ผมได้ไปอ่านกระทู้หนึ่งในเว็บไซด์ดังที่มีคนเข้าไปตั้งคำถามว่าทำไมบริษัทถึงต้องจ่ายค่าชดเชยให้พนักงานเมื่อจะเลิกจ้างด้วยล่ะ ในเมื่อบริษัทก็จ่ายเงินเดือนให้ทุกเดือนจ่ายโบนัสให้เมื่อบริษัทมีกำไรอยู่แล้วนี่นา
เมื่อบริษัทขาดทุนไปไม่รอดปิดกิจการจะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายค่าชดเชยให้ล่ะเพราะบริษัทเองก็ไม่ได้อยากจะขาดทุนซักหน่อย
แถมพนักงานเองก็จะรู้สึกว่าบริษัทจะขาดทุนก็เป็นเรื่องของบริษัท
แต่ต้องเอาเงินมาจ่ายค่าชดเชยให้ฉันเสียก่อนสิ
พนักงานเองก็ควรจะต้องรู้ว่าบริษัทขาดทุนอยู่จึงน่าจะเตรียมตัวหางานใหม่ได้แล้วไม่ต้องมารอให้บริษัทเลิกจ้าง
ผมมีความเห็น
(ส่วนตัว) อย่างนี้ครับ
1.
ถ้าไม่ใช่บริษัทมหาชนที่มีการทำบัญชีอย่างโปร่งใสเปิดเผย
ฝ่ายบริหารคงไม่เอางบการเงินของบริษัทมาแจงให้พนักงานทุกคนดูหรอกครับว่าสถานการณ์ด้านการเงินที่แท้จริงตอนนี้ของบริษัทเป็นยังไงบ้าง
เรื่องพวกนี้จึงมักรู้กันเฉพาะหุ้นส่วนหรือฝ่ายบริหารด้วยกันเท่านั้น
2.
การมีกฎหมายแรงงานมาตรา 118 บังคับเรื่องการจ่ายค่าชดเชยตามอายุงานก็เพื่อป้องกันนายจ้างที่จะหาเหตุเลิกจ้างไม่เป็นธรรมกับลูกจ้าง
เช่น ถ้า MD ไม่ชอบหน้าใครก็ไล่คน ๆ
นั้นออกได้ทันทีโดยไม่ต้องมีการจ่ายค่าชดเชยใด ๆ
(อันนี้เป็นการเลิกจ้างเฉพาะตัวบุคคลด้วยเหตุใด ๆ ก็ตามนะครับ)
หรือ MD คิด
(เอาเอง) ว่าแผนกนี้ไม่น่าจะมีอีกต่อไปแล้วอยากจะปิดแผนกนี้ ก็เลยประกาศปิดแผนกซะแล้วเลิกจ้างคนในแผนกทั้งหมด
5 คนออก โดยบริษัทไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยใด ๆ
ถามว่าถ้ากฎหมายแรงงานไม่มีการกำหนดค่าชดเชยเอาไว้
คนที่เป็นลูกจ้างต้องตกงานกระทันหันแบบนี้จะเสียเปรียบไหมครับ ?
3. คราวนี้ลองมาคิดในแง่ของคนที่เป็นพนักงานบ้างว่าปกติทุกวันก็มาทำงานให้บริษัท ทำงานด้วยความรับผิดชอบตามหน้าที่ของตัวเอง ก็ได้รับเงินเดือนทุกเดือน (รวมถึงเงินอื่น ๆ เช่นโบนัส) เพื่อนำมาจับจ่ายใช้สอยสำหรับตัวเองและครอบครัว มีภาระค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนเช่นค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเล่าเรียนลูก ฯลฯ
แล้วอยู่ดี ๆ
ก็มีประกาศของบริษัทว่าจะเลิกจ้างแบบกระทันหันทันที
เขาจะเอาเงินที่ไหนมาใช้จ่ายได้ทันล่ะครับ ครอบครัวของเขาจะเดือดร้อนแค่ไหน
ถ้าคิดแบบใจเขา-ใจเราเชื่อว่าจะเข้าใจเรื่องเหล่านี้ได้ดีขึ้น
4.
ขนาดมีการกำหนดไว้ในกฎหมายแรงงานให้นายจ้างจ่ายค่าชดเชยตามอายุงานก็ยังเจอบ่อยครั้งว่า
นายจ้างหลายแห่งเบี้ยวไม่ยอมจ่ายค่าชดเชยให้กับลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้างโดยอ้างว่าไม่มีเงินจะจ่าย
หรือบางบริษัทก็จ่ายค่าชดเชยให้ไม่ครบ (อยากได้ลูกจ้างก็ต้องไปฟ้องศาลเอาเอง) อีกต่างหาก
ยิ่งถ้าไม่มีการบังคับให้จ่ายค่าชดเชยแล้ว
ผมเชื่อว่าลูกจ้างยิ่งจะถูกเอาเปรียบโดยถูกเลิกจ้างอย่างไม่เป็นธรรมมากขึ้นนะครับ
5.
ผมมักจะเปรียบเทียบว่าการที่บริษัทรับคนเข้าทำงานก็เหมือนกับการตัดสินใจแต่งงานแหละครับ
สิ่งที่เหมือนกันระหว่างการตัดสินใจแต่งงานกับการตัดสินใจทำงานด้วยกันก็คือทั้งสองฝ่าย
(นายจ้างและลูกจ้าง) หวังที่จะใช้ชีวิตร่วมกันในระยะยาว
คงไม่มีใครอยากจะแต่งงานวันนี้แล้วอีกสักปีค่อยเลิกกันแล้วหาคนใหม่
บริษัทก็เช่นเดียวกันจริงไหมครับ ?
แต่เมื่อใช้ชีวิตร่วมกันมาถึงระยะหนึ่งแล้วเกิดความจำเป็นหรือเกิดเหตุใด
ๆ ที่ไม่สามารถจะไปต่อกันได้จริง ๆ แล้วถึงจุดที่จะต้องเลิกรากัน บริษัท
(ที่มีสถานะเหนือกว่าเพราะเป็นนายจ้าง) ก็ควรจะต้องดูแลรับผิดชอบพนักงาน
(ซึ่งเป็นลูกจ้าง) เยียวยาในเรื่องค่าชดเชยไประยะหนึ่งไหมล่ะครับ
เพราะการไปแจ้งเลิกจ้างแบบกระทันหันเป็นการตัดสินใจของบริษัทนะครับ
ไม่ใช่การตัดสินใจของพนักงาน
ทั้งหมดนี่แหละครับเป็นความเห็น
(ส่วนตัว) ของผมว่าเมื่อบริษัทเลิกจ้าง (กรณีที่พนักงานไม่ได้กระทำความผิดร้ายแรง)
ทำไมถึงควรจะต้องจ่ายค่าชดเชยให้พนักงาน
ปล.การเลิกจ้างโดยจ่ายค่าชดเชยที่ผมพูดมาทั้งหมดนี้ไม่รวมถึงการเลิกจ้างเนื่องจากพนักงานทำความผิดร้ายแรงตามม.119 ของกฎหมายแรงงานที่มีอยู่
6 ข้อนะครับ.
..................................