วันอังคารที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2563

บริษัทขอลดเงินเดือนเนื่องจาก Covid-19 และเศรษฐกิจไม่ดีได้หรือไม่


            ตอนนี้เศรษฐกิจบ้านเราก็ได้รับผลกระทบจากหลาย ๆ เรื่องเลยนะครับตั้งแต่สงครามการค้าอเมริกา-จีนมาจนถึงเรื่อง Covid-19 หลายบริษัทที่ยืนระยะไม่ไหวก็ต้องปิดกิจการกันไป ส่วนบริษัทที่ยังอยู่ก็เริ่มมีการขอความร่วมมือจากพนักงานให้ลดเงินเดือนลงเพื่อให้บริษัทอยู่รอด ซึ่งการขอความร่วมมือพนักงานให้ลดเงินเดือนลงแบบนี้ก็เคยเกิดขึ้นมาแล้วในสมัยเรามีวิกฤติเศรษฐกิจเมื่อปี 2540-42 ดูไปแล้วก็เหมือนกับปรากฎการณ์ Déjà vu ยังไงก็ไม่รู้นะครับ

            ตอบคำถามข้างต้นให้เข้าใจง่าย ๆ ได้อย่างนี้ครับ

1.      พูดแบบภาษาชาวบ้านก็คือนายจ้างจะลดค่าจ้างของลูกจ้างโดยไม่ได้ครับถ้าลูกจ้างไม่ยินยอม เพราะถือเป็นการเปลี่ยนสภาพการจ้างที่ไม่เป็นคุณแก่ลูกจ้าง แต่ถ้าลูกจ้างคนไหนยินยอมก็ทำได้โดยทำสัญญาระบุว่าลูกจ้างยินดีลดค่าจ้างของตัวเองลงเท่าไหร่กี่บาทกี่เปอร์เซ็นต์ก็ว่ากันไปแล้วให้ลูกจ้างเซ็นชื่อยินยอม ใครเซ็นสัญญานี้ก็จะมีผลใช้บังคับกับคนที่เซ็นแต่ถ้าใครไม่เซ็นก็ไม่มีผลกับคนที่ไม่เซ็น

2.      การเซ็นชื่อยินยอมลดเงินเดือนของลูกจ้างต้องไม่ลดจนต่ำกว่าค่าจ้างขั้นต่ำนะครับ

3.      อาจมีคำถามว่าถ้าลูกจ้างคนไหนไม่ยอมเซ็นลดเงินเดือนล่ะบริษัทจะทำยังไง อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับทางฝ่ายบริหารแล้วล่ะครับ มาตรการหนักสุดบริษัทก็อาจจะแจ้งเลิกจ้างลูกจ้างที่ไม่เซ็นชื่อยินยอมลดเงินเดือนแล้วก็จ่ายค่าชดเชย+ค่าบอกกล่าวล่วงหน้าตามกฎหมาย

4.      แล้วลูกจ้างที่เซ็นยินยอมลดเงินเดือนล่ะจะลดไปถึงเมื่อไหร่ อันนี้ก็คงแล้วแต่ทางบริษัทแหละครับว่าจะกำหนดให้การลดเงินเดือนเพื่อให้บริษัทอยู่รอดมีผลไปอีกกี่เดือนหรือกี่ปี ซึ่งจากที่ผ่านมาในช่วงวิกฤติเมื่อปี 2540-42 เมื่อเศรษฐกิจเริ่มพลิกฟื้นกลับมา ก็มีบางบริษัทเหมือนกันที่ปรับเงินเดือนขึ้นเพื่อชดเชยให้กับพนักงานที่ร่วมมือร่วมใจฝ่าฟันปัญหากันมา แต่อันนี้ก็แล้วแต่นโยบายของฝ่ายบริหารแต่ละบริษัทนะครับ

5.      ถ้าบริษัทให้เราเซ็นชื่อยินยอมลดเงินเดือนลงแล้ว ต่อมาอีก 3 เดือน 6 เดือนมาแจ้งเลิกจ้างเราล่ะ เราจะได้รับค่าชดเชยยังไง ก็ตอบได้ว่าตามกฎหมายแรงงานก็ให้ใช้ “ค่าจ้างอัตราสุดท้าย” เป็นฐานในการคำนวณค่าชดเชยและค่าบอกกล่าวล่วงหน้าครับ เช่น ถ้าเรารับได้เงินเดือน 20,000 บาท แล้วเราเซ็นยินยอมลดเงินเดือนเหลือ 18,000 บาท ต่อมาอีก 3 เดือนบริษัทแจ้งเลิกจ้างเรา บริษัทก็ต้องจ่ายค่าชดเชยโดยใช้ฐานค่าจ้างอัตราสุดท้ายคือ 18,000 บาทในการคำนวณค่าชดเชยจ่ายตามมาตรา 118

6.      แต่ถ้าสมมุติว่าเพื่อนเราเงินเดือนปัจจุบัน 20,000 บาท (เหมือนกับเรา) และไม่ยอมเซ็นยินยอมลดเงินเดือนลง ถ้าบริษัทเลิกจ้างเพื่อนเราก็จะใช้ฐานค่าจ้างอัตราสุดท้ายคือ 20,000 บาทในการคำนวณการจ่ายค่าชดเชยครับ

7.      จากตัวอย่างในข้อ 5 และข้อ 6 จึงต้องควรดูพฤติกรรมของฝ่ายบริหารที่อดีตที่ผ่านมาว่าเขาจะมีความน่าเชื่อถือและมีแนวโน้มเลิกจ้างเราหลังจากเราเซ็นยินยอมลดเงินเดือนหรือไม่ เขามีความจริงใจและมีเจตนาที่จะให้ช่วยกันเพื่อให้บริษัทอยู่รอดจริงหรือไม่ เพราะผมก็เคยเจอบางบริษัทที่ผู้บริหารใช้เทคนิคขอความร่วมมือให้พนักงานลดเงินเดือนลงเพื่อลดงบประมาณการจ่ายค่าชดเชย พอพนักงานเซ็นยินยอมลดเงินเดือนลง อีกไม่กี่เดือนก็ Layoff พนักงานออก ดังนั้นก่อนจะเซ็นยินยอมลดเงินเดือนตัวเองจึงต้องประเมินความจริงใจของฝ่ายบริหารและคิดให้ดี ๆ ครับ

8.      กรณีถูกเลิกจ้างแล้วลูกจ้างเห็นว่าการเลิกจ้างนั้นไม่เป็นธรรมก็ยังมีสิทธิไปฟ้องศาลแรงงานเพื่อให้ศาลท่านวินิจฉัยว่าการเลิกจ้างนั้นเป็นธรรมหรือไม่เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายได้อีกด้วยครับ

การดำเนินการในเรื่องนี้จึงต้องมีการพูดจากันแบบพี่แบบน้องด้วยความจริงใจ โปร่งใส ตรงไปตรงมา ใช้หลัก “ใจเขา-ใจเรา” จะทำให้เกิดความน่าเชื่อถือเกิดความไว้วางใจ หรือแม้แต่การจากกันด้วยดีในกรณีที่ต้องปิดกิจการโดยไม่ต้องเสียเวลาไปขึ้นโรงขึ้นศาลกันให้วุ่นวายภายหลังนะครับ

…………………………