วันพุธที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

AEC ที่กำลังจะมา..ท่านเตรียมวางแผนพัฒนาคนแล้วหรือยัง ? (ตอนที่ 2)


            กลับมาพบกันอีกแล้วนะครับตามคำเรียกร้อง (ของผมเองแหละ) ในตอนที่ 2 ในเรื่องของการเตรียมคนให้พร้อมสำหรับการเข้าสู่ยุค AEC ในปี 2558

            ในตอนที่แล้วผมได้พูดถึงเรื่องแนวคิดในการเตรียมบุคลากรให้พร้อมรับการแข่งขันว่าควรจะเริ่มต้นจากตรงไหนบ้าง ผมก็เลยยกเอาหน้าที่หลักของงาน HR หรือเรามักจะเรียกกันว่า HR Function ซึ่งจะมี 5 หน้าที่หลัก ๆ คือ ด้านการสรรหาคัดเลือกบุคลากร, ด้านการบริหารค่าตอบแทนและสวัสดิการ, ด้านการพัฒนาบุคลากร และได้พูดค้างไว้ในหน้าที่ที่ 3 นี้ตรงการที่องค์กรควรให้ความสำคัญกับกระบวนการในการพัฒนาบุคลากร อาทิเช่น การสร้างระบบ Competency, การทำแผนพัฒนาบุคลากรระยะยาวหรือ Development Roadmap ตาม Competency, การติดตามผลการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรมและจริงจัง แล้วก็จบไว้แค่นั้น (คงต้องกลับไปอ่านในประชาชาติธุรกิจฉบับที่แล้ว หรือจะเข้าไปอ่านใน Blog ของผมก็ได้นะครับ)

            รื้อฟื้นความจำกันแล้วในตอนนี้เรามาพูดกันต่อในเรื่องของการพัฒนาบุคลากรเลยนะครับ....

            ตอนนี้ผมก็เห็นว่าในหลายองค์กรกำลังมีการเตรียมการพัฒนาความพร้อมของคนในองค์กรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถกันไม่น้อยเลย เรียกว่ามีการตื่นตัวในการพัฒนาคนได้ดีกว่าที่ผ่าน ๆ มาครับ

            แต่อย่าลืมว่าการพัฒนาบุคลากรนั้น ๆ จะไม่ประสบผลสำเร็จอย่างที่คาดหวังไว้เลย ตราบใดที่องค์กรยังขาดกระบวนการติดตามผลการพัฒนาโดยการกำหนดตัวชี้วัดและเป้าหมายในการพัฒนาบุคลากรอย่างชัดเจนและเป็นรูปธรรม ซึ่ง Key Success Factor (KSF) อยู่ที่ “หัวหน้างาน” หรือ Line Manager ทุกระดับจะต้องให้ความร่วมมือในการติดตามพัฒนาการของลูกน้องของตนเอง และนำผลกลับมาหารือกับฝ่าย HR อย่างจริง ๆ จัง ๆ ซึ่งจำเป็นที่ผู้บริหารระดับสูงคือ MD หรือ CEO จะต้องกำหนดเป็นนโยบายให้มีการปฏิบัติอย่างจริงจัง คือเรื่องอย่างนี้ถ้าหัวไม่ส่าย หางก็คงไม่กระดิกครับ เพราะถ้าจะฝากการติดตามให้อยู่กับ HR เพียงผู้เดียวนั้นจะทำให้การพัฒนาคนไม่ประสบความสำเร็จหรอกครับ เพราะ HR ไม่ได้ทำงานอยู่กับพนักงานทุกคนทุกหน่วยงานนี่ครับ

4. ด้านการบริหารผลการปฏิบัติงาน (Performance Management System-PMS) ในเรื่องนี้ถ้าจะพูดอย่างภาษาชาวบ้านก็คือ องค์กรของท่านควรจะมีระบบประเมินผลการปฏิบัติงานโดยมีตัวชี้วัดและเป้าหมายในการปฏิบัติงานอย่างชัดเจนตั้งแต่ระดับองค์กร, ระดับหน่วยงาน และลงมาจนถึงตัวชี้วัดและเป้าหมายระดับรายบุคคล ซึ่งท่านอาจจะต้องไปศึกษาเรื่องการระบบการประเมินผลการปฏิบัติงานแบบ Balanced Scorecard (BSC) หรือ Management By Objectives (MBO) ดูแล้วนำมาประยุกต์ใช้กับองค์กรของท่านให้เหมาะสม ซึ่งเมื่อมีการประเมินผลการปฏิบัติงานแล้วก็จำเป็นจะต้องมีระบบหรือกระบวนการในการบริหารผลการปฏิบัติงานของพนักงานแต่ละคนอย่างเหมาะสมด้วย ซึ่งระบบเหล่านี้จะเป็นเครื่องมือในการวัดผลการปฏิบัติงานของพนักงาน และพยากรณ์ขีดความสามารถในการแข่งขันของทั้งบุคลากรและองค์กรของท่านกับคู่แข่งได้นะครับ ดีกว่าใช้ระบบประเมินผลการปฏิบัติงานแบบกำหนดหัวข้อการประเมินผลขึ้นมาสัก 10-20 หัวข้อ เช่น ประเมินปริมาณงาน, คุณภาพงาน, ความขยัน, ความอดทน, ความรู้ในงาน, ความคิดสร้างสรรค์, การวางแผน ฯลฯ อะไรทำนองนี้ แล้วก็ให้หัวหน้าประเมินลูกน้องไปโดยให้เกรดเป็น ABCDE หรือ 12345 โดยไม่มีตัวชี้วัดและเป้าหมายของงานอย่างชัดเจน หากประเมินผลงานโดยใช้ความรู้สึกเป็นหลักโดยขาดตัวชี้วัดหรือเป้าหมายของงานที่ชัดเจนอย่างนี้แล้ว องค์กรจะรู้ถึงผลงานหรือเนื้องานจริง ๆ ของพนักงานว่าใครมีผลงานดีหรือไม่ได้ยังไงล่ะครับ

5. ด้านแรงงานสัมพันธ์ ในเรื่องนี้ผู้บริหารจะต้องหันกลับมาเอาใจใส่ในเรื่องของกฎหมายแรงงาน หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการทำงานทั้งหลาย เช่นพรบ.แรงงานสัมพันธ์, พรบ.ประกันสังคม เป็นต้น เพื่อที่จะได้มีการปฏิบัติอย่างถูกต้อง และลดปัญหาการบริหารจัดการหรือการปฏิบัติที่ขัดต่อกฎหมายต่าง ๆ เหล่านั้น ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาเชิงแรงงานสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างขึ้นในองค์กร

ซึ่งผมก็เชื่อว่าคงไม่มีใครอยากให้เกิดปัญหาแรงงานสัมพันธ์ในองค์กรจริงไหมครับ เพราะแทนที่จะเอาเวลาไปคิดสร้างสรรค์ทำผลงานอะไรให้สามารถแข่งขันกับคนคู่แข่งได้ กลับจะต้องมาเสียเวลาทะเลาะกันขึ้นโรงขึ้นศาลกัน (คลับคล้ายคลับคลาเหมือนกับเรื่องอะไรหนอ..คิดไม่ออก) ทำให้องค์กรของเราแทนที่จะก้าวหน้ากลับจะต้องมาหยุดชะงักเพราะเรื่องเหล่านี้ แล้วจะไปแข่งขันกับใครเขาได้ จริงไหมครับ

จากที่ผมได้เล่ามาทั้งหมดนี้น่าจะทำให้ท่านได้เห็นภาพของการแข่งขันที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต และแนวคิดในการตระเตรียมคนของท่านให้พร้อมสำหรับการเข้าสู่การแข่งขันในภูมิภาคในปี 2558 ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่นานนี้แล้วว่า เราควรจะมีเรื่องใดบ้างที่จะต้องทบทวน หรือจะต้องสร้างระบบใดบ้างเพื่อการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันขององค์กรของท่านต่อไปครับ

ดังนั้น องค์กรใดยังทำงานแบบเดิม ๆ ไปเรื่อย ๆ ไม่สนใจข้อมูลข่าวสารรอบตัวว่า AEC จะมีผลกระทบอะไรกับเราบ้างนั้น ผมว่าก็จะเปรียบเหมือนกบที่อยู่ในหม้อน้ำที่เพิ่งนำขึ้นไปตั้งบนเตาไฟแล้วก็ไม่ได้คิดอะไร จะรู้ตัวอีกทีก็น้ำเดือดแล้วก็สุกอยู่ในน้ำนั้นแหละครับ ที่ผมพูดมานี้ไม่ได้ต้องการให้ท่านตื่นกลัวหรือตระหนกตกใจนะครับ แต่อยากจะให้คิดหาโอกาสหรือวางแผนในการรับมือต่างหาก

ตรงกันข้ามถ้าเราเริ่มรู้อย่างนี้แล้ว ท่านอาจจะต้องไปคิดต่อยอดจากที่ผมเล่ามานี้เพิ่มเติมอีกก็ได้นะครับว่าแล้วเราจะมีเรื่องอะไรอีกบ้างที่จะต้องเตรียมความพร้อมขององค์กรเราในเรื่องบุคลากรเพื่อให้เรามีความพร้อมรับ AEC ได้อย่างมั่นใจ อย่าลืมว่าหลายหัวดีกว่าหัวเดียวผมเชื่อว่าทุกองค์กรจะต้องมีคนเก่งมีคนที่มีไอเดียดี ๆ อยู่ไม่น้อย

หรือลองเปิดเป็น “วาระแห่งองค์กรเพื่อรับมือ AEC” กันดีไหมครับ ?



..........................................