วันพุธที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

เอาใครก็ได้เข้ามาทำงานก่อน ตอนนี้งานเยอะไม่มีใครทำ

             คำพูดหนึ่งที่ผมเคยเจอจาก Line Manager และผมเชื่อว่าคนที่ดูแลงานด้านสรรหาคัดเลือกน่าจะเคยได้ยินเหมือนกับผมก็คือ....

          “เอาใครก็ได้เข้ามาทำงานก่อน ตอนนี้งานเยอะไม่มีใครทำ”

            ถ้า Line Manager ที่ต้องทำหน้าที่กรรมการสัมภาษณ์คิดแบบนี้ท่านคิดว่าเขาจะได้คนแบบไหนเข้ามาร่วมงานครับ ?

             ผมเคยตั้งคำถามกลับไปที่ Line Manager ในห้องอบรมเทคนิคการสัมภาษณ์เกี่ยวกับคำพูดข้างต้นนี้ว่า....

“คุณคิดว่าอะไรคือสิ่งที่เหมือนกันและสิ่งที่แตกต่างกันระหว่างการรับคนเข้าทำงานกับการตัดสินใจแต่งงาน ?”

การรับคนเข้าทำงานกับการตัดสินใจแต่งงานมีสิ่งที่เหมือนกันคือเมื่อตัดสินใจร่วมทางเดินไปด้วยกันแล้วทั้งสองฝ่ายก็คาดหวังที่จะต้องใช้ชีวิตร่วมกันไปในระยะยาวจริงไหมครับ

คงไม่มีใครตัดสินใจแต่งงานโดยคิดแค่ว่า “เอาใครก็ได้เข้ามาแก้เหงาแก้ขัดไปก่อนเพราะตอนนี้ของขาดกำลังเหงา ขอดูงานสัก 3 เดือน 6 เดือนก่อน ถ้าไม่ดีก็ค่อยหาใหม่....”

ถ้ามี Mindset เป็นแบบนี้อีกไม่นานก็คงต้องหาใหม่กันไปเรื่อย ๆ แหละ

การรับคนเข้าทำงานก็เช่นเดียวกัน

นี่จึงเป็นคำตอบว่าเมื่อไหร่ที่ Line Manager พูดว่า “เอาใครก็ได้เข้ามาก่อน....ฯลฯ”

ก็เท่ากับคิดเพียงแค่จะแก้ปัญหาตรงหน้าเพื่อสร้างปัญหาใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมในอนาคต !!

แล้วก็จะได้คนที่เข้ามาทำงานไม่นานแล้วก็ลาออกไป แล้วก็ต้องมาเสียเวลาหากันใหม่อีก

วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆ

ถ้าไม่อยากวนลูปอย่างที่บอกมา ก็ต้องดูที่ความแตกต่างของการตัดสินใจแต่งงานกับการตัดสินใจรับคนเข้าทำงาน

สิ่งที่แตกต่างกันก็คือ “เวลา” ครับ

เราจะพบว่าคนที่จะตัดสินใจแต่งงานกันมักจะใช้เวลาศึกษาดูใจดูพฤติกรรม ฯลฯ กันเป็นปี บางคู่ก็เป็นสิบปีก็มีกว่าจะตัดสินใจขอแต่งงานแจกการ์ดเชิญ

คงไม่มีคู่ไหนที่ออกเดทกัน 1 ชั่วโมง 3 ชั่วโมงแล้วขอแต่งงานแจกการ์ด

“เวลา” ในการตัดสินใจว่าจะรับผู้สมัครหรือไม่จะเฉลี่ยประมาณ 1 ชั่วโมงครับ

คนที่เป็นกรรมการสัมภาษณ์จะมีเวลาสัมภาษณ์ผู้สมัครแต่ละรายประมาณ 1 ชั่วโมง (บวกลบยังไงก็ไม่เกิน 3 ชั่วโมงในการสัมภาษณ์)

แล้วก็ต้องตัดสินใจว่าควรจะรับผู้สมัครรายไหนเข้าทำงานในตำแหน่งงานนี้

ถ้าคนที่เป็นกรรมการสัมภาษณ์ไม่เห็นความสำคัญของการสัมภาษณ์ ยังใช้วิธีการสัมภาษณ์แบบ “จิตสัมผัส” หรือ Unstructured Interview ไม่มีเกณฑ์ในการประเมินความเหมาะสมระหว่างตัวผู้สมัครกับตำแหน่งงานที่ต้องการคนมาทำงานที่ชัดเจน แล้วใช้ “ความรู้สึก” มากกว่า “เหตุผล”

แถมยังคิดแค่ว่า “เอาใครก็ได้เข้ามาเคลียร์งานไปก่อน....ฯลฯ”

จะได้คนที่มีคุณภาพเข้ามาทำงานได้ยังไง ?  

          การคัดเลือกผู้สมัครที่ไม่มีคุณภาพเข้ามาทำงานก็จะสะท้อนความไม่มีคุณภาพของผู้สัมภาษณ์ด้วยเช่นเดียวกัน

            Line Manager ที่เป็นผู้สัมภาษณ์จึงต้องตระหนักอยู่เสมอว่าในเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงจะเป็นเวลาที่ต้องให้ความสำคัญในการดูทั้ง Performance และ Potential ของผู้สมัครแต่ละราย

            นอกจากทำหน้าที่เป็นผู้สัมภาษณ์แล้ว Line Manager จะต้องทำหน้าที่เหมือนกรรมการ The Voice The Star คือไม่ใช่แค่ทำหน้าที่เพียง “ถามไป” แล้วรอผู้สมัคร “ตอบมา” เท่านั้น

            แต่ต้องมีตาที่มีแววเหมือนกรรมการประกวดที่จะต้องสังเกตเห็น “แวว” ว่าผู้สมัครคนไหนจะมีมากกว่ากันในตำแหน่งงานนี้

            หวังว่าถ้าคนที่เคยพูดว่า “เอาใครก็ได้เข้ามาทำงานก่อน....ฯลฯ” ได้มาอ่านเรื่องนี้แล้วเกิดการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงในการคัดเลือกคนที่ “ใช่” เข้ามาทำงานเพื่อให้อยู่ทำงานนานขึ้นดีขึ้นกว่าเดิม

            แต่ถ้าอ่านแล้วยังยืนยันจะพูดเหมือนเดิม ก็ทำเหมือนเดิมต่อไปตามที่สบายใจเลยนะครับ