วันอังคารที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2561

รู้เขา..รู้เรา..ด้วย D I S C (ตอนที่ 2)


          เมื่อตอนที่แล้วผมได้เกริ่นนำให้ท่านได้ทราบถึงความแตกต่างของแต่ละบุคคลซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติของมนุษย์ ทำให้แต่ละคนมีพฤติกรรมหรือสไตล์ในการใช้ชีวิตโดยมีการศึกษาในเรื่องนี้โดย Dr.William Moulton Marston ได้ทำการวิจัยและเขียนหนังสือที่ชื่อว่า The Emotions of Normal People โดยจัดแบ่งสไตล์หรือลักษณะของคนออกเป็น 4 ประเภทที่เรียกว่า D I S C ซึ่งผมจะขยายความให้ท่านทราบในตอนนี้ล่ะครับ

D I S C คืออะไร ?

            พอเห็นคำ ๆ นี้หลายท่านอาจจะนึกถึงเบรครถยนต์ หรือ แผ่น CD ฯลฯ แต่ไม่ใช่อย่างที่ท่านคิดไว้นะครับ

D I S C ที่ผมจะพูดถึงในวันนี้เป็นตัวอักษรที่ย่อมาดังนี้

          D - Dominance
          I – Influence
          S – Steadiness
          C – Compliance

            ทั้งสี่คำนี้คือสไตล์หรือคุณลักษณะของคนที่สามารถแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ 4 แบบ แต่ก่อนที่ผมจะเล่าให้ท่านทราบมากกว่านี้ขอทำความเข้าใจในเบื้องต้นก่อนนะครับว่าสไตล์ทั้ง 4 แบบนี้ไม่มีสไตล์ใดที่ดีกว่าหรือแย่กว่าสไตล์ใด ซึ่งแต่ละสไตล์ก็จะมีลักษณะเด่นและด้อยในตัวของมันเอง ไม่มีสไตล์ใดที่สมบูรณ์แบบหรือดีที่สุด

            ทั้งผมทั้งท่านต่างก็มีสไตล์เป็นของตัวเองในสี่รูปแบบนี้แหละครับ !


            เรามาดูกันว่าแต่ละสไตล์จะมีจุดเด่นจุดด้อยยังไงกันบ้าง

D = Dominance/Directive ผู้กร้าวแกร่ง ฉับไว

            คนสไตล์ D หรือ Dominance ท่านจะสังเกตลักษณะเด่นเขาและเธอได้จากการที่เป็นคนมุ่งมั่น มุ่งผลสำเร็จของงาน(และชีวิต)สูง ของการควบคุม การตัดสินใจชัดเจน เด็ดขาด ปากกับใจตรงกัน ชอบเปลี่ยนแปลง กล้าคิด กล้าทำ กล้าเสี่ยง กล้าตัดสินใจแม้จะเกินอำนาจที่มี ใจถึงพึ่งได้ ชอบการแข่งขัน ไม่กลัวใคร ชอบทำงานโดยอิสระ ไม่ชอบการถูกควบคุม มีความรับผิดชอบในงานสูง ชอบความท้าทาย

            จุดที่เป็นเงามืดของคนแบบ D คือ หากเชื่อมั่นในตัวเองสูงมากก็จะเป็นคนที่มีปากหาศัตรู คนรอบข้างจะไม่ชอบในความก้าวร้าว และเข้ามาควบคุมงาน คนแบบ D มักจะถูกคน (แอบ) นินทาว่าเอาแต่ใจตัวเองแต่ไม่ยอมเข้าใจคนอื่น(รอบข้าง)เสียบ้างเลย ทำให้ถูกมองว่าเป็นเผด็จการเอาง่าย ๆ

I = Influence/Interactive ช่างเจ๊าะแจ๊ะ ชอบสังคม อารมณ์ศิลปิน

            คนสไตล์ I จะเป็นคนที่ชอบเข้าหาพูดคุย พูดเก่ง เสียงดัง ร่าเริง มีอารมณ์ศิลปินสูง มีความคิดสร้างสรรค์บรรเจิด ชอบงานสังคม งานรื่นเริงบรรเทิงปาร์ตี้ เข้ากับคนได้ง่าย เจอคนแปลกหน้านี่จะพูดคุยกันได้อย่างกับเป็นญาติสนิทกันมาตั้งแต่ชาติที่แล้ว สามารถหว่านล้อมจูงใจให้คนมาร่วมมือได้อยู่เสมอ แต่เป็นคนไม่ชอบลงรายละเอียด และไม่กล้าที่จะตัดสินใจถ้าจะต้องไปขัดใจใคร คนสไตล์ I จึงแคร์กับความรู้สึกของคนรอบข้าง จะเข้าใจผู้คนมาก

            วิธีคิดของคนแบบ I จึงจะมีอารมณ์ (Feeling) เข้ามาร่วมด้วยเสียเป็นส่วนมาก คนแบบ I จึงมองโลกในแง่ดี

            ในขณะที่จุดอ่อนของคนแบบ I คือมักจะเป็นคนที่คุยแบบน้ำท่วมทุ่ง ฝันเฟื่อง เชื่อคนง่ายโดยไม่แยกแยะว่าใครน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน การตัดสินใจมักจะใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล ทำให้คนรอบข้างดูว่าตัดสินใจแบบไม่มีหลักการที่ชัดเจน บ่อยครั้งที่ทำให้คนรอบข้างสับสนกับการตัดสินใจที่หาคำตอบที่มีเหตุผลไม่ได้

S = Steadiness/Support เห็นใจผู้คน ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง อนุรักษ์นิยม ทำตามขั้นตอน

            คนสไตล์ S จะเป็นคนที่มีความเป็นมิตรเป็นอันเอง ดูอบอุ่นรับฟัง แต่งตัวตามสบายไม่พิถีพิถัน เป็นคนชอบทำอะไรตามกฎระเบียบที่มี ค่อยเป็นค่อยไป ไม่ชอบอะไรที่เร่งรีบ ไม่ชอบความเปลี่ยนแปลง ไม่ชอบความเร่งด่วนฉุกเฉิน ชอบอยู่เบื้องหลังมากกว่าเบื้องหน้า ตัดสินใจตามกฎระเบียบที่มีเท่านั้น และอนุรักษ์นิยมสูง

            ดังนั้นจุดอ่อนของคนแบบ S ก็คือ คนรอบข้างจะดูว่าเป็นคนเฉื่อย เปลี่ยนแปลงอะไรก็ยาก ยึดติดแต่ภาพอดีต ขาดความกระตือรือร้น แถมเป็นคนดื้อเงียบ และมักจะผลัดวันประกันพรุ่ง

C = Compliance/Cautious หญิงมั่นชายมั่น ละเอียด รอบคอบสุดฤทธิ์ คุยกันด้วยข้อมูลเท่านั้น

            คนสไตล์ C เป็นคนที่ต้องการความละเอียดถี่ถ้วนสูงมาก(กว่าปกติคนทั่วไป) ไม่เชื่ออะไรง่าย  ๆ ต้องมีข้อเท็จจริง (หรือข้อมูล) ที่ยืนยันมาพิสูจน์กันได้เท่านั้น เป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูง ไม่ค่อยจะพูดอะไรมากนัก ชอบคิดการวิเคราะห์ เป็นคนที่ทุกอย่างต้องสมบูรณ์แบบหรือเรียกว่าเป็น Perfectionist มักจะมองว่าคนอื่นรู้น้อยกว่าตัวเอง มีข้อมูลน้อยกว่าตัวเอง หรือหนักกว่านั้นคือมองว่าคนอื่นโง่กว่าตัวเองเพราะตัวเองเป็นคนมีข้อมูลเยอะรู้มาก คนสไตล์ C กล้าตัดสินใจและเด็ดขาดจนหลายครั้งทำเอาคนรอบข้างเป็นงงว่าทำไมกล้าตัดสินใจแบบนี้ได้ ก็เพราะเขาเป็นคนเชื่อมั่นในตัวเองสูงมาก

            จุดอ่อนของคนแบบ C ก็คือ มักจะมองโลกในแง่ร้าย ขี้จุกจิก ค่อนข้างเก็บตัว ชอบวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น และชอบรายละเอียด หรือจมอยู่กับเวลาของรายงานมากเกินไปจนทำให้งานที่จะต้องปฏิบัติหรืองานที่ต้องการการตัดสินใจไม่เดินหน้า และมีปัญหาเรื่องมนุษยสัมพันธ์

            ในตอนนี้ขอจบลงตรงนี้ก่อนนะครับ แล้วตอนต่อไปค่อยมาว่ากันต่อ

…………………………..