วันพุธที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

อยากจะได้เงินเดือนเยอะตำแหน่งสูง..แล้วความสามารถล่ะ ?



             เดี๋ยวนี้ผมมักจะได้ยินได้ฟังเรื่องคำถามทำนองนี้ค่อนข้างบ่อยครับ....
            “เพิ่งจบปริญญาตรี การตลาด ตอนนี้ได้เงินเดือนหมื่นห้า อีกกี่ปีถึงได้จะห้าหมื่น”
            “จบวิศวะไฟฟ้า จากม.ของรัฐไม่ดังนัก เกรดเฉลี่ย 2.3 จะได้เงินเดือนถึงแสนบาทอีกกี่ปี”
            “เพิ่งจบ เข้าทำงานที่บริษัท.....อีกกี่ปีถึงจะได้เป็นผู้จัดการ”
            ซึ่งผมเชื่อว่าท่านที่จะต้องสัมภาษณ์ผู้สมัครงานทั้ง Line Manager หรือ HR เองอาจจะเคยได้ยินคำถามทำนองนี้จากผู้สมัครงาน หรือแม้แต่เมื่อรับเข้าทำงานแล้วน้อง ๆ เหล่านี้อาจจะตั้งคำถามทำนองนี้กับพี่ ๆ ที่ทำงานมาก่อน
            แล้วท่านคิดยังไงกับคำถามทำนองนี้ล่ะครับ ?
            หลายคนที่เป็นสายฮาร์ดคอร์ พูดจาขวานผ่าซากซะหน่อยก็คงจะตอบสวนไปทันที
            “โอ๊ย..ฝันไปเถอะน้องพี่จบมาก่อนตั้งนานตอนนี้ยังได้สองหมื่นกว่าเอง ถ้าอยากได้มากกว่านี้ก็ต้องไปเป็นเดอะสตาร์ดีกว่ามั๊ง....” หรือถ้าเป็นสายพิราบเสียหน่อยก็คงจะถามกลับมาว่า....
            “แล้วน้องคิดว่าน้องมีความสามารถอะไรที่จะแสดงให้บริษัทเขาเห็นล่ะว่าน้องควรจะได้ห้าหมื่น..”
            ก็ต้องยอมรับนะครับว่า ยุคนี้เป็นยุคของคนเจนเนอเรชั่น วาย (Generation Y หรือ Gen Y) เป็นยุคของคนที่ต้องการความรวดเร็วฉับไว มีความมั่นใจในตัวเองสูง วัตถุนิยม กล้าคิด กล้าเสี่ยง กล้าตัดสินใจ แถมเป็นยุคของโซเชียลเน็ตเวอร์ค (Social Network) ที่ข้อมูลข่าวสารรวดเร็ว มีสื่อออนไลน์ที่ติดต่อกันได้แบบข้ามโลกในเวลาเป็นวินาที เช่น Line, Whatsapp, Instagram ฯลฯ ดังนั้นเมื่อเพื่อนคนไหนได้ Up เงินเดือนขึ้นหรือประสบความสำเร็จอะไร ก็จะส่งผ่าน Social Network กันทันที ก็จะทำให้เกิดการเปรียบเทียบกันในเชิงวัตถุนิยมได้ง่ายและรวดเร็ว เข้าทำนอง “เงินเดือนของเราได้เท่าไหร่..ไม่สำคัญเท่ากับเพื่อนได้เท่าไหร่” ถ้าได้น้อยกว่าเพื่อนก็จะรู้สึกเสียเซลฟ์
            เป็นเรื่องจริงที่ทุกคนที่ทำงานต่างก็ต้องการอยากได้เงินเดือนเยอะ ๆ อยากที่จะก้าวหน้าได้เลื่อนชั้นเลื่อนตำแหน่งในระยะเวลาที่รวดเร็วกว่าคนอื่น (ถ้าเป็นไปได้) ซึ่งก็จะหมายถึงการปรับเงินเดือนที่สูงขึ้นตามงานและความรับผิดชอบในตำแหน่งที่เพิ่มขึ้น
            ซึ่งแน่นอนว่าคนที่จะพิจารณาเลื่อนชั้นเลื่อนตำแหน่งหรือปรับเงินเดือนให้กับพนักงานระดับใดก็ตาม ก็คือผู้บริหารขององค์กรนั้น ๆ
            แล้วเขาอะไรมาเป็นข้อพิจารณาในการปรับเลื่อนตำแหน่งหรือเงินเดือนล่ะ ?
          ก็หนีไม่พ้นเรื่องหลัก ๆ ก็คือ “ผลงาน” และ “ความสามารถ” จริงไหมครับ ?
            ผมถึงอยากให้ข้อคิดสำหรับน้อง ๆ Gen Y รุ่นใหม่ไฟแรงไว้อย่างนี้
          1. มีคำพูดหนึ่งจากผู้บริหารหลายคนที่คุยกับผมว่า “ไม่เก่งงาน ไม่รู้งานไม่เป็นไร สอนได้ สำคัญว่าเด็กอดทนที่จะเรียนรู้งานหรือเปล่า” ซึ่งผมเห็นด้วยกับเรื่องนี้นะครับ เพราะคนใน Generation ก่อนหน้านี้มักจะมีความอดทนและขวนขวายที่จะเรียนรู้หรือแสวงหาความรู้ในงาน สะสมความรู้ความสามารถให้รู้ลึกรู้จริงในงาน จนหลายครั้งก็ยอมที่จะได้รับค่าจ้างเงินเดือนที่ไม่มากนัก แต่ขอเพียงเพื่อให้ได้เรียนรู้งานให้มากที่สุดเพื่อจะได้นำงานที่เรียนรู้นั้นกลับมาเป็นประโยชน์ต่อความเจริญก้าวหน้าของตัวเองในวันข้างหน้า หรือเรียกว่า “อดเปรี้ยวไว้กินหวาน” ซึ่งคน Generation Y คงต้องถามตัวเองด้วยว่ามีคุณสมบัติในเรื่องความอดทนเพื่อเรียนรู้ลึกรู้จริงในงานอยู่มากน้อยแค่ไหน หรือยังทำงานจับจดหนักไม่เอาเบาไม่สู้ ชอบงานสบายแต่ได้ตังค์เยอะ ๆ ไม่รู้จริงแต่คิดว่าตัวเองรู้หมดทุกเรื่อง ถ้าท่านเป็นเจ้าของกิจการท่านอยากจะจ้างคนแบบนี้ไหมล่ะครับ
          2. เมื่ออดเปรี้ยวไว้กินหวานเพื่อสะสมความรู้ความสามารถในงานแล้ว แน่นอนว่าความสามารถก็จะเพิ่มขึ้นตามระยะเวลาที่ผ่านไป ซึ่งความสามารถนี้ในปัจจุบันก็เรียกกันว่า Competency” ประกอบด้วย ความรู้ (Knowledge) ในงานที่รับผิดชอบ, ทักษะ (Skills) คือความชำนาญในการลงมือปฏิบัติงานได้เป็นอย่างดี และคุณลักษณะภายใน (Attributes) ที่ดีที่จะมีส่วนสำคัญให้งานประสบความสำเร็จ เช่น ความขยัน, ความอดทน, ความรับผิดชอบ ฯลฯ โดย Competency นี่แหละครับที่จะมีผลต่อพฤติกรรมของคนทำให้คน ๆ นั้นทำงานประสบความสำเร็จตามที่ได้รับมอบหมายได้เป็นอย่างดี และมีผลงานออกมาที่น่าพอใจ
          3. เมื่อมี Competency แล้วท่านก็จะสามารถรับผิดชอบงานที่อยู่ตรงหน้าตามที่ได้รับมอบหมายให้บรรลุเป้าหมายได้เป็นอย่างดี แล้วลองกลับมาทบทวนดูสิครับว่าท่านมีผลงานอะไรที่เป็นผลงานที่คนรอบข้าง (ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงานหรือหัวหน้า) ยอมรับว่านี่คือผลงานของเรา พอพูดถึงงานชิ้นนี้ทุกคนก็จะต้องยอมรับและบอกว่านี่แหละผลงานของเรา และตอนนี้ผลงานของท่านมีมาก-น้อยแค่ไหนแล้ว หรือจะพูดง่าย ๆ ว่าเคยสะสม Portfolio ผลงานที่ประสบความสำเร็จของตัวเองเอาไว้บ้างหรือเปล่าว่ามีอะไรบ้าง
          4. เมื่อมีความพร้อมทั้งความสามารถ (Competency) ผลงาน (Performance) แล้ว ท่านก็จะมีพื้นฐานที่แน่นในเรื่องงานและเติบโตแบบยั่งยืน ก็ย่อมจะเป็นดาวเด่น (Talent หรือ Star) ในองค์กรที่ไม่ว่าจะผู้บริหารภายในก็จะเห็นแววหรือศักยภาพในตัวท่าน หรือแม้แต่องค์กรภายนอกที่อยากจะส่งเทียบเชิญไปร่วมงานด้วยในที่สุด
ดังนั้น แทนที่จะถามคนอื่นว่า “อีกกี่ปีจะได้เงินเดือนแสน” ผมว่าลองกลับมาทบทวน “ผลงาน” และ“ความสามารถ” ในตัวเองว่ามีมากเพียงพอแล้วหรือยังก่อนที่จะไปคิดให้ใครเขาปรับขึ้นเงินเดือนให้จะดีไหม
เพราะทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับตัวของท่านไม่ใช่คนอื่น จริงไหมครับ ?

………………………………..