เมื่อมีการเริ่มเข้าทำงานก็ย่อมต้องมีวันสิ้นสุดการทำงาน วันนี้ก็เลยขอเอามะพร้าวห้าวมาขายสวนอีกสักครั้ง ซึ่งผมเชื่อว่ายังมีคนที่ยังไม่ทราบเรื่องนี้จะได้เข้าใจในเรื่องนี้ได้ตรงกัน ส่วนท่านที่เป็นเจ้าของสวนมะพร้าวก็เลื่อนผ่าน ๆ ไปได้นะครับ
การสิ้นสุดสภาพการจ้างเกิดได้
3 วิธีครับ
1.
เมื่อนายจ้างแจ้งเลิกจ้าง : นี่จะเป็นการบอกเลิกสภาพการจ้างจากฝั่งนายจ้างซึ่งสามารถแจ้งเลิกจ้างได้ทั้งด้วยวาจาและเป็นลายลักษณ์อักษร
(คือการทำหนังสือเลิกจ้าง)
แต่ผมแนะนำให้แจ้งเลิกจ้างเป็นลายลักษณ์อักษรจะดีกว่าการแจ้งเลิกจ้างด้วยวาจาเพื่อป้องกันปัญหาวุ่นวายขายปลาช่อนที่จะตามมาในภายหลังครับ
การแจ้งเลิกจ้างจะต้องระบุเหตุผลในการเลิกจ้างเอาไว้ด้วยถ้าไม่ระบุเหตุผลในการเลิกจ้างเอาไว้
นายจ้างจะยกเหตุผลในการเลิกจ้างมาอ้างภายหลังไม่ได้นะครับ อันนี้เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องระวังให้ดีและจะต้องมีในหนังสือเลิกจ้าง
ถ้าจะมีคำถามว่าเมื่อนายจ้างแจ้งเลิกจ้างแล้วจะต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างหรือไม่
?
ก็ตอบได้ว่า
1.1
ถ้าลูกจ้างกระทำความผิดร้ายแรงตามมาตรา 119 นายจ้างสามารถเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยใด
ๆ ทั้งสิ้น
1.2
ถ้าลูกจ้างไม่ได้กระทำความผิดร้ายแรงตามมาตรา
119 นายจ้างจะต้องจ่ายค่าชดเชยตามอายุงานให้แก่ลูกจ้างตามมาตรา 118
ซึ่งการเลิกจ้างในแบบนี้มีสิ่งที่นายจ้างต้องระวังคือการเลิกจ้างลูกจ้างแบบไม่เป็นธรรมซึ่งลูกจ้างอาจไปฟ้องศาลแรงงานเรื่องถูกเลิกจ้างไม่เป็นธรรมได้ครับ
โดยนายจ้างควรจะต้องมีพยานหลักฐานเอกสารต่าง ๆ (Document Support) ที่หนักแน่นพอที่จะทำให้ศาลแรงงาน
(กรณีถูกลูกจ้างฟ้องเรื่องการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม) เชื่อได้ว่าการเลิกจ้างนั้นมีเหตุผลที่เป็นธรรม
2.
เมื่อลูกจ้างยื่นใบลาออก : อันนี้จะเป็นการบอกเลิกสภาพการจ้างจากฝั่งลูกจ้างครับ
เมื่อลูกจ้างระบุวันที่มีผลลาออกเอาไว้วันไหนในใบลาออก
เมื่อถึงวันที่ระบุก็จะมีผลทันทีโดยไม่ต้องให้ผู้บริหารหรือใครมาอนุมัติแต่อย่างใดทั้งสิ้น
เช่นยื่นใบลาออกวันนี้แล้วระบุวันที่มีผลคือวันรุ่งขึ้นก็สามารถทำได้ครับ
แต่ก็ต้องถามว่าวิญญูชนคนที่มีความรับผิดชอบควรทำอย่างนี้ดีหรือไม่
ซึ่งบริษัทส่วนใหญ่มักจะมีระเบียบว่าพนักงานที่ประสงค์จะลาออกจะต้องยื่นใบลาออกล่วงหน้า
30 วัน ซึ่งพนักงานก็ควรทำตามระเบียบดังกล่าวโดยคิดแบบใจเขา-ใจเรา
เพราะบริษัทจะต้องหาคนมาทำงานแทนซึ่งต้องใช้เวลาในการหาคน
ในกรณีที่พนักงานไม่ยื่นใบลาออกตามระเบียบของบริษัทแล้วทำให้เกิดความเสียหายขึ้นกับบริษัท
บริษัทก็ยังมีสิทธิไปฟ้องศาลแรงงานได้ว่าพนักงานฝ่าฝืนระเบียบดังกล่าวทำให้บริษัทเกิดความเสียหายกี่บาทกี่สตางค์
ซึ่งตรงนี้ก็อยู่ที่ศาลท่านจะพิจารณาว่าเห็นสมควรให้พนักงานชดใช้ความเสียหายหรือไม่เท่าไหร่ก็ว่ากันไป
แต่บริษัทไม่มีสิทธิไปหักเงินเดือนงวดสุดท้ายสำหรับพนักงานที่ไม่ยื่นใบลาออกตามระเบียบแล้วไปอ้างว่าทำให้บริษัทเกิดความเสียหายนะครับ
เพราะทำแบบนี้คือบริษัททำผิดกฎหมายแรงงานมาตรา 76 ครับ
พูดง่าย ๆ
ว่าเงินเดือนงวดสุดท้ายบริษัทต้องจ่ายไปก่อนเพราะเป็นเรื่องของค่าจ้างในการที่ลูกจ้างมาทำงานให้นายจ้างตามวันที่มาทำงานจริง
ส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้นบริษัทก็ต้องไปฟ้องร้องเอาตามที่ผมบอกไปแล้วข้างต้นครับ
3.
เมื่อสัญญาจ้างครบระยะเวลา : อันนี้จะเป็นกรณีที่บริษัททำสัญญาจ้างแบบมีระยะเวลาโดยลักษณะของงานตามสัญญาจ้างแบบมีระยะเวลานี้จะต้องเป็นงานในโครงการเฉพาะที่มิใช่งานปกติของธุรกิจหรือการค้าของนายจ้าง
ซึ่งต้องมีระยะเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดของงานที่แน่นอน
หรือในงานอันมีลักษณะเป็นครั้งคราวที่มีกำหนดการสิ้นสุด หรือความสำเร็จของงาน
หรือในงานที่เป็นไปตามฤดูกาลและได้จ้างในช่วงเวลาของฤดูกาลนั้น
ซึ่งงานนั้นจะต้องแล้วเสร็จภายในเวลาไม่เกิน 2 ปี
เมื่อถึงวันสิ้นสุดในสัญญา
ลูกจ้างไม่ต้องยื่นใบลาออก นายจ้างก็ไม่ต้องแจ้งเลิกจ้าง (ไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยเพราะไม่ใช่การเลิกจ้าง)
ทั้งสองฝ่ายรับรู้เข้าใจตรงกันว่าเป็นอันจบสัญญานั้นครับ
ถึงตรงนี้เชื่อว่าคงเป็นประโยชน์กับคนที่สนใจและมีความเข้าใจในเรื่องนี้ที่ตรงกันแล้วนะครับ