หัวเรื่องนี้มาจากผู้บริหารของบริษัทแห่งหนึ่งถามผมนอกรอบใน Inhouse Training ที่บริษัทแห่งหนึ่ง
จะว่าไปแล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำความอึดอัดใจให้กับทั้งคนทำงาน HR
ฝ่ายบริหาร รวมไปจนถึงคนที่แต่งงานกันแล้วทำงานอยู่หน่วยงานเดียวกันพอสมควรเลยนะครับ
แรก
ๆ เข้ามาทำงานต่างคนต่างก็ยังโสดสนิท ต่างก็สอดส่ายสายตาหาคู่คิดที่มากกว่าเพื่อนสนิทเป็นเรื่องปกติวิสัยของมนุษย์
แต่เมื่อข้ามเส้น
Friend
Zone มาเป็นคู่วิวาห์แต่งงานกัน ในบางองค์กรก็จะมีกฎกติกาเอาไว้ว่าจะต้องแยกออกจากกัน
หมายถึงไม่ให้ทำงานหน่วยงานเดียวกัน !!
เหตุผลของฝ่ายบริหารที่กำหนดนโยบายแบบนี้ก็ฟังได้นะครับ คือ....
1.
วันนี้ยังรักกันอยู่ก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกแถมข้อดีคืองานราบรื่นช่วยกันทำงานทำให้ทั้งองค์กรและตัวพนักงานก้าวหน้าไปด้วยกัน
แต่ถ้าวันใดวันหนึ่งเกิดทะเลาะเบาะแว้งกันล่ะ บรรยากาศในหน่วยงานนั้นคงมาคุ
(คนรุ่นใหม่เข้าใจคำ ๆ นี้มั๊ยเนี่ยะ) หรือถ้าถึงขั้นไม่อยากมองหน้ากัน
อีกฝ่ายหนึ่งขาดงานไปก็จะทำให้งานในหน่วยงานมีปัญหามากหรือน้อยก็ว่ากันไป
2.
ยิ่งถ้าคนหนึ่งเป็นหัวหน้าและอีกคนเป็นลูกน้อง
จะบังคับบัญชากันยังไงล่ะครับ ถ้าหัวหน้า (สามีหรือภรรยา) สั่งงาน แต่ลูกน้อง (สามีหรือภรรยา)
เถียง ไม่ยอมทำตามที่หัวหน้าสั่งล่ะ นึกภาพจินตนาการต่อกันเอาเองนะครับว่าจะมีดราม่าอะไรต่อจากนั้น
3.
จากข้อ 2 ถ้าคนที่เป็นลูกน้องทำงานผิดพลาด
หัวหน้าจะกล้าตักเตือนไหม และลูกน้องคนอื่น ๆ จะมองว่าหัวหน้า
(ที่เป็นสามีหรือภรรยา) เข้าข้างลูกน้อง (ที่เป็นสามีหรือภรรยา) น่ะสิครับ
4.
ถ้าหน่วยงานนั้นเป็นหน่วยงานที่ต้องรับผิดชอบเกี่ยวกับเงิน
ๆ ทอง ๆ หรือทรัพย์สินล่ะ จะสุ่มเสี่ยงกับการร่วมกันทุจริตหรือไม่
อันที่จริงยังมีมีหลายเหตุผลนะครับแต่ยกมาเป็นน้ำจิ้มพอให้เห็นภาพว่านี่จึงเป็นเหตุให้ในบางองค์กรถึงต้องมีกฎกติกาแยกการทำงานของคนที่แต่งงานกันไม่ให้ทำงานในหน่วยงานเดียวกัน
ถ้าองค์กรไหนเป็นองค์กรใหญ่สามารถจะมีหน่วยงานและตำแหน่งงานรองรับการโยกย้ายไปได้ก็คงไม่มีปัญหาอะไรมากนัก
แต่ถ้าเป็นบริษัทขนาดกลางถึงเล็กล่ะจะทำยังไง
?
เพราะคงไม่มีหน่วยงานหรือตำแหน่งรองรับได้เหมือนกับองค์กรขนาดใหญ่นี่ครับ
นี่ยังไม่รวมถึงวันนี้การใช้ชีวิตคู่ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นระหว่างเพศชายและหญิงแล้วนะครับ
ปัจจุบันก็มีการเปิดกว้างไปถึงการใช้ชีวิตคู่ที่เป็นเพศเดียวกันหรือการสมรสเท่าเทียมแล้วอีกต่างหาก
อีกปัญหาอีกเรื่องหนึ่งคือถึงแม้จะเป็นองค์กรใหญ่ที่มีหน่วยงานและตำแหน่งรองรับการโยกย้ายก็ตามทีเถอะ
ก็จะเกิดคำถามว่า
แล้วถ้าเกิดพนักงานไม่ได้แต่งงานกันล่ะ คืออยู่ด้วยกันเฉย ๆ ไม่ได้จัดงานแต่งงาน
ไม่ได้จดทะเบียนสมรส จะย้ายฝ่ายหนึ่งให้ไปทำงานในอีกหน่วยงานหนึ่งได้หรือไม่
ถ้าบริษัทยืนยันจะย้ายจะเอาเหตุผลอะไรไปย้ายเขา
และบริษัทจะพิสูจน์เรื่องส่วนตัวของเขาเหล่านี้ได้ยังไง
นี่มันสิทธิส่วนบุคคลของเขานะ
ปัญหาเหล่านี้เมื่อมองทั้งสองมุมก็เข้าใจได้ทั้งเหตุผลของฝั่งองค์กรและฝั่งพนักงาน
คงต้องแก้ปัญหากันแบบ Case
by Case แก้ปัญหาตามข้อเท็จจริงของแต่ละกรณี ด้วยการสื่อสารเชิงบวกทั้งสองฝ่าย
จุดลงตัวที่ดีที่สุดของแต่ละ
Case อยู่ตรงไหนคงต้องคิดให้ดี และหวังว่าผู้บริหารในบริษัทเจ้าของคำถามจะหา Solution
ที่ดีได้นะครับ