ผมเคยดูหนังทีวีเป็นซีรีย์แนวลึกลับเรื่อง Twilight Zone มานานมากแล้วน่าจะเกิน 30 ปีขึ้นไป แต่ก็ยังจำเนื้อเรื่องนี้ได้เพราะเนื้อหาของหนังเรื่องนี้มันโดนใจและทำให้ผมได้ข้อคิดสะกิดใจจนจำได้ถึงเดี๋ยวนี้เลยล่ะครับ
ค่ำวันหนึ่งมีชายแปลกหน้ามากดกริ่งหน้าห้องพักของชายหนุ่มเจ้าของห้องที่กำลังนั่งคิดนั่งเครียดเพราะตกงานมาหลายเดือนแล้วยังหางานทำไม่ได้
เงินทองก็ร่อยหรอไปมากกำลังกลุ้มใจว่าจะทำยังไงกับชีวิตของตัวเองดี
เมื่อชายหนุ่มเจ้าของห้องเปิดประตูก็พบกับชายแปลกหน้าคนดังกล่าวพร้อมกับกล่องสีดำสนิทปิดทึบหมดทุกด้านขนาดกล่องใส่นาฬิกาใบหนึ่งถืออยู่ในมือ
ที่ด้านบนของกล่องมีปุ่มสีแดงปุ่มหนึ่งเด่นชัด
เมื่อชายหนุ่มเจ้าของห้องอนุญาตให้ชายแปลกหน้าร่างสูงใหญ่ที่มีบุคลิกขรึมนิ่งแววตาเป็นประกายกล้าแข็งก้าวเข้ามาในห้อง
ชายแปลกหน้าก็พูดทักทายปฏิสันถารกับชายหนุ่มราวกับจะล่วงรู้ปัญหาของชายหนุ่มเป็นอย่างดี
แล้วก็ถามว่าอยากจะได้เงินก้อนโตไหม
เงินนี้จะได้มาง่าย
ๆ และไม่ได้ให้เขาไปทำผิดกฎหมายบ้านเมืองใด ๆ ทั้งสิ้น
ซึ่งแน่นอนว่าใครล่ะครับจะตอบว่าไม่อยากได้ในยามที่กำลังเดือดร้อนเรื่องเงิน
ชายแปลกหน้าจึงบอกกับชายหนุ่มว่า
“สิ่งที่คุณจะต้องทำไม่ยากเย็นอะไรเลย เพียงแค่คุณกดปุ่มสีแดงบนกล่องใบนี้เท่านั้น
และเมื่อคุณกดปุ่มสีแดงบนกล่องใบนี้จะมีสัญญาณออกจากกล่องไบนี้ไปยังระบบเชื่อมต่อของเรา
แล้วคุณก็จะได้รับเงินโอนเข้าบัญชี 100,000 ดอลลาร์ทันที”
ชายหนุ่มแทบจะคว้ากล่องใบนี้มากดปุ่มเลยนะครับ
แต่ชายแปลกหน้ายกมือห้ามไว้แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่งเรียบและเยือกเย็นว่า
“คุณฟังเงื่อนไขให้จบเสียก่อน
ทันทีที่คุณกดปุ่มจะมีคนเสียชีวิตทันที 1 คน
แต่คุณไม่ต้องกังวลใจไปเพราะคนที่เสียชีวิตจากการกดปุ่มจะไม่ใช่ตัวคุณหรือไม่ใช่ญาติพี่น้องของคุณอย่างแน่นอน
และเมื่อคุณกดปุ่มลงไปแล้วจะมีสัญญาณจากกล่องใบนี้ไปยังระบบของเรา
แล้วเราจะโอนเงินเข้าบัญชีของคุณทันที
คุณมีเวลาคิดและตัดสินใจตั้งแต่เวลานี้จนถึงหกโมงเช้า
และเมื่อถึงหกโมงเช้าวันพรุ่งนี้ผมจะมารับกล่องใบนี้คืน”
แล้วชายแปลกหน้าก็วางกล่องเอาไว้และขอตัวกลับไป
ชายหนุ่มพยายามหาเครื่องไม้เครื่องมือในบ้านเช่นไขควงมางัดแงะเจ้ากล่องใบนี้เพื่ออยากจะรู้ว่ามันมีอะไรอยู่ในกล่องบ้างโดยพยายามไม่ให้ไปถูกปุ่มสีแดงบนกล่อง
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงที่เขาพยายามงัดแงะเพื่อสำรวจกล่องใบนี้ให้ได้
แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามสักเท่าไหร่เขาก็ไม่สามารถจะเปิดกล่องใบนี้ออกมาได้
ในที่สุดเขาก็ตั้งกล่องใบนี้เอาไว้บนโต๊ะแล้วก็เริ่มคิดว่าเราควรจะกดปุ่มดีหรือไม่
ใจหนึ่งก็คือว่ากดไปเถอะก็เงินตั้งหนึ่งแสนเหรียญแน่ะไม่ใช่น้อยเลยนะ แต่อีกมโนธรรมฝ่ายดีก็แย้งว่าแต่ถ้าเรากดปุ่มลงไปเราได้เงินมาก็จริง
แต่จะต้องมีคนตายเพราะเรานะ
แล้วคนที่ตายเพราะเราเขาก็มีญาติพี่น้องมีคนที่เขารัก
แล้วญาติพี่น้องของคนที่ตายเพราะเราเขาจะรู้สึกยังไงที่เราเป็นคนฆ่า
เราเป็นฆาตกรนะ
แต่ความคิดอีกฝั่งหนึ่งก็โต้กลับมาว่าก็ไม่เห็นเป็นไรนี่
ก็คนที่ตายไม่ใช่ญาติพี่น้องเราสักหน่อย เป็นใครก็ไม่รู้ที่เราก็ไม่รู้จัก
ญาติพี่น้องของคนที่ตายเพราะเราเขาก็ไม่รู้จักเราอยู่แล้ว
ทุก ๆ นาทีโลกนี้ก็ต้องมีคนตายอยู่แล้วนี่นา
จะมีคนตายเพิ่มอีกสักคนก็ไม่เห็นเป็นไร เขาไม่ได้ตายเพราะเราหรอกน่า กดปุ่มไปเถอะ
เรียกว่าชายหนุ่มคนนี้มีทั้งความคิดฝั่งชั่วร้ายและความคิดฝ่ายดีต่อตีต่อสู้กันอยู่ในหัวตลอดทั้งคืนจนรุ่งสางว่าจะกดปุ่มดีหรือไม่
เดี๋ยวก็เอื้อมมือไปจะกดปุ่มแต่ก็ชะงักแล้วดึงมือกลับ
จนกระทั่งอีกไม่กี่วินาทีจะหกโมงเช้าตามเงื่อนไข
5-4-3-2
ในที่สุดชายหนุ่มก็ตัดสินใจกดปุ่มสีแดง!!
พร้อม ๆ กันนั้นเองเสียงกริ่งประตูห้องก็ดังขึ้นจนชายหนุ่มสะดุ้งโหยง
เมื่อชายหนุ่มไปเปิดประตูก็เจอชายแปลกหน้าคนเดิมเดินเข้ามาหยิบกล่องสีดำแล้วพูดว่า
“เงินหนึ่งแสนดอลล่าร์ถูกโอนเข้าบัญชีของคุณเรียบร้อยแล้วขอให้คุณมีความสุขกับเงินจำนวนนี้อย่างเต็มที่
ผมจะนำกล่องใบนี้ไปตั้งรหัสใหม่ และค่ำคืนนี้ผมจะนำไปให้คนที่มีปัญหาอย่างคุณตัดสินใจแบบเดียวกัน
แต่คุณวางใจได้ว่าเราจะไม่นำกล่องนี้ไปให้ญาติพี่น้องของคุณ”
และประโยคสุดท้ายสิ
ชายลึกลับบอกด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบจนชายหนุ่มรู้สึกเย็นวาบว่า....
“และแน่นอนว่าเงื่อนไขก็จะเหมือนกับของคุณ
นั่นคือคนที่จะเสียชีวิตไม่ใช่ญาติพี่น้องของคนกดปุ่มอย่างแน่นอน”
ชายหนุ่มเจ้าของห้องยืนงงตกตะลึง
แล้วชายแปลกหน้าลึกลับก็เดินออกจากห้องไป....
ดูหนังดูละครแล้วย้อนดูตัว
ลองถามใจตัวเองดูสิครับว่า....
ถ้าเป็นเรา
ๆ จะกดปุ่มไหม?
#กฎแห่งกรรม
#อิทัปปัจจยตา