วันจันทร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

จัดอบรมหลักสูตรการสร้างจิตสำนึกรักองค์กรแล้วพนักงานจะรักบริษัทมากยิ่งขึ้นจริงหรือ ?

             ผมเห็นหลายบริษัทชอบจัดหลักสูตรในชื่อประมาณนี้เช่น “การสร้างจิตสำนึกรักองค์กร” หรือ Employee Engagement” หลายบริษัทก็ทำเป็นโครงการรณรงค์การปลูกจิตสำนึกรักองค์กรเรียนกันไปสนุกสนานเฮฮากันไปในห้องเรียน

บางแห่งก็ถึงกับจ้างบริษัทที่ปรึกษาเข้ามาดำเนินการให้โดยมีการทำกิจกรรมกันอย่างเป็นระบบมีการประเมินความสำเร็จของหลักสูตรบ้าง หรือประเมินความสำเร็จของโครงการนี้บ้างก็ว่ากันไป

            ไม่ว่าจะจัดเป็นหลักสูตรฝึกอบรมหรือทำเป็นโครงการขึ้นมาก็ต้องใช้ “เงิน” ใช้งบประมาณ จะมากบ้างน้อยบ้างก็ตามแต่นโยบายของฝ่ายบริหารของแต่ละบริษัทว่าจะทุ่มทุนสร้างกันสักขนาดไหน

          จัดอบรมหลักสูตรแบบนี้หรือทำโครงการแบบนี้แล้วจะทำให้พนักงานมีจิตสำนึกรักบริษัทเพิ่มขึ้นได้จริงหรือ ?

            คุ้มค่าการลงทุนหรือเปล่า ?

            แน่นอนครับว่าวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายของผู้บริหารระดับสูงคือ MD หรือ CEO ในการทำแบบนี้ก็เพื่อมุ่งหวังที่อยากจะให้พนักงานเกิดความรู้สึกรักในบริษัท ทำงานอย่างทุ่มเทให้กับองค์กรอันนี้เข้าใจได้ซึ่งผมเข้าใจเหตุผลและมุมมองของ MD ว่าทำไมถึงต้องการให้จัดการอบรมทำนองนี้เพราะตัวผมเองก็เคยอยู่ในบริษัทที่ทำในเรื่องแบบนี้มาแล้ว

            ซึ่งเหตุผลหลัก ๆ ก็คือถ้าไม่มีการอบรมหรือไม่มีโครงการทำนองนี้แล้ว เกิดพนักงานไม่รักบริษัทลาออกกันไปเป็นระยะ บริษัทรักษาคนไว้ไม่ได้ก็จะทำให้บริษัทมีปัญหาในเรื่องการหาคนมาทำงานแทนและจะมีปัญหาอื่น ๆ ตามมาอีกมาก

            เพราะพอผมเข้าไปดูสื่อออนไลน์ชื่อดังอย่างพันทิปเราก็มักจะเจอกระทู้ทำนองนี้ครับ

          “ถ้าเราถูกปลูกฝังให้รักบริษัทที่ทำงานอยู่ แล้วมีบริษัทใหม่มาเสนอโอกาสและรายได้ที่ดีกว่าเพื่อน ๆ จะไปไหม ?

            ถ้ามองในมุมของ MD หรือ CEO หรือเถ้าแก่ก็คงจะต้องมองแบบสมการเส้นตรงว่าถ้ามีการอบรมหรือทำกิจกรรมรณรงค์ให้พนักงานรักองค์กรแล้วพนักงานก็ควรจะต้องรักองค์กรและอยู่กับองค์กรสิ !

            แต่ถ้ามองในมุมของพนักงานล่ะครับ MD เคยมองในมุมของคนเหล่านี้ไหมว่าเขาคิดอะไรอยู่ และการจับเขาไปเข้าอบรมหลักสูตรเหล่านี้หรือให้เขาทำโครงการทำนองนี้แล้วเขาจะรักองค์กรรักบริษัทเพิ่มมากขึ้นได้จริง ?

          ผมขอสะท้อนเสียงคนรุ่นใหม่ตอบกระทู้ออนไลน์ข้างต้นนะครับว่าเขาคิดกันยังไง....

          “ออกสิคะ รออะไร” , “รักองค์กรได้ก็แค่ระดับหนึ่งแต่ที่ใหม่ให้มากกว่าก็ควรจะไป” , “ถ้าคุณออกวันนี้บริษัทก็ไม่ล้มหรอก เขาก็หาคนใหม่มาแทนคุณได้” , “อย่ารักองค์กร องค์กรไม่ได้รักเรา เราตายไปเขาก็หาคนใหม่มาแทนได้” ฯลฯ

            ผู้บริหารควรคิดทบทวนอีกครั้งดีไหมว่า....

1.      การที่พนักงานจะรักหรือไม่รักบริษัทไม่ใช่จะทำแค่เพียงจัดให้พนักงานเข้าอบรมหลักสูตรประเภทรักองค์กรเพียงเท่านั้น

2.      ความรักความผูกพันเป็นเรื่องของใจใครจะมาบังคับกะเกณฑ์ให้ต้องรักอย่างนั้นอย่างนี้คงไม่ได้

ถ้าบริษัทซึ่งก็คือบรรดาผู้บริหารทุกระดับโดยเฉพาะคนที่เป็นหัวหน้าโดยตรงยังไม่เคยแสดงอะไรให้พนักงานเห็นเลยว่ารักและหวังดีกับพนักงาน แล้วจะมากะเกณฑ์คาดหวังให้พนักงานมารักบริษัทได้ยังไง

3.      ในหลายบริษัทที่ผู้บริหารหรือหัวหน้ายังมีนโยบายและพฤติกรรมที่เอาเปรียบพนักงาน

เช่น หักค่ามาสายจนเกินจริง, จ่ายเงินเดือนไม่ตรงเวลา, เรียกเงินค้ำประกันทุกตำแหน่งงาน, จัดงานปีใหม่ประจำปีแต่ให้พนักงานออกเงินกันเอง, สั่งให้ทำงานล่วงเวลาแต่ไม่จ่ายโอที ฯลฯ

อย่างนี้จะให้พนักงานรักบริษัทได้ไหมล่ะครับ

จากที่บอกมาข้างต้นลองกลับมาคิดใหม่และทำอย่างนี้ดีไหมครับ

1.      MD หรือ CEO ควรจะต้องเปิดใจและหาสาเหตุของปัญหาที่จะทำให้พนักงานไม่รักองค์กร เช่น

-          สำรวจดูว่า กฎ ระเบียบ คำสั่ง หรือวิธีปฏิบัติใดบ้างที่เอารัดเอาเปรียบพนักงาน ปฏิบัติอย่างไม่ถูกต้อง ผิดกฎหมายแรงงาน ฯลฯ แล้วหาทางปรับเปลี่ยนแก้ไขซะ

-          ผู้บริหาร (คนไหน) ในฝ่ายไหนหรือแผนกไหนที่มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม (อย่างที่ผมยกตัวอย่างมาข้างต้น) กับพนักงานบ้าง และคิดหาวิธีจัดการกับผู้บริหารหรือหัวหน้างานที่มีปัญหาเหล่านั้น

-          หาวิธีทำให้หัวหน้างานสร้างมนุษยสัมพันธ์ที่ดีกับลูกน้องให้มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่

-          จัดกิจกรรมทั้งเป็นทางการและไม่เป็นทางการเพื่อเสริมสร้างให้เกิดแรงงานสัมพันธ์ที่ดีในบริษัท

-          สำรวจและปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการทำงานให้น่าทำงานและเปิดรับฟังความคิดเห็นจากพนักงาน

2.      ตั้งใจและหาวิธีแก้ปัญหาอย่างจริงจัง

Key Success Factors (KSF) อยู่ที่ผู้บริหารและหัวหน้าทุกระดับอีกนั่นแหละครับว่าอยากจะทำให้พนักงานรักบริษัทจริงหรือไม่

ถ้าเราอยากให้ใครรักเรา แล้วเราไม่เริ่มรักคน ๆ นั้นเสียก่อนและทำตัวให้อีกฝ่ายเห็นในความดีในตัวเราและเริ่มหันกลับมามองเราและรักเราเสียก่อน

แม้บริษัทจะไปจัดอบรมหรือไปบังคับให้เขามารักเรา (แถมยังเสียเงินค่าจัดอบรมหรือทำโครงการสร้างจิตสำนึกรักองค์กรไปแบบสูญเปล่า) ยังไงพนักงานเขาก็ไม่รักบริษัทอยู่ดีแหละครับ

            แทนที่จะเสียเงินจ้างคนนอกมาบอกมาสอนให้พนักงานรักบริษัท บริษัทควรเริ่มคิดหาวิธีที่จะบอกรักหรือทำให้พนักงานเห็นว่าบริษัท (คือผู้บริหารทุกระดับ) ก็รักและหวังดีกับพนักงานจากภายในกันเองเสียก่อนจะดีกว่าไหมครับ

          ที่สำคัญอีกเรื่องก็คือบริษัทไม่ควรตั้งคนมีทัศนคติไม่ดีหรือ พวกที่ EQ มีปัญหาขึ้นมาเป็นหัวหน้าไม่ว่าจะในระดับใด เพราะคนเหล่านี้แหละจะเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้พนักงานไม่รักบริษัทจนถึงขั้นหมดใจและทำให้บริษัทต้องเสียพนักงานดี ๆ ไปในที่สุด