ประเทศชาติต้องมีกฎหมาย องค์กรก็ต้องมีกฎเกณฑ์กฎระเบียบอันนี้เป็นเรื่องสำคัญลำดับแรกเพราะคนมาทำงานหรือมาใช้ชีวิตอยู่รวมกันถ้าไม่มีกฎเกณฑ์กติกา ใครอยากทำอะไรก็ทำตามใจตัวเองก็จะเกิดปัญหาตามมาเยอะแยะไปหมด
ขนาดบ้านเมืองมีขื่อมีแปมีกฎหมายก็ยังมีคนละเมิดกฎหมายให้เราเห็นกันได้ทุกวัน
เช่น จอดรถขวางหน้าบ้านคนอื่น, ขับรถย้อนศร, มอเตอร์ไซค์วิ่งบนทางเท้าแล้วบีบแตรไล่คนที่เดินบนทางเท้าให้หลีกทางให้,
หาบเร่แผงลอยยึดพื้นที่ทางเท้าขายของแล้วให้คนต้องลงมาเดินถนน ฯลฯ
ถ้าถามคนที่ทำผิดเหล่านี้ว่าเขารู้ไหมว่ามันผิด ?
ผมก็เชื่อว่าเขารู้ แต่เขาก็จะหาข้ออ้างเข้าข้างตัวเองที่ฝรั่งเรียกว่า “Cognitive Dissonance”เช่น
เมื่อจอดรถขวางหน้าบ้านคนอื่นก็จะบอกกับตัวเองว่า “จอดแป๊บเดียวคงไม่เป็นไรหรอก”
หรือ
เมื่อขับรถย้อนศรก็จะมีเหตุผลว่า “ถ้าจะให้วิ่งไปกลับรถก็อีกไกลย้อนศรไปนิดเดียวจะได้ไม่เปลืองน้ำมัน”
หรือหาบเร่แผงลอยไปยึดพื้นที่ทางเท้าขายของก็จะบอกกับสื่อว่า “เพราะฉันยากจน”
การคิดเข้าข้างตัวเองแบบ Cognitive Dissonance นี้จะเกิดขึ้นไปกับคนทุกระดับไม่ว่าคน ๆ นั้นจะเป็นคนงาน, พ่อค้าแม่ขาย, ลูกจ้างพนักงาน
ไม่ยันผู้บริหารระดับองค์กรหรือประเทศชาติ
สำหรับคนที่คิดเข้าข้างตัวเองแบบนี้ก็มีแนวโน้มจะใช้หลักกูเหนือกว่าหลักเกณฑ์ครับ
เช่น....
พนักงานที่ถูกจับได้ว่าทุจริตก็จะบอกว่าทำไปเพราะต้องหาเงินไปส่งลูกเรียน
ถ้าไม่ทำอย่างนี้ลูกอาจจะต้องออกจากโรงเรียน
หัวหน้างานที่เสนอให้บรรจุพนักงานทดลองงานเป็นพนักงานประจำ ทั้ง ๆ
ที่พนักงานทดลองงานมาสาย, ไม่เอาใจใส่ในงาน, งานผิดพลาดเยอะมาก ฯลฯ โดยให้เหตุผลว่าไม่อยากเสียเวลาไปสรรหาคัดเลือกพนักงานมาใหม่แล้วต้องมาเสียเวลาสอนงานกันอีกตั้งหลายเดือน
แถมตอนนี้งานก็เยอะเดี๋ยวไม่มีคนช่วยเคลียร์งาน
นี่ก็เป็นตัวอย่างของการใช้หลักกูเหนือหลักเกณฑ์
วันนี้องค์กรของเรามีพนักงานและผู้บริหารที่ยึดหลักเกณฑ์หรือหลักกูในการทำงานล่ะครับ
?
ถ้าคนส่วนใหญ่ยังยึดหลักเกณฑ์มากกว่าหลักกู
องค์กรก็ยังคงโอเคเดินหน้าไปได้ตามปกติเพราะทุกคนปฏิบัติตามกติกา
แต่ถ้าองค์กรไหนมีคนส่วนใหญ่ยึดหลักกูมากกว่าหลักเกณฑ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้บริหารที่มีพฤติกรรมยึดหลักกู
ก็ทำนายว่าองค์กรนั้นจะมีแต่พนักงานเก่าแก่ที่เขาคุ้นชินกับพฤติกรรมของฝ่ายบริหารแล้ว
แต่องค์กรนั้นจะไม่สามารถเก็บรักษาทั้งคนที่เข้ามาใหม่และคนที่มีความรู้ความสามารถและมีวินัยเอาไว้ได้
ถึงแม้จะมีคนดีมีฝีมือเข้ามาทำงานด้วยก็มักจะอยู่ได้ไม่นานก็ต้องลาออกไปในที่สุด
เพราะศีลไม่เสมอกันน่ะสิครับ
ในตอนนี้พักไว้เท่านี้ก่อนนะครับแล้วผมจะมาคุยปัญหาของหลักกูและ Me
too ต่อในตอนต่อไปครับ