิดตามประกาศหลักเกณฑ์นี้นะครับ

จริงอยู่ว่าการที่บริษัทรับนักศึกษาฝึกงานเข้ามาทำงาน เป็นการให้ความรู้กับนักศึกษาในภาคปฏิบัติซึ่งก็ถือว่าเป็น CSR (Corporate Social Responsibility) ให้กับสังคมทางหนึ่ง แต่ในอีกด้านหนึ่งบริษัทก็ใช้แรงงานนักศึกษาฝึกงานในการช่วยเหลือการทำงานของพนักงานประจำเช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่านักศึกษาจะยังทำงานไม่ได้เท่ากับพนักงานประจำก็ตาม และก็มีไม่น้อยที่ใช้ให้นักศึกษาฝึกงานทำงานเหมือนกับพนักงานประจำเลยด้วยซ้ำไป

ดังนั้นบริษัทก็จะได้ประโยชน์จากการทำงานของนักศึกษาบ้างไม่มากก็น้อย ดังนั้นผมคิดว่าการจ่ายเบี้ยเลี้ยงตามหลักเกณฑ์คือครึ่งหนึ่งของค่าจ้างขั้นต่ำน่ะคงไม่ทำให้บริษัทถึงกับขาดทุนล้มละลายจริงไหมครับ ซี่งหลายองค์กรก็จ่ายเบี้ยเลี้ยงให้นักศึกษามากกว่าค่าจ้างขั้นต่ำก็ยังมี แหม..ทีบริษัทไปทำกิจกรรม CSR อื่น ๆ ใช้งบประมาณมากมายยังทำได้ กะอีแค่จ่ายเบี้ยเลี้ยงนักศึกษาฝึกงานประมาณ 2-3 เดือน กลับควักกระเป๋าจ่ายไม่ได้นี่ดูมันขัดแย้งกันพิกลนะครับ

7.      หากนักศึกษาฝึกงานประสบอันตราย หรือเจ็บป่วยในระหว่างการฝึกงาน ผู้ดำเนินการฝึกจะต้องให้การช่วยเหลือ หรือให้บริการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่น่าจะมีการปฏิบัติกันตามปกติอยู่แล้วครับ

8.      ให้ผู้ดำเนินการฝึกจัดทำประกันอุบัติเหตุจากการฝึกให้แก่ผู้รับการฝึกได้รับประโยชน์ไม่น้อยกว่าที่กำหนดในกฎหมายว่าด้วยกองทุนเงินทดแทน ซึ่งค่าเบี้ยประกันอุบัติเหตุก็ไม่กี่บาทหรอกครับ แต่เรื่องนี้ผมเชื่อว่าบริษัทหลายแห่งยังไม่ทราบว่ามีเรื่องนี้ด้วย และหลายแห่งก็ไม่ได้ทำประกันอุบัติเหตุไว้ตามหลักเกณฑ์นี้ก็เลยแชร์ให้ท่านทราบว่าต้องมีการประกันอุบัติเหตุให้นักศึกษาฝึกงานด้วยครับ

 

เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ ผมเชื่อว่าท่านคงจะได้ทราบข้อมูลที่ถูกต้องและนำกลับไปทบทวนในเรื่องการรับนักศึกษาฝึกงานและมีการปฏิบัติได้อย่างถูกต้องต่อไปแล้วนะครับ

…………………………….