วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

จะเลิกจ้างเพราะผลงานไม่ดี..มีหลักฐานหรือเปล่า?

             ผมมักจะเจอคำถามจากฝ่ายบริหารหรือจาก HR ว่า..

ถ้าบริษัทจะเลิกจ้างพนักงานที่มีผลงานไม่ดี ขาดความรับผิดชอบ งานผิดพลาดบ่อย ฯลฯ แล้วบริษัทจ่ายค่าชดเชยค่าบอกกล่าวล่วงหน้าให้ตามกฎหมายแล้วสามารถจะทำได้ใช่หรือไม่?

            บางท่านอาจจะบอกว่าทำได้ ไม่มีปัญหาเพราะบริษัทก็จ่ายค่าชดเชยและค่าบอกกล่าวฯให้แล้วนี่ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร พนักงานก็คงไปฟ้องร้องอะไรอีกไม่ได้

            ถ้าตอบมาอย่างนี้ก็คงจะพลาดแล้วล่ะครับ!

          เพราะพนักงานยังสามารถไปฟ้องศาลแรงงานว่าถูกเลิกจ้างไม่เป็นธรรมได้อีกน่ะสิครับ!

            ความหมายก็คือพนักงานถูกบริษัทกลั่นแกล้ง รังแก หาเหตุเลิกจ้างอย่างไม่เป็นธรรมประมาณนิทานเรื่องหมาป่ากับลูกแกะนั่นแหละ

          พนักงานสามารถไปฟ้องขอให้บริษัทรับกลับเข้าทำงาน หรือให้บริษัทจ่าย “ค่าเสียหาย” ให้กับพนักงาน ซึ่งก็แล้วแต่ว่าจะต้องการแบบไหนแล้วก็อยู่ที่ศาลว่าจะวินิจฉัยว่ายังไง

            แน่นอนว่าเมื่อเป็นคดีไปสู่ศาลแรงงาน ศาลท่านเป็นคนกลางท่านก็ต้องขอดูเอกสารหลักฐานจากทางบริษัทว่าที่ไปเลิกจ้างพนักงานน่ะ บริษัทมีหลักฐานอะไรยืนยันได้บ้างว่าพนักงานคนนี้มีปัญหาอะไร หนักหนาสาหัสแค่ไหนถึงกับต้องไปเลิกจ้างเขา บริษัทกลั่นแกล้งรังแกหาเหตุเลิกจ้างเขาโดยไม่มีเหตุอันสมควรเหมือนที่พนักงานฟ้องหรือไม่ ฯลฯ

            บริษัทก็ต้องนำหลักฐานต่าง ๆ เช่น ใบประเมินผลการปฏิบัติงานหรือเอกสารอื่น ๆ ที่แสดงว่าพนักงานรายนี้มีปัญหาอะไรบ้างไปให้ศาลพิจารณา

          ตรงนี้แหละครับที่ผมเจอปัญหามาในหลายบริษัท เช่น..

1.      พนักงานที่ถูกเลิกจ้างมีผลการปฏิบัติงานเกรด C มาโดยตลอดทั้ง ๆ ที่ทำงานไม่ดีมีปัญหาสารพัด แต่หัวหน้าของพนักงานคนนี้ก็ยังประเมินให้เกรด C ซึ่งเป็นผลการปฏิบัติงานที่ทำงานได้ตามมาตรฐานปกติ

2.      ไม่มีเอกสารหลักฐานอื่นใดยืนยันเพิ่มเติมเลยว่าพนักงานที่ถูกเลิกจ้างมีปัญหาการทำงานมากแค่ไหน

ถามว่าถ้าหากท่านเป็นผู้พิพากษาที่เป็นคนกลางพอได้รับคำฟ้องว่าถูกเลิกจ้างไม่เป็นธรรมแล้วพอขอเอกสารจากนายจ้างมาดูพบว่าไม่มีอะไรที่บ่งบอกเลยว่าลูกจ้างมีปัญหาตรงไหนบ้าง

ท่านคิดว่านายจ้างจะมีโอกาสชนะคดีไหม?

จากปัญหาตรงนี้ผมก็เลยอยากจะให้แนวทางปฏิบัติเอาไว้ในกรณีที่พนักงานในบริษัทของท่านมีปัญหาในการทำงานจริง ๆ (ที่ไม่ใช่การกลั่นแกล้งกันนะครับ) จนกระทั่งจำเป็นจะต้องเลิกจ้างนั้น บริษัทควรจะต้องปฏิบัติดังนี้

1.      หัวหน้าควรจะต้องกล้าที่จะประเมินผลการปฏิบัติงานลูกน้องที่มีปัญหาไปตามความเป็นจริง เช่น ถ้าผลงานของลูกน้องย่ำแย่รับไม่ได้จริง ๆ ก็ควรจะต้องประเมินให้ได้เกรด E (กรณีมี 5 เกรดคือ A B C D E) คือผลงานต่ำสุด หัวหน้าไม่ควรประเมินแบบอลุ่มอล่วยเอาใจลูกน้องโดยให้เกรด C เพราะจะมีปัญหาต่อไปในอนาคต

2.      ควรมีแผนพัฒนาลูกน้องที่มีปัญหา (Improvement needed Plan) เมื่อประเมินผลงานลูกน้องออกมาต่ำสุดแล้ว หัวหน้าจะต้องทำแผนพัฒนาลูกน้องที่มีปัญหาในการทำงานนี้ไว้ (Improvement needed Plan) ตามตัวอย่าง แล้วเรียกลูกน้องมาพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาของลูกน้องว่ามีผลกระทบยังไงบ้างกับหน่วยงานกับบริษัท และตกลงเป้าหมายในการแก้ปัญหาร่วมกันว่าต้องการเห็นการปรับปรุงให้ดีขึ้นเมื่อไหร่ยังไง ทำได้ตามที่ตกลงกันหรือไม่ แล้วให้ลูกน้องเซ็นรับทราบการแจ้งผลไว้เสมอ



3.      อาจมีการทำหนังสือตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษรได้ ถ้าหากหัวหน้าเคยพูดด้วยวาจาไปแล้ว แต่พนักงานก็ยังเพิกเฉยไม่ได้ปรับปรุงตัวในการทำงานให้ดีขึ้น ซึ่งการตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษรก็จะทำให้บริษัทมีหลักฐานยืนยันเพิ่มขึ้นว่าพนักงานรายนี้มีปัญหาจริง ๆ ซึ่งการตักเตือนนี้ก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอนการตักเตือนที่ถูกต้องนะครับ รายละเอียดขั้นตอนการตักเตือนให้ไปดูในหนังสือ “หัวหน้างานกับการบริหารลูกน้อง (HR for NON HR)” ที่ผมเปิดให้ดาวน์โหลดฟรีในบล็อกของผมคือ https://tamrongsakk.blogspot.com

หวังว่าเมื่ออ่านมาถึงตรงนี้แล้วทั้งฝ่ายบริหารและ HR คงทราบแล้วนะครับว่าก่อนการเลิกจ้างพนักงานที่มีผลงานไม่ดีควรมีขั้นตอนและความเป็นมายังไง ไม่ใช่อยู่ดี ๆ ก็เลิกจ้างกันปุ๊บปั๊บโดยอ้างเหตุว่าพนักงานทำงานไม่ดีแล้วคิดว่าจ่ายค่าชดเชยไปก็จบเรื่อง ซึ่งบางครั้งอาจจะกลายเป็นดราม่าเรื่องยาวต่อไปอีกในอนาคต

ทั้งนี้สิ่งสำคัญคือ “คุณธรรม” และจริยธรรมของคนที่เป็นหัวหน้าหรือผู้บริหารก็เป็นเรื่องสำคัญ ไม่ใช่การกลั่นแกล้งรังแกพนักงานแล้วหาเหตุเลิกจ้างแบบหมาป่ากับลูกแกะนะครับ

ถ้าการเลิกจ้างพนักงานเกิดจากปัญหาที่ตัวพนักงานจริงโดยไม่ใช่การถูกกลั่นแกล้งจากฝ่ายบริหารก็เป็นเรื่องที่ต้องว่ากันไปตามข้อเท็จจริง

แต่ถ้าเป็นการกลั่นแกล้งรังแกสร้างเรื่องเท็จขึ้นมา ผลแห่งการกระทำนั้น ๆ ก็จะตกอยู่กับผู้กระทำตลอดไปตามกฎปฏิจสมุปบาทแหละครับ

ใครไม่เชื่อกฎนี้ก็แล้วไป

แต่ผมเชื่อ.....ทำยังไงเอาไว้ก็จะได้รับผลอย่างนั้น

 

………………………….