วันนี้ผมมีเรื่องการบริหารคนมาเล่าสู่กันฟังอีกแล้วครับ
เรื่องมีอยู่ว่าในบริษัทแห่งหนึ่งมีหัวหน้าแผนกนำใบลาออกของพนักงานที่เป็นลูกน้องมายื่นให้กับ
HR แต่ใบลาออกนั้นเขียนวันนี้แต่ลงวันที่มีผลลาออกคือวันพรุ่งนี้คือเขียนใบลาออกวันที่
30 มิถุนายน แต่วันที่มีผลลาออกคือวันที่ 1 กรกฎาคม !
พอ HR เห็นอย่างนี้ก็เลยแจ้งไปที่หัวหน้าของพนักงานคนนี้ว่าตามระเบียบของบริษัทนั้น
พนักงานจะต้องแจ้งลาออกล่วงหน้า 30 วันเพื่อที่จะได้หาคนมารับมอบงานและทำงานแทนกันได้
หัวหน้าแผนกก็มารับใบลาออกของลูกน้องกลับไป
วันรุ่งขึ้นหัวหน้าแผนกก็เอาใบลาออกของลูกน้องมาส่งให้กับทาง
HR แต่ในใบลาออกแก้ไขวันที่เขียนใบลาออกคือวันที่ 1 มิถุนายน
แต่วันที่มีผลลาออกคือวันที่ 1 กรกฎาคมเหมือนเดิม ??!!
โดยหัวหน้าแผนกบอกว่าที่จริงแล้วพนักงานคนนี้ยื่นใบลาออกล่วงหน้า 30
วันตามระเบียบของบริษัทนั่นแหละ
แต่เขาลงวันที่ผิดและหัวหน้าแผนกก็เก็บใบลาออกไว้จนลืม ??!!
มีใครเชื่อคำพูดของหัวหน้าแผนกคนนี้ว่าแกพูดจริงบ้างไหมครับ ?
MD ก็เลยบอกว่าให้ HR
เรียกหัวหน้าแผนกคนนี้มาตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษร ??
หมายถึง MD ต้องการให้ผู้จัดการฝ่าย HR ออกหนังสือตักเตือนหัวหน้าแผนกคนนี้ได้โดยตรง !
ก็เลยเป็นที่มาของหัวเรื่องที่เรามาคุยกันในวันนี้ยังไงล่ะครับ
คำถามก็คือ....
1.
ตกลงว่าบริษัทจะให้ HR มีหน้าที่เรียกพนักงานในบริษัทที่ทำความผิดมาว่ากล่าวตักเตือน
โดยที่ผู้จัดการฝ่ายที่เป็นหัวหน้าของหัวหน้าแผนกคนนี้ไม่ต้องทำหน้าที่นี้เลยหรือ
2.
หัวหน้าแผนกคนนี้กลายเป็นลูกน้องของผู้จัดการฝ่าย
HR แล้วใช่หรือไม่
3.
ผู้จัดการฝ่ายของหัวหน้าแผนกคนนี้ไม่ต้องทำอะไรเลยใช่ไหม
ถ้างั้นจะมีผู้จัดการฝ่ายเอาไว้เพื่อ....??
เรื่องทำนองนี้ยังมีในหลายบริษัทตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน
คือการให้ฝ่าย HR มีหน้าที่ว่ากล่าวตักเตือนพนักงานทุกคนได้ทั่วทั้งบริษัท
โดยคนที่เป็นหัวหน้าโดยตรงจะหลีกเลี่ยงหน้าที่และความรับผิดชอบในการตักเตือนลูกน้องที่มีพฤติกรรมนอกแถว
หรือลูกน้องที่มีปัญหาเพราะกลัวว่าลูกน้องจะมองว่าหัวหน้าเป็น Bad guy
แต่กลับโบ้ยหน้าที่นี้ไปให้
HR โดยอ้างว่าเป็นเรื่องของคน HR ต้องรับผิดชอบ
อิหยังวะ ??!!
ที่หนักกว่านั้นก็คือ
MD หรือ CEO ของบริษัทนั้น ๆ ก็ไม่บอกกล่าวให้ผู้บริหารในแต่ละฝ่ายได้รับรู้และเข้าใจว่าเรื่องเหล่านี้เป็นหน้าที่โดยตรงของหัวหน้างานในการจัดการกับลูกน้องที่มีปัญหา
หัวหน้าจะต้องมีหน้าที่ในการบริหารลูกน้องด้วยไม่ใช่แค่บริหารงานเพียงอย่างเดียว
และที่เป็นตลกร้ายก็คือบริษัทเหล่านี้ก็ชอบส่งหัวหน้าทั้งหลายไปเข้าอบรมหลักสูตรภาวะผู้นำเสียเงินค่าอบรมไปตั้งมากมาย
ต่อให้เป็นหลักสูตรผู้นำขั้นเทพจากสำนักไหนใครสอน ถ้าหัวหน้าไปเรียนแล้วกลับมายังหนีปัญหาไม่กล้าตัดสินใจแถมโบ้ยปัญหาไปให้คนอื่นแบบนี้ก็เสียของเสียเงินเปล่าแหละครับ
บริษัทไหนที่ยังมีปัญหาแบบที่ผมเล่าให้ฟังมานี้ ก็อยากจะให้ HR เอาบทความนี้ไปให้ MD หรือ CEO ของท่านอ่านดูนะครับเผื่อว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นครับ