EQ (Emotional Quotient) แปลง่าย ๆ คือการควบคุมอารมณ์
เรื่องนี้เป็นเรื่องแรก ๆ ที่เราจำเป็นจะต้องคุยกันในเรื่องของการเป็นหัวหน้างานหรือการเป็นผู้นำคน
เพราะเรามักจะพบเจอหัวหน้างานที่เก่งงาน มีความรอบรู้เข้าใจงาน มีฝีมือ
มีความสามารถสารพัด
แต่มีปัญหาในเรื่องของการควบคุมอารมณ์ซะงั้น
!!
หัวหน้างานที่มีปัญหาด้าน EQ ที่ไม่ดีก็จะทำให้ลูกน้องเอือมระอา
ไม่กล้าเข้าใกล้ เพราะไม่รู้ว่าวันนี้พี่เขาจะมาอารมณ์ไหน จะมีพายุฝนฟ้าคะนอง
ฟ้าร้องฟ้าผ่าลงมาที่เราหรือเปล่า
หรือตอนพี่เขาอารมณ์ดีก็ดีใจหาย
บทจะอารมณ์ร้ายของขึ้นก็เหมือนกับมารเข้าสิง
เลยดูเหมือนกึ่งเทพกึ่งมารดูไบโพล่าร์ยังไงก็ไม่รู้
ลูกน้องก็จะทำงานกับหัวหน้าด้วยความรู้สึกเหมือนดูหนังสยองขวัญสั่นประสาทอยู่ทุกวันนั่นแหละครับ
เพราะไม่รู้ว่าวันไหน เวลาไหนจะมีอะไรโผล่ออกมาทำให้เราตกใจประสาทเสียบ้าง
ต้องหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา
แล้วถ้าอย่างงั้นหัวหน้างานที่มี
EQ ที่ดีควรเป็นยังไงล่ะ ?
เป็นแบบนี้ดีไหมครับ
1.
เข้าใจอารมณ์ของตัวเองและคนอื่นอยู่เสมอ
ถ้ามีสติรับรู้เข้าใจอารมณ์ของตัวเองและคนอื่นอยู่ตลอดแล้ว ก็จะสามารถโต้ตอบหรือแสดงพฤติกรรมคำพูดคำจาออกมาได้อย่างเหมาะสมกับกาละเทศะครับ
2.
ควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดี
ถ้าเป็นอารมณ์ดีปกติทั่วไปก็คงไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าเมื่อไหร่มีอารมณ์ที่ไม่ปกติ
เช่น อารมณ์โกรธ, เซ็ง, ท้อถอยเบื่อหน่าย, เสียใจ ฯลฯ
ก็จะต้องควบคุมอารมณ์ที่ไม่ปกติเหล่านี้ได้
หัวหน้างานที่ดีควรจะต้องมี
“สติ” รับรู้และควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนวิธีการก็เป็นเทคนิคส่วนตัวของใครของมันที่ต้องหาวิธีควบคุมอารมณ์ตัวเอง
มีตัวอย่างให้เห็นในสื่ออยู่มากมายว่าคนที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้จะทำให้เกิดปัญหาอะไรตามมาบ้าง
โดยเฉพาะคนที่มีโทสะเป็นเจ้าเรือน
3.
มีความละเอียดอ่อน
และไวต่อความรู้สึกนึกคิดของคนอื่น คนที่สามารถจับความรู้สึกของอีกฝ่ายได้อย่างถูกต้องรวดเร็ว
มีความละเอียดอ่อนและสามารถจับรับรู้อารมณ์ของอีกฝ่ายได้ถูกต้องรวดเร็ว ก็มักจะสามารถพูดจาโน้มน้าว,
แสดงความเห็นใจ, ชมเชย หรือสนองตอบอารมณ์ของอีกฝ่ายได้อย่างเหมาะสม
ซึ่งทั้งหมดอยู่ที่ทักษะการรู้จักรับฟังเป็นหลักเลยนะครับ
4.
สามารถปรับตัวให้รับกับทุกปัญหาได้อย่างสร้างสรรค์
มีความมั่นคงไม่อ่อนไหว
จิตตกง่าย ๆ ซึ่งเรื่องเหล่านี้มีกลอนบทหนึ่งของหลวงวิจิตรวาทการว่า
“เป็นการง่าย
ยิ้มได้ ไม่ต้องฝืน
เหมือนชีพชื่น
เหมือนบรรเลง เพลงสวรรค์
แต่คนที่
ควรชม นิยมกัน
ต้องใจมั่น
ยิ้มได้ เมื่อภัยมา”
นี่แหละครับลักษณะของคน
EQ ดีที่พร้อมรับและสู้กับทุกปัญหา
5.
คนรอบข้างยอมรับว่าเราเป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี
เข้าคนคนอื่นได้ง่าย ในข้อนี้เราไม่สามารถจะพูดอวดตัวเองได้เลยนะครับ
ต้องให้คนอื่นรอบข้างเขาเป็นคนพูดมันถึงจะน่าเชื่อถือ
ผมเคยเจอผู้บริหารบางคนชอบพูดอวดตัวเองกับคนอื่นในงานเลี้ยง,
ในการประชุม หรือในการทำงานว่า “ผมเป็นคนมนุษยสัมพันธ์ดีมีแต่คนอยากเข้ามาคุยกับผม....ฯลฯ”
เมื่อได้ยินแล้วผมก็ได้แต่ยิ้ม
ๆ เพราะเรื่องอย่างนี้ต้องให้คนอื่นเขาพูดถึงเรามันถึงจะน่ายอมรับมากกว่ามาพูดยกยอตัวเอง
ลองสังเกตตัวเองดูง่าย ๆ ก็ได้ว่าวันนี้เรามีเพื่อนฝูง ลูกน้อง คนรอบข้าง กล้าเข้ามาหา เข้ามาพูดคุยมากน้อยแค่ไหน
เช่น
เวลากินข้าวกลางวัน เมื่อหัวหน้าเดินถือจานข้าวเดินไปนั่งโต๊ะที่ลูกน้องกำลังนั่งล้อมวงกินข้าวพูดคุยกันอย่างสนุกสนานร่าเริง
ลูกน้องมีพฤติกรรมยังไง
?
เขายังพูดคุยกันเฮฮาร่าเริงเหมือนเมื่อตะกี้
หรือทักทายแค่เป็นพิธีแล้วแต่ละคนก็รีบ ๆ กินแล้วรีบ ๆ สลายตัวไปเหลือแค่คนสองคนที่ยังนั่งอยู่
หรือสลายตัวกันหมดไม่เหลือใครนั่งด้วยเลย ?
นี่เป็นดัชนีชี้วัดมนุษยสัมพันธ์ระหว่างหัวหน้ากับลูกน้องแบบง่าย
ๆ ว่าเป็นยังไง
ถ้าใครเป็นหัวหน้าที่พอเข้าหาลูกน้องแล้วพบว่าลูกน้องมีปฏิกิริยาอย่างที่เล่ามาข้างต้นนี่ล่ะก็ผมว่าคงจะต้องหันกลับมาทบทวนเรื่อง
EQ ในเชิงมนุษยสัมพันธ์กับลูกน้องว่ามีปัญหาในจุดไหน และควรจะต้องเริ่มหาทางแก้ไขแล้วนะครับ
เพราะไม่ว่าใครก็อยากทำงานกับคนที่มี EQ ที่ดีกันทั้งนั้นแหละครับ
?