วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2567

จบต่างประเทศภาษาอังกฤษดีกว่าในประเทศจึงกำหนดเงินเดือนเริ่มต้นให้สูงกว่า..จริงหรือ?

              ผมยังเห็นนโยบายในการกำหนดเงินเดือนแรกรับเข้าทำงานในบางบริษัทที่ไปกำหนดอัตราเงินเดือนเริ่มต้น (ไม่ว่าจะเป็นปริญญาตรีหรือโทก็ตาม) สำหรับคนที่จบในประเทศ ต่ำกว่าคนที่จบจากต่างประเทศโดยให้เหตุผลว่า….

“คนจบจากต่างประเทศภาษาอังกฤษดีกว่าคนจบในประเทศ” !!??

            ก็เลยมีคำถามอยู่ 2 ข้อครับ

1.      แน่ใจหรือครับว่าทุกคนที่จบจากต่างประเทศจะใช้ภาษาอังกฤษ (พูด อ่าน เขียน) ได้ดีกว่าคนที่จบในประเทศ ?

2.      ตำแหน่งที่รับพนักงานเข้ามาแล้วให้เงินเดือนคนที่จบต่างประเทศสูงกว่าจบในประเทศน่ะ เป็นตำแหน่งที่โดยลักษณะของงานแล้วจำเป็นจะต้องใช้ภาษาอังกฤษในการพูด อ่าน เขียน ติดต่อกับต่างชาติเป็นประจำทุกวันหรือไม่ครับ ?

หลายครั้งที่ผมจะพบว่า บริษัทจ้างคนที่จบจากต่างประเทศมาทำงานในตำแหน่งงานและลักษณะงานเดียวกับคนที่จบในประเทศ

ยกตัวอย่างเช่น พนักงานสินเชื่อของธนาคารแห่งหนึ่งจ้างพนักงานสินเชื่อเข้ามาพร้อม ๆ กันทั้งสองคนจบปริญญาโทมาทั้งคู่ แต่คนหนึ่งจบปริญญาโทจากในประเทศ ส่วนอีกคนหนึ่งจบปริญญาโทมาจากต่างประเทศ

            ทั้งสองคนนี้ทำงานเป็นพนักงานสินเชื่ออยู่ในแผนกเดียวกัน ฝ่ายเดียวกัน Job Description เหมือนกัน และที่สำคัญก็คือในงานสินเชื่อของฝ่ายที่ทั้งสองคนนี้ทำอยู่ก็เป็นสินเชื่อในประเทศไทย ลักษณะงานก็ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษในการทำงาน  ไม่ได้ต้องไปติดต่อต่างชาติต่างภาษาที่ไหนเลย ใช้ภาษาไทยในการทำงานในเอกสารอยู่ทุกวี่ทุกวัน   

          แต่ธนาคารกำหนดอัตราเงินเดือนไม่เท่ากัน โดยให้ปริญญาโทต่างประเทศสูงกว่าคนที่จบปริญญาโทในประเทศ !!??

            เมื่อถามถึงเหตุผลว่าเหตุใดถึงกำหนดอัตราเงินเดือนคนที่จบปริญญาโทต่างประเทศสูงกว่าคนที่จบปริญญาโทในประเทศ

            คำตอบคือ....

1.      เป็นนโยบายของธนาคาร (ที่ผู้บริหารกำหนด)

2.      คนที่จบจากต่างประเทศภาษาอังกฤษดีกว่าคนที่จบในประเทศ (ทั้ง ๆ ที่ลักษณะงานที่ทำก็ไม่จำเป็นต้องใช้ภาษาอังกฤษอย่างที่ผมบอกไปแล้ว)

ยังไงก็ตามผมคิดว่าเหตุผลข้อ 1 คงเป็นตัวยุติคำถามทั้งหมด เพราะถ้าไม่แน่ใจก็ให้กลับไปดูข้อ 1 คือ

....นโยบายของฝ่ายบริหารของธนาคารจะเอาอย่างงี้แหละ....จบป่ะ 555

จากตัวอย่างนี้จะเห็นได้ว่ามายาคติแบบนี้ยังไงก็ยังคงมีอยู่ในการบริหารงานบุคคลบ้านเรา ที่ยึดเอา

เพียง “เปลือกนอก” และใช้ “อารมณ์หรือความรู้สึก” มาเป็นตัวกำหนดนโยบายภาพรวมขององค์กร โดยไม่ได้มอง “เหตุผล” โดยอาศัยข้อมูลข้อเท็จจริงที่วัดได้พิสูจน์ได้มาเป็นตัวกำหนดนโยบายในการบริหารงานบุคคลอย่างที่ควรจะเป็นซึ่งก็จะทำให้เกิดเป็นปัญหาดราม่ากันในหมู่พนักงานที่เขารู้สึกว่าผู้บริหารมีการกำหนดเงินเดือนอย่างไม่เป็นธรรม และทำให้เกิดการแบ่งก๊กแบ่งเหล่ากันภายในองค์กรเป็นสถาบันนั้น สถาบันนี้ เป็นพวกเด็กนอก หรือเป็นเด็กในประเทศ ฯลฯ

            เพราะสัจธรรมเรื่องค่าตอบแทนที่ผมเคยพูดอยู่เสมอ ๆ ก็คือ....

            “เงินเดือนของเราได้เท่าไหร่..ไม่สำคัญเท่ากับเพื่อนได้เท่าไหร่”

           แล้วจะแก้ปัญหานี้ยังไงดี?

            หลักสำคัญที่สุดในการบริหารค่าตอบแทนก็คือ....

            “หลักของความเสมอภาคและเป็นธรรม” ที่จะต้องมีเหตุมีผลที่จะอธิบายกับพนักงานให้เข้าใจตรงกันให้ได้  

            ผมยกตัวอย่างนะครับ

            เช่น ถ้าบริษัทจะจ้างพนักงานในตำแหน่ง “พนักงานการตลาด” เข้ามาทำงานในแผนกการตลาดต่างประเทศ ฝ่ายการตลาด ซึ่งในตำแหน่งงานนี้กำหนดคุณสมบัติว่าจะต้องจบปริญญาโท จากในประเทศหรือต่างประเทศก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ทำงาน แต่ลักษณะงานนี้จะต้องติดต่อต่างประเทศอยู่เป็นประจำ พนักงานในตำแหน่งนี้จะต้องพูด อ่าน เขียน ภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว

            บริษัทก็กำหนดคุณสมบัติเอาไว้สิครับ เช่น ผู้สมัครงานจะต้องมีผลสอบ TOEIC ไม่ต่ำกว่า 700 คะแนนโดยจะต้องผ่านการทดสอบข้อเขียนด้านการตลาดและการสอบสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษของบริษัทอีกด้วย

            ถ้าผู้สมัครงานรายไหนสามารถผ่านการทดสอบของบริษัทได้ บริษัทก็กำหนดอัตราเงินเดือนเริ่มต้นสำหรับตำแหน่งพนักงานการตลาดนี้ไว้ 25,000 บาท (เป็นอัตราเริ่มต้นที่ผมสมมุติขึ้นนะครับ)

            แต่ถ้าเป็นพนักงานการตลาดที่อยู่แผนกอื่นที่ไม่ใช่แผนกการตลาดต่างประเทศ และไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษในการทำงาน บริษัทก็กำหนดอัตราเงินเดือนเริ่มต้นไว้ที่ 20,000 บาท (เป็นอัตราเริ่มต้นที่ผมสมมุติขึ้นเหมือนกันนะครับ)

            ดังนั้นไม่ว่าคนที่จบปริญญาโทในประเทศหรือต่างประเทศถ้าหากผ่านการทดสอบทั้งข้อเขียนและสัมภาษณ์ภาคภาษาอังกฤษเข้ามาได้ก็จะมาทำงานที่แผนกการตลาดต่างประเทศและก็ได้รับเงินเดือนเริ่มต้นที่ 25,000 บาท เพราะตำแหน่งพนักงานการตลาดต่างประเทศจำเป็นต้องใช้ภาษาอังกฤษในการทำงาน

            ส่วนคนที่จบปริญญาโทในประเทศหรือต่างประเทศที่ทำงานในแผนกการตลาดในประเทศก็ได้รับเงินเดือนเริ่มต้นที่ 20,000 บาท เพราะไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษในการทำงาน

            เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้บางท่านอาจจะมีคำถามว่า....

“แล้วในอนาคตถ้าพนักงานการตลาดต่างประเทศทำงานไม่ดีถูกย้ายมาเป็นพนักงานการตลาดในประเทศ หรือพนักงานการตลาดในประเทศพัฒนาตัวเองสอบ TOEIC ได้ 700 ขึ้นไปแล้วทางแผนกการตลาดต่างประเทศก็ต้องการตัวล่ะ จะทำยังไง”

            ตรงนี้แหละครับที่ในหลายบริษัทเขาก็จะแยก “ค่าภาษา”  ออกมาจากเงินเดือน เพราะถ้าไปให้รวมอยู่ในฐานเงินเดือนแล้วมันก็จะเป็นฐานในการคิดโบนัส, เป็นฐานในการขึ้นเงินเดือนประจำปีครั้งต่อไป, เป็นฐานในการคำนวณกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ซึ่งจะทำให้บริษัทมี Staff Cost สูงขึ้น

ก็เลยต้องแยก “ค่าภาษา” ออกมา เช่น อัตราเงินเดือนของพนักงานการตลาดไม่ว่าจะในประเทศหรือต่างประเทศจะเริ่มต้นเท่ากันคือ 20,000 บาท แต่ถ้าใครผ่านการทดสอบทั้งข้อเขียนและสัมภาษณ์ไปเป็นพนักงานการตลาดต่างประเทศก็จะได้รับค่าภาษาเพิ่มอีกเดือนละ 5,000 บาท โดยมีระเบียบของเรื่องค่าภาษากำหนดเอาไว้ว่าค่าภาษานั้นบริษัทจะจ่ายให้สำหรับพนักงานที่ปฏิบัติงานในตำแหน่งที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษ (หรือภาษาที่บริษัทกำหนด) คือตำแหน่งอะไรบ้างก็ว่ากันไป

หากพนักงานที่ได้รับค่าภาษาถูกโอนย้ายไปทำงานในตำแหน่งอื่นนอกเหนือจากตำแหน่งที่บริษัทกำหนดก็จะไม่ได้รับค่าภาษาครับ

            วิธีที่ผมบอกมานี้ก็จะทำให้บริษัทไม่ต้องไปจ่ายเงินเดือนแพงกว่าให้กับคนที่จบปริญญาโทต่างประเทศ แต่ไม่ได้ทำงานในแผนกการตลาดต่างประเทศ ทำให้บริษัทประหยัด Staff Cost ที่สิ้นเปลืองสูญเปล่าได้อีกด้วย 

            ไม่ว่าผู้สมัครจะจบปริญญาโทในประเทศหรือต่างประเทศก็ตามถ้าผ่านการทดสอบเข้ามาได้ก็จะได้เงินเดือนตามที่บริษัทกำหนด ซึ่งแบบนี้จะเป็นหลักความเสมอภาคและเป็นธรรมในการกำหนดเงินเดือนเริ่มต้น

ซึ่งบริษัทก็จะสามารถใช้หลักเกณฑ์นี้อธิบายกับพนักงานที่มีข้อสงสัยได้ดีกว่าการที่บริษัทไม่มีหลักเกณฑ์อะไรเลย แล้วไปกำหนดอัตราเงินเดือนเริ่มต้นของคนจบปริญญาโทต่างประเทศสูงกว่าในประเทศโดยอ้างว่าเป็นเพียงนโยบายของบริษัทไหมครับ

ถ้าอ่านวิธีแก้ไขมายาคติตัวนี้แล้วผู้บริหารยังคงมีนโยบายเหมือนหัวเรื่องนี้อยู่เหมือนเดิมล่ะก็เอาตามที่ผู้บริหารสบายใจก็แล้วกันนะครับ

                                             .....................................