วันพุธที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2556

ผู้บริหารทรัพยากรบุคคลยุคใหม่ควรมีคุณสมบัติอะไรบ้าง ?



บทนำ
            หากเราจะพูดถึงหน้าที่ (Human Resource Functions) ในการบริหารงานบุคคลกันแล้วคงหนีไม่พ้นหลักใหญ่คือ การสรรหาคัดเลือก, การบริหารค่าตอบแทนและสวัสดิการ, การพัฒนาบุคลากร, การบริหารผลการปฏิบัติงาน และเรื่องของแรงงานสัมพันธ์ ซึ่งผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบในกระบวนการบริหารทรัพยากรบุคคลในองค์การต่าง ๆ คงจะทราบกันเป็นอย่างดีแล้วใช่ไหมครับ
            สำหรับหน้าที่ในการบริหารทรัพยากรบุคคลตามที่ผมบอกมาข้างต้นนี้ในปัจจุบันเราจะพบว่าในหลายองค์การจะกำหนดให้หัวหน้างานหรือผู้จัดการในหน่วยงานต่าง ๆ หรือที่เรียกกันว่า Line Manager เป็นผู้มีส่วนรับผิดชอบร่วมกับฝ่ายทรัพยากรบุคคล เช่น ให้ Line Manager เข้ามามีส่วนร่วมในการคัดเลือกผู้สมัครงานโดยการสัมภาษณ์, ให้ Line Manager เข้ามามีส่วนร่วมในการพิจารณาประเมินผลการปฏิบัติงานรวมถึงการขึ้นเงินเดือนหรือปรับเงินเดือนประจำปีให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเอง, ให้ Line Manager มีอำนาจในการตักเตือนผู้ใต้บังคับบัญชาเมื่อมีการกระทำผิดเช่นมาสาย,ขาดงาน ทั้งด้วยวาจาหรือเป็นลายลักษณ์อักษร ฯลฯ
            โดยอาจกล่าวได้ว่า ในวันนี้ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคลตัวจริงก็คือ Line Manager นั่นเอง !!”
            จึงทำให้เกิดข้อสงสัยตามมาว่า แล้วฝ่ายทรัพยากรบุคคลมีบทบาทหน้าที่อะไรกันแน่ รวมไปจนถึงว่าคุณสมบัติหรือ Competency ของคนที่จะมาทำงานในฝ่ายทรัพยากรบุคคลควรจะต้องมีอะไรบ้าง ?
            ท่านอ่านตามมาสิครับ เรามาหาคำตอบด้วยกัน

บทบาทของฝ่ายทรัพยากรบุคคล
            จากคำถามที่ผมติดค้างไว้ในบทนำจึงนำมาสู่บทบาทของผู้ที่ปฏิบัติงานในฝ่ายทรัพยากรยุคใหม่ดังนี้ครับ
1.      ให้คำแนะนำ (Advice) กับพนักงานทุกคนในองค์การ เช่น พนักงานมีข้อสงสัยในเรื่อง
หลักเกณฑ์วิธีการขึ้นเงินเดือนประจำปี, หัวหน้างานมาขอคำแนะนำว่าจะตักเตือนลูกน้องที่ขาดงานอย่างไรดี, พนักงานมาขอคำปรึกษาว่าถ้าหัวหน้างานไม่แจ้งผลการประเมินจะทำอย่างไรดี ฯลฯ เหล่านี้แหละครับที่ผู้ปฏิบัติงานในฝ่ายทรัพยากรบุคคลจะต้องเป็นผู้ให้คำแนะนำในเรื่องเหล่านี้กับพนักงานในทุกระดับ
2.      ให้ความช่วยเหลือ (Assistant)  กับพนักงานทุกคนในองค์การ จากข้อ 1 ที่ให้
คำแนะนำไปแล้ว หากพนักงานต้องการให้ช่วยเหลือเพิ่มเติม เช่น เมื่อหัวหน้างานมาปรึกษาว่าได้ตักเตือนพนักงานด้วยวาจาในเรื่องขาดงานมาหลายครั้งแล้ว จะทำหนังสือตักเตือนอย่างไรเพราะเขียนไม่เป็น ซึ่งฝ่ายทรัพยากรบุคคลในฐานะมืออาชีพจะต้องให้ความช่วยเหลือโดยจัดเตรียมหนังสือตักเตือนดังกล่าวให้กับหัวหน้างานได้อย่างถูกต้อง เป็นต้น
3.      เป็นผู้ดูแลให้มีการใช้กฎระเบียบขององค์การด้วยความเสมอภาคและเท่าเทียม
กัน (Regulation Control) เช่น หัวหน้างานในหน่วยงาน ก ปล่อยปละละเลยในเรื่องการตักเตือนผู้ใต้บังคับบัญชาที่มาทำงานสาย จนกระทั่งเกิดปัญหาการร้องเรียนของพนักงานในหน่วยงานอื่น ฝ่ายทรัพยากรบุคคลก็จะต้องไปแจ้งกับหัวหน้าหน่วยงาน ก ให้ปฏิบัติไปตามระเบียบกฎเกณฑ์ของบริษัทเพื่อให้เกิดความเสมอภาคเท่าเทียมกันเพื่อลดข้อครหาต่าง ๆ หรือในกรณีที่พนักงานใช้สิทธิในการเบิกสวัสดิการต่าง ๆ ฝ่ายทรัพยากรบุคคลก็จะต้องดูแลให้การเบิกสวัสดิการดังกล่าวเป็นไปในแนวทางปฏิบัติเหมือน ๆ กันโดยไม่เกิดกรณีสองมาตรฐานเช่นคนหนึ่งเบิกได้ ส่วนอีกคนหนึ่งเบิกไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่เป็นการใช้สิทธิแบบเดียวกันเป็นต้น
4.      การเป็นคู่คิดทางธุรกิจกับ CEO หรือที่เรามักจะได้ยินคำว่า “Strategic Partner” ไง
ครับนั่นคือผู้ที่ทำงานในฝ่ายทรัพยากรบุคคลในยุคใหม่จะต้องมีความรู้หลาย ๆ ด้านที่ไม่ใช่จะมีแต่ความรู้ในด้านของงานบุคคลเพียงอย่างเดียวซึ่งผมจะเล่าในท่านฟังในหัวข้อถัดไปครับ
5.      การเป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในองค์การหรือการเป็น “Change
Agent” ซึ่งฝ่ายทรัพยากรบุคคลในยุคใหม่จะต้องเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นในองค์การเพื่อทำให้ผู้คนในองค์การมุ่งไปสู่เป้าหมายตามที่องค์การกำหนดไว้ครับ

คุณสมบัติของผู้ปฏิบัติงานในฝ่ายทรัพยากรบุคคลในยุคใหม่
            จากที่ผมเล่าให้ท่านฟังมาในข้างต้น ท่านคงจะมองเห็นแล้วนะครับว่าผู้ที่ทำงานในฝ่ายทรัพยากรยุคใหม่นอกจากจะต้องทำงานในลักษณะที่เป็นปฏิบัติการในการให้คำแนะนำหรือช่วยเหลือพนักงาน โดยมี Line Manager รับผิดชอบงานด้านบริหารผู้คนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของเขาแล้ว ผู้ที่ทำงานในฝ่ายทรัพยากรบุคคลยังจะต้องมีคุณสมบัติเพิ่มเติมอีก 2 เรื่องใหญ่ ๆ คือในเรื่องของการเป็นคู่คิดเชิงกลยุทธ์ (Strategic Partner) และยังต้องมีความเป็นตัวก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลง (Change Agent) ในองค์การอีกด้วย
            ผมจึงขอนำเสนอคุณสมบัติของผู้ปฏิบัติงานในฝ่ายทรัพยากรยุคใหม่ (Human Resource Competency Model) มาให้ท่านได้ทราบดังนี้

        
            จากรูปข้างต้นผมนำมาจากหนังสือ Managing Human Resource โดยเขาได้พูดถึงผู้บริหารโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่จะต้องทำงานรับผิดชอบในด้านทรัพยากรบุคคลควรจะต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
1.      ความรู้ในเชิงธุรกิจ (Business Mastery)
แน่นอนว่าคนที่ทำงานในฝ่ายทรัพยากรบุคคลในยุคนี้จะต้องมีความแตกต่างไปจากยุค
ก่อน ๆ ค่อนข้างมาก กล่าวคือในยุคก่อน ๆ สัก 20 ปีมาแล้ว คนที่ทำงานในฝ่ายทรัพยากรบุคคลไม่จำเป็นต้องรู้ธุรกิจขององค์การเท่าใดนัก เพียงแต่ดูแลรับผิดชอบงานประจำวัน (Routine) เช่น การจ้างผู้สมัครงาน, การจ่ายเงินเดือนทุกสิ้นเดือนไม่ให้ผิดพลาด, การส่งแบบฟอร์มประเมินผลงานให้หัวหน้างานประเมิน, การทำเรื่องเบิกจ่ายสวัสดิการไม่ให้ผิดพลาด ฯลฯ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นงานประจำวัน, ประจำเดือน   และประจำปี ไปอย่างนี้ทุก ๆ วัน ทุก ๆ เดือน ทุก ๆ ปี จนเป็นความเคยชินและให้เกิดความผิดพลาดให้น้อยที่สุด ส่วนธุรกิจขององค์การจะเป็นอย่างไรฉันไม่จำเป็นต้องรับรู้รับทราบ
            แต่สำหรับในยุคนี้และยุคต่อไปคงไม่เป็นอย่างที่ผมบอกมาข้างต้นแล้วล่ะครับ เพราะคนที่ทำงานในฝ่ายทรัพยากรบุคคลจำเป็นที่จะต้องมีความรู้ในเชิงธุรกิจขององค์การที่ตนเองทำงานอยู่โดย
            มีความรู้ในสินค้าและบริการขององค์การเป็นอย่างดี (Business Acumen) เรียกว่า
ต้องรู้ เข้าใจ และสามารถตอบคำถามในเรื่องของสินค้าหรือบริการที่บริษัทดีไม่แพ้ฝ่ายขายหรือฝ่ายการตลาดเลยล่ะครับ
            จะต้องสามารถพัฒนาทักษะความรู้ความสามารถของพนักงานในองค์การให้สร้าง
ความพึงพอใจให้กับลูกค้าเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าโดยยึดความพึงพอใจของลูกค้าเป็นแนวทางในการพัฒนาบุคลากรซึ่งจะต้องกับในภาพข้างต้นคือเน้นในเรื่องของ Customer Orientation และ External Relations นั่นเองครับ
2.      ความรู้ในงานด้านทรัพยากรบุคคล (HR Mastery)
ในเรื่องนี้ก็คงไม่ต้องอธิบายกันให้มากความนะครับ เพราะถ้าจะมาทำงานด้านทรัพยากร
บุคคลแล้วยังไม่มีความเป็นมืออาชีพ (Professional) ในวิชาชีพที่ตัวเองทำอยู่ก็คงจะหาความเจริญรุ่งเรืองได้ยากจริงไหมครับ
อย่างไรก็ตามถึงแม้ผู้ที่ทำงานด้าน HR มานานสักเพียงใด ก็ควรทำตัวให้เป็น น้ำไม่เต็ม
แก้ว อยู่เสมอนะครับ เพราะทุกวันนี้ยังมีสิ่งใหม่ ๆ วิวัฒนาการใหม่ ๆ ในเครื่องไม่เครื่องมือด้าน HR เข้ามาอีกมากมายที่ทำให้ต้องเรียนรู้ไปอย่างไม่รู้จบสิ้น
            ดังนั้นจึงต้องเป็นคนที่รักการเรียนรู้ รักการอ่าน รักการพูดคุยสนทนากับผู้รู้อยู่สม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้ตกยุคไงล่ะครับ
3.      ผู้ที่ทำงานด้านทรัพยากรบุคคลจะต้องมีความรู้ เข้าใจ และสามารถบริหารการเปลี่ยนแปลงได้ (Change Mastery)
โดยจะต้องยอมรับกฎพื้นฐานของธรรมชาติตามแนวพุทธศาสตร์ว่า อนิจจังไม่เที่ยง นั่น
แหละครับ หรือที่มักจะพูดกันอยู่เสมอ ๆ ว่า สิ่งที่แน่นอนที่สุด คือสิ่งที่ไม่แน่นอน
            นั่นคือสรรพสิ่งย่อมมีการเปลี่ยนแปลงครับ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนั้นโดยเนื้อแท้แล้วมันไม่ได้ดีหรือเลยในตัวเองเลยนะครับ แต่ความรู้สึกของคนที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงต่างหากที่ทำให้ความเปลี่ยนแปลงนั้นดีหรือเลว
            ดังนั้นเมื่อเข้าใจอย่างนี้แล้ว ผู้ที่ทำงานด้านทรัพยากรบุคคลจะต้องมีทักษะในเรื่องของการ
โน้มน้าวใจคนรอบข้างด้วยความรู้สึกที่ดีต่อกัน (Interpersonal Skills and Influence) คอยช่วยแก้ไขปัญหาของคนที่อาจจะเกิดขึ้นจากการต่อต้านการเปลี่ยนแปลง (Problem Solving Skills) รู้จักวิธีการจูงใจคนด้วยระบบรางวัล (Rewards System) บ้าง ในขณะเดียวกันก็ต้องมีความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ (Innovativeness and creativity) เพราะความคิดสร้างสรรค์จะกลับมาเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี
4.      ได้รับการยอมรับจากคนรอบข้าง (Personal Credibility)
ฝ่ายทรัพยากรบุคคลมักจะถูกวางไว้ในฐานะ คนกลาง ระหว่างฝ่ายบริหารกับพนักงาน
ดังนั้น ผู้ที่ทำงานในฝ่ายทรัพยากรบุคคลจึงจำเป็นจะต้องวางตัวไว้อย่างเหมาะสมเพื่อไม่ให้ถูกมองจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งว่า ไม่เป็นกลาง ไงครับ
            ซึ่งความจริงแล้วการเป็นคนกลางนี้ก็ไม่ง่ายนะครับ เพราะคนที่อยู่ทางซ้ายมือของเราก็มักจะมองว่าเราอยู่ทางขวา ในขณะที่คนที่อยู่ทางขวามือของเราก็มักจะมองว่าเราเอียงไปทางซ้ายด้วยเหมือนกัน
            ดังนั้นผู้ทำงานในฝ่ายทรัพยากรบุคคลจึงควรจะต้องมีคุณสมบัติในเรื่องของความน่าเชื่อถือและมีจริยธรรมหรือมีคุณธรรม (Trust & Ethics) ให้คนรอบข้างยอมรับ เรียกว่าสิ่งใดที่หมิ่นเหม่ต่อหลักจริยธรรมก็ต้องงดเว้น เช่น ไม่มาทำงานสายเสียเอง, ไม่เบิกค่าเบี้ยเลี้ยงที่เกินสิทธิที่ตนมีอยู่, การนำรถบริษัทไปใช้ส่วนตัว ฯลฯ ต่าง ๆ เหล่านี้ เพื่อไม่ให้เกิดข้อครหาขึ้นและจะทำให้คนรอบข้างเกิดความไม่เชื่อถือและขาดความไว้วางใจในที่สุด
            ในขณะที่จะต้องเป็นคนที่สามารถสร้างมนุษยสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้างได้ (Build personal relationships) ไม่ใช่ทำตัวเป็นครูไหวใจร้าย หรือเป็นตำรวจลับที่คอยไล่จับพนักงานไปทั่วทั้งองค์การ และยังต้องเป็นคนที่กล้าตัดสินใจในสิ่งที่ถูกต้องไม่ใช่ถูกใจ (Courage) โดยกล้าคิดกล้าตัดสินใจอย่างมีเหตุมีผลสามารถตอบคำถามคนทั่วไปได้อย่างกระจ่างครับ
            จากที่ผมเล่าให้ท่านฟังมาทั้งหมดคงจะพอทำให้ท่านได้เห็นภาพคุณสมบัติของคนที่จะต้องมี หากจะมาทำงานในฝ่ายทรัพยากรในปัจจุบันและอนาคตได้ชัดเจนขึ้นแล้วนะครับ ในความเห็นของผมแล้วผมเห็นว่าเป็นเรื่องปกติที่คนทั่วไปก็ทำได้ ซึ่งคุณสมบัติต่าง ๆ ข้างต้นนั้นก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่เหลือวิสัยสำหรับคนที่จะมาทำงานในฝ่ายทรัพยากรบุคคลเลยนะครับ   
            ดังนั้นคงเป็นข้อมูลให้กับทั้งท่านที่กำลังจะหาผู้ที่จะมาทำงานในฝ่ายทรัพยากรบุคคลในองค์การ และท่านที่กำลังทำงานอยู่ในฝ่ายทรัพยากรบุคคลได้พิจารณากันนะครับว่าท่านหาได้หรือมีคุณสมบัติต่าง ๆ เหล่านี้แล้วหรือยัง.

…………………………………