คำถามนี้เป็นเรื่องที่คิดใครคิดมัน เชื่อใครเชื่อมัน ต่างคนก็ต่างมุมมองที่หาข้อสรุปได้ยากนะครับ
คนที่เป็น
Generalist
ก็ชอบที่จะสนใจศึกษาเรียนรู้และหาประสบการณ์ในงานจากภาพกว้าง จะมีความรู้ความสามารถหลายเรื่องหลายด้าน
แต่ก็ไม่ได้ลงลึกในด้านใดด้านหนึ่ง
ข้อดีก็คือมีความยืดหยุ่นสูงพร้อมปรับตัวไปสู่งานที่หลากหลายรูปแบบ,
เป็นคนที่มองงานแบบภาพรวมได้ดี, มีมุมมองหลายมุมจากประสบการณ์ที่ทำงานมาหลายด้าน
คนที่เป็น
Generalist
จึงเหมาะกับการเป็นผู้บริหาร
แต่ก็ใช่ว่า
Generalist
จะไม่มีข้อเสีย
ซึ่งมักจะถูกคนมองว่า
Generalist
เป็นคนที่ดูเหมือนรอบรู้งานหลายด้านแต่ไม่ได้เป็นคนรู้ลึกรู้จริงสักด้าน,
เก่งแบบเป็ดแต่ไม่มีจุดแข็งสักอย่าง,
การตัดสินใจแก้ปัญหาต้องรอคนที่รู้ลึกรู้จริงมาช่วยก็เลยไม่ค่อยกล้าตัดสินใจด้วยตัวเอง
ส่วนคนที่เป็น
Specialist
เป็นคนที่ Focus ในเรื่องที่ตัวเองเชี่ยวชาญชำนาญจนกระทั่งมีความรู้และทักษะในงานแบบลงลึกในรายละเอียด
คนรอบข้างจะให้การยอมรับในความเป็นเอตทัคคะที่รู้ลึกรู้จริงในงานที่ทำอยู่
ข้อดีของ
Specialist
คือความรู้ลึกรู้จริงที่หาตัวจับยาก, เป็นคนที่ตลาดต้องการ,
เมื่อมีปัญหาในงานที่ตัวเองชำนาญก็สามารถมองเห็นตัวปัญหาและสาเหตุแล้วจะแก้ปัญหานั้น
ๆ ได้จบแบบปิดจ็อบ
ส่วนข้อเสียของ
Specialist
ก็คือถ้ายึดติด Comfort Zone และมั่นใจในตัวเองมากจนเกินไปก็จะไม่
Update กับองค์ความรู้ที่เปลี่ยนแปลงไป,
คิดว่าสิ่งที่ตัวเองรู้จะต้องถูกต้องและคงอยู่อย่างนั้นตลอดไปจึงไม่ค่อยจะยอมรับความเปลี่ยนแปลง,
การเปิดใจรับฟังคนอื่นไม่มากเท่าที่ควร
จากที่ผมฝอยมาข้างต้นก็เลยยากที่จะฟังธงว่าอะไรจะดีกว่ากัน
ผมว่าเรื่องนี้จะเป็นลางเนื้อลางยาคือชอบใครชอบมันแล้วแต่จริตของแต่ละคนแหละครับ
เพราะบางคนก็มีลักษณะนิสัยที่ชอบเป็น
Generalist
ในขณะที่บางคนก็ชอบที่จะรู้ลึกรู้จริงแบบ Specialist
ใครอยากเป็นคนลักษณะไหนก็เดินไปในทางที่เลือกได้ตามอัธยาศัยเลยครับ