คำพูดหนึ่งที่ผมเคยเจอจาก Line Manager และผมเชื่อว่าคนที่ดูแลงานด้านสรรหาคัดเลือกน่าจะเคยได้ยินเหมือนกับผมก็คือ....
“เอาใครก็ได้เข้ามาทำงานก่อน ตอนนี้งานเยอะไม่มีใครทำ”
ถ้า
Line
Manager ที่ต้องทำหน้าที่กรรมการสัมภาษณ์คิดแบบนี้ท่านคิดว่าเขาจะได้คนแบบไหนเข้ามาร่วมงานครับ
?
ผมเคยตั้งคำถามกลับไปที่ Line Manager ในห้องอบรมเทคนิคการสัมภาษณ์เกี่ยวกับคำพูดข้างต้นนี้ว่า....
“คุณคิดว่าอะไรคือสิ่งที่เหมือนกันและสิ่งที่แตกต่างกันระหว่างการรับคนเข้าทำงานกับการตัดสินใจแต่งงาน
?”
การรับคนเข้าทำงานกับการตัดสินใจแต่งงานมีสิ่งที่เหมือนกันคือเมื่อตัดสินใจร่วมทางเดินไปด้วยกันแล้วทั้งสองฝ่ายก็คาดหวังที่จะต้องใช้ชีวิตร่วมกันไปในระยะยาวจริงไหมครับ
คงไม่มีใครตัดสินใจแต่งงานโดยคิดแค่ว่า
“เอาใครก็ได้เข้ามาแก้เหงาแก้ขัดไปก่อนเพราะตอนนี้ของขาดกำลังเหงา ขอดูงานสัก 3 เดือน
6 เดือนก่อน ถ้าไม่ดีก็ค่อยหาใหม่....”
ถ้ามี Mindset เป็นแบบนี้อีกไม่นานก็คงต้องหาใหม่กันไปเรื่อย ๆ แหละ
การรับคนเข้าทำงานก็เช่นเดียวกัน
นี่จึงเป็นคำตอบว่าเมื่อไหร่ที่
Line
Manager พูดว่า “เอาใครก็ได้เข้ามาก่อน....ฯลฯ”
ก็เท่ากับคิดเพียงแค่จะแก้ปัญหาตรงหน้าเพื่อสร้างปัญหาใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมในอนาคต
!!
แล้วก็จะได้คนที่เข้ามาทำงานไม่นานแล้วก็ลาออกไป
แล้วก็ต้องมาเสียเวลาหากันใหม่อีก
วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย
ๆ
ถ้าไม่อยากวนลูปอย่างที่บอกมา
ก็ต้องดูที่ความแตกต่างของการตัดสินใจแต่งงานกับการตัดสินใจรับคนเข้าทำงาน
สิ่งที่แตกต่างกันก็คือ
“เวลา” ครับ
เราจะพบว่าคนที่จะตัดสินใจแต่งงานกันมักจะใช้เวลาศึกษาดูใจดูพฤติกรรม
ฯลฯ กันเป็นปี บางคู่ก็เป็นสิบปีก็มีกว่าจะตัดสินใจขอแต่งงานแจกการ์ดเชิญ
คงไม่มีคู่ไหนที่ออกเดทกัน
1 ชั่วโมง 3 ชั่วโมงแล้วขอแต่งงานแจกการ์ด
“เวลา”
ในการตัดสินใจว่าจะรับผู้สมัครหรือไม่จะเฉลี่ยประมาณ 1 ชั่วโมงครับ
คนที่เป็นกรรมการสัมภาษณ์จะมีเวลาสัมภาษณ์ผู้สมัครแต่ละรายประมาณ
1 ชั่วโมง (บวกลบยังไงก็ไม่เกิน 3 ชั่วโมงในการสัมภาษณ์)
แล้วก็ต้องตัดสินใจว่าควรจะรับผู้สมัครรายไหนเข้าทำงานในตำแหน่งงานนี้
ถ้าคนที่เป็นกรรมการสัมภาษณ์ไม่เห็นความสำคัญของการสัมภาษณ์
ยังใช้วิธีการสัมภาษณ์แบบ “จิตสัมผัส” หรือ Unstructured Interview ไม่มีเกณฑ์ในการประเมินความเหมาะสมระหว่างตัวผู้สมัครกับตำแหน่งงานที่ต้องการคนมาทำงานที่ชัดเจน
แล้วใช้ “ความรู้สึก” มากกว่า “เหตุผล”
แถมยังคิดแค่ว่า “เอาใครก็ได้เข้ามาเคลียร์งานไปก่อน....ฯลฯ”
จะได้คนที่มีคุณภาพเข้ามาทำงานได้ยังไง
?
การคัดเลือกผู้สมัครที่ไม่มีคุณภาพเข้ามาทำงานก็จะสะท้อนความไม่มีคุณภาพของผู้สัมภาษณ์ด้วยเช่นเดียวกัน
Line Manager ที่เป็นผู้สัมภาษณ์จึงต้องตระหนักอยู่เสมอว่าในเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงจะเป็นเวลาที่ต้องให้ความสำคัญในการดูทั้ง Performance และ Potential ของผู้สมัครแต่ละราย
นอกจากทำหน้าที่เป็นผู้สัมภาษณ์แล้ว
Line
Manager จะต้องทำหน้าที่เหมือนกรรมการ The Voice The Star คือไม่ใช่แค่ทำหน้าที่เพียง “ถามไป” แล้วรอผู้สมัคร “ตอบมา” เท่านั้น
แต่ต้องมีตาที่มีแววเหมือนกรรมการประกวดที่จะต้องสังเกตเห็น
“แวว” ว่าผู้สมัครคนไหนจะมีมากกว่ากันในตำแหน่งงานนี้
หวังว่าถ้าคนที่เคยพูดว่า
“เอาใครก็ได้เข้ามาทำงานก่อน....ฯลฯ” ได้มาอ่านเรื่องนี้แล้วเกิดการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงในการคัดเลือกคนที่
“ใช่” เข้ามาทำงานเพื่อให้อยู่ทำงานนานขึ้นดีขึ้นกว่าเดิม
แต่ถ้าอ่านแล้วยังยืนยันจะพูดเหมือนเดิม
ก็ทำเหมือนเดิมต่อไปตามที่สบายใจเลยนะครับ