ก่อนจะตอบเรื่องนี้เราต้องมาดูพรบ.คุ้มครองแรงงานฉบับที่ 7 พ.ศ.2562 โดยประกาศให้ยกเลิกมาตรา 34 ของพรบ.คุ้มครองแรงงานฉบับปี 2541 ที่ว่าด้วยเรื่องการลากิจของลูกจ้างโดยให้ใช้ข้อความดังนี้แทน
“มาตรา 34 ให้ลูกจ้างมีสิทธิลาเพื่อกิจธุระอันจำเป็นได้ปีละไม่น้อยกว่า
3 วันทำงาน”
ตรงนี้แหละครับที่มีผลให้บริษัทจะต้องปฏิบัติตาม
คือบริษัทไหนที่เคยให้พนักงานมีสิทธิลากิจต่ำกว่า 3 วันทำงาน
ก็ต้องแก้ไขใหม่ให้พนักงานมีสิทธิลากิจธุระอันจำเป็นได้ไม่น้อยกว่า 3 วันทำงานตามกฎหมายใหม่นี้
แต่ที่มักจะเจอปัญหาในทางปฏิบัติก็คือ..
ลูกน้องมาขอลากิจกับหัวหน้าแล้วหัวหน้าไม่อนุมัติให้ลากิจ
ถามว่าหัวหน้าไม่อนุมัติได้หรือไม่
?
แล้วถ้าลูกน้องบอกว่าการลากิจเป็นสิทธิของพนักงานที่มีปีละ
3
วันทำงาน ถ้าไม่อนุมัติก็เท่ากับบริษัททำผิดกฎหมายแรงงาน !!
ตรงนี้ผมอยากให้เจ้าของคำถามกลับไปทบทวนหลักเกณฑ์การลากิจอย่างนี้ครับ
1.
บริษัทเขียนข้อบังคับการทำงานเกี่ยวกับการลากิจไว้ยังไง
: ต้องถามว่าบริษัทเขียนระบุเงื่อนไขการลากิจแบบไหนยังไง
เช่น พนักงานมีสิทธิลากิจได้ปีละ 5 วันทำงาน ซึ่งการลากิจนั้นจะต้องเป็นกิจธุระส่วนตัวที่จำเป็นที่จะต้องไปทำด้วยตนเองไม่สามารถมอบหมายให้ผู้อื่นไปทำแทนได้
เช่น การไปซื้อ-ขายหรือไปโอนที่ดิน, การลาไปเพื่อซ้อมใหญ่หรือรับปริญญา,
ลาเพื่อการสมรส, ลาบวช, ลาเพื่อไปดูแลรักษาพยาบาลบุพการีที่ป่วยหนัก ฯลฯ
2. การลากิจต้องแจ้งล่วงหน้า : การลาเพื่อกิจธุระส่วนตัวที่จำเป็นดังกล่าวพนักงานจะต้องยื่นใบลาล่วงหน้าอย่างน้อยกี่วัน
เว้นแต่เป็นเรื่องเร่งด่วนกระทันหัน เช่น บุพการีเจ็บป่วยหนักกระทันหัน เป็นต้น
3.
แจ้งให้ทราบถึงผลการไม่ปฏิบัติตามระเบียบการลากิจ
: ถ้าหากพนักงานไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับเรื่องการลากิจ
บริษัทจะถือว่าพนักงานละทิ้งหน้าที่โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร และเป็นความผิดทางวินัยที่จะต้องถูกตักเตือนเป็นหนังสือพร้อมทั้งบริษัทจะไม่จ่ายค่าจ้างในวันที่ขาดงานดังกล่าว
(No work no pay)
ถ้าบริษัทไหนเขียนหลักเกณฑ์การลากิจเอาไว้ชัดเจนอย่างที่บอกมาข้างต้น
และประกาศแจ้งให้พนักงานทุกคนรับทราบแล้ว ก็จะใช้เป็นคำตอบที่ชัดเจนสำหรับคำถามข้างต้นได้อย่างมีเหตุมีผล
ทั้ง HR หรือฝ่ายบริหารก็จะไม่มีการตอบแบบเปะปะหรือใช้หลักกู
!!
เพราะเมื่อลูกน้องมายื่นใบขอลากิจ
หัวหน้าจะได้ตรวจสอบดูว่าลูกน้องขอลากิจเพื่อไปทำอะไร เช่น
มาขอใช้สิทธิลากิจบวกกับลาพักร้อนเพื่อจะไปเที่ยว เช่น มีวันลาพักร้อนเหลืออยู่ 2 วันก็เลยขอลากิจเพิ่มอีก
1 วันคือขอลาพักร้อนวันพุธ, พฤหัสแล้วขอลากิจวันศุกร์
ส่วนเสาร์, อาทิตย์เป็นวันหยุดอยู่แล้วก็เท่ากับได้หยุดไปเที่ยว 5 วัน
อย่างนี้หัวหน้าก็ต้องไม่อนุมัติให้ลูกน้องลากิจสิครับ
เพราะลูกน้องขอลากิจไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้
แม้จะมาหัวหมออ้างกฎหมายแรงงานว่าตามมาตรา 34 พนักงานมีสิทธิลากิจได้ไม่น้อยกว่าปีละ
3 วันทำงานก็ตาม
หัวหน้าก็จะตอบได้ว่า
“น้องลากิจเพื่อไปเที่ยวนี่นา ไม่ได้ลาเพื่อไปทำกิจธุระส่วนตัวที่จำเป็นสักหน่อย”
ถ้าลูกน้องยังดื้อดึงฝ่าฝืนหยุดไปโดยหัวหน้าไม่อนุญาต บริษัทก็ดำเนินการทางวินัยในเรื่องขาดงานไม่มีเหตุผลอันสมควรได้เลย
แต่ถ้าลูกน้องมาขอลากิจเพื่อไปแต่งงาน
หรือลาไปจัดการงานศพบุพการี ซึ่งก็เข้าข่ายลาเพื่อไปทำกิจธุระส่วนตัวที่จำเป็น
ถ้าหัวหน้าไม่อนุญาตก็ใจร้ายไปหน่อยไหมล่ะครับ
สรุปคือบริษัทควรจะต้องมีระเบียบการลากิจที่ชัดเจน,
แจ้งให้พนักงานทราบ,
คนที่เป็นหัวหน้าใช้สามัญสำนึกตามหลักเกณฑ์และข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นก่อนที่จะอนุมัติหรือไม่อนุมัติ
ปัญหาเหล่านี้จะลดลงได้เยอะ
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้แล้วผมเชื่อว่าท่านจะได้ไอเดียเพื่อนำไปปรับปรุงระเบียบการลากิจได้แล้วนะครับ