ได้ยินข่าวว่ามีการสัญญากันว่าจะปรับค่าจ้างขั้นต่ำจากเดิมเพิ่มขึ้นเป็นวันละ
425 บาท
ผมก็เลยอยากจะขอนำเรื่องนี้มาเล่าสู่กันฟังว่าถ้าหากมีการปรับค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มขึ้นเป็นตัวเลขดังกล่าวจริงจะมีผลกระทบอะไรบ้างกับบริษัท
ซึ่งคงต้องเป็นหน้าที่ของคนที่ดูแลระบบค่าตอบแทนของบริษัทหรือที่มักเรียกกันว่า Com
& Ben (Compensation & Benefit) จะได้เตรียมข้อมูลเพื่อนำเสนอฝ่ายบริหารเพื่อหาวิธีที่เหมาะสมต่อไปนะครับ
และขอบอกไว้ก่อนว่าเรื่องที่ผมนำมาเล่าสู่กันฟังนี้ไม่เกี่ยวข้องใด
ๆ กับการเมืองเพราะโดยส่วนตัวผมก็ไม่ชอบเรื่องการเมืองอยู่แล้ว จึงเป็นเพียงความคิดเห็นเกี่ยวกับผลกระทบจากประสบการณ์ของคนที่ทำงานด้านบริหารจัดการค่าตอบแทนภาคปฏิบัติมากว่า
35 ปีเท่านั้นนะครับไม่ได้มีนัยยะทางการเมืองใด ๆ ทั้งสิ้น
ดังนั้นผมไม่ต้องการให้ใครนำข้อคิดความเห็นของผมไปโจมตีใครในทางการเมือง
แต่ขอให้แชร์เป็นความรู้และนำไปใช้ประโยชน์ในเรื่องของการบริหารค่าจ้างเงินเดือนในองค์กรเท่านั้นนะครับ
ผมขอนำเสนอโดยภาพตามตารางข้างล่างนี้
อธิบายได้อย่างนี้ครับ
1.
ผมใช้ค่าจ้างขั้นต่ำปัจจุบันในเขตกรุงเทพมหานครเป็นหลัก
(เนื่องจากเรามีค่าจ้างขั้นต่ำในปัจจุบันอยู่ 7 อัตราก็เลยขอใช้อัตราในกทม.)
คือวันละ 325 บาท เดือนละ 9,750 บาท
2.
หากปรับค่าจ้างขั้นต่ำจากวันละ 325 บาท
(เดือนละ 9,750 บาท) เป็นวันละ 425 บาท
(เดือนละ 12,750 บาท) จะเพิ่มขึ้นคิดเป็น
30.8 เปอร์เซ็นต์
3.
อัตราเงินเดือนเริ่มต้นตามคุณวุฒิสำหรับคนจบใหม่ในปัจจุบันโดยเฉลี่ยคือ
3.1
ปวช. 11,000 บาท
3.2
ปวส. 13,000 บาท
3.3
ปริญญาตรี 15,000 บาท
4.
ในตารางที่ 1 จะเห็นได้ว่าเราจำเป็นจะต้องปรับอัตราเงินเดือนเริ่มต้นตามคุณวุฒิปวช.เพิ่มขึ้นเนื่องจากจ่ายต่ำกว่าค่าจ้างขั้นต่ำอัตราใหม่
(12,750 บาท)
และเมื่อเป็นอย่างนี้ก็จำเป็นต้องปรับอัตราเงินเดือนเริ่มต้นตามคุณวุฒิปวส.และปริญญาตรีเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ผมจึงใช้เปอร์เซ็นต์เพิ่มขึ้นของการปรับค่าจ้างขั้นต่ำจาก 325 บาทเป็น 425 บาท (เพิ่มขึ้น 30.8 เปอร์เซ็นต์) เป็นตัวคูณอัตราเงินเดือนเริ่มต้นตามคุณวุฒิจึงได้อัตราเงินเดือนเริ่มต้นตามคุณวุฒิใหม่คือ
4.1
ปวช.ปรับเพิ่มขึ้นจาก 11,000*30.8% เป็น 14,385 บาท
4.2
ปวส.ปรับเพิ่มขึ้นจาก 13,000*30.8% เป็น 17,000 บาท
4.3
ปริญญาตรีเพิ่มขึ้นจาก 15,000*30.8% เป็น 19,615 บาท
5.
ในตารางที่ 2 ผมลองคำนวณหาอัตราเงินเดือนเริ่มต้นตามคุณวุฒิต่าง
ๆ โดยกำหนดสมมุติฐานใหม่คือ
5.1
เดิมอัตราเงินเดือนเริ่มต้นตามคุณวุฒิปวช.(11,000) ห่างจากอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (9,750) อยู่ 13 เปอร์เซ็นต์ ผมจึงใช้เปอร์เซ็นต์ความห่างนี้คูณอัตราค่าจ้างขั้นต่ำใหม่คือเดือนละ
12,750*13% จะได้เงินเดือนปวช.อัตราใหม่คือ 14,408 บาท ซึ่งจะทำให้เงินเดือนของปวช.จบใหม่เพิ่มขึ้นจากอัตราเดิม (ที่ 11,000 บาท) ประมาณ 31 เปอร์เซ็นต์
5.2
เดิมอัตราเงินเดือนเริ่มต้นตามคุณวุฒิปวส.(13,000) ห่างจากอัตราเงินเดือนปวช.(11,000) อยู่ 18 เปอร์เซ็นต์ ผมจึงใช้เปอร์เซ็นต์ความห่างนี้คูณอัตราเงินเดือนปวช.ใหม่คือเดือนละ
14,408*18% จะได้เงินเดือนปวส.อัตราใหม่คือ 17,000 บาท ซึ่งจะทำให้เงินเดือนของปวส.จบใหม่เพิ่มขึ้นจากอัตราเดิม (ที่ 13,000 บาท) ประมาณ 31 เปอร์เซ็นต์
5.3
เดิมอัตราเงินเดือนเริ่มต้นตามคุณวุฒิปริญญาตรี
(15,000)
ห่างจากอัตราเงินเดือนปวส.(13,000) อยู่ 15
เปอร์เซ็นต์ ผมจึงใช้เปอร์เซ็นต์ความห่างนี้คูณอัตราเงินเดือนปวส.ใหม่คือเดือนละ
17,000*15% จะได้เงินเดือนปริญญาตรีอัตราใหม่คือ 19,550
บาท ซึ่งจะทำให้เงินเดือนของปริญญาตรีจบใหม่เพิ่มขึ้นจากอัตราเดิม
(ที่ 15,000 บาท) ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์
6.
จากทั้งสองตารางจึงพอจะเห็นตัวเลขผลกระทบของการปรับค่าจ้างขั้นต่ำจากวันละ
325
บาท เป็นวันละ 425 บาทคือ
บริษัทจะต้องปรับอัตราเงินเดือนเริ่มต้นตามคุณวุฒิดังนี้
6.1
อัตราเงินเดือนใหม่ของผู้จบปวช. คือ ประมาณ 14,400 บาทเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 30.9%
6.2
อัตราเงินเดือนใหม่ของผู้จบปวส.คือ ประมาณ 17,000 บาทเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 30.8%
6.3
อัตราเงินเดือนใหม่ของผู้จบปริญญาตรี ประมาณ
19,500
บาทเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 30%
7.
ต้นทุนการจ่ายเงินเดือนที่จะเพิ่มขึ้นเนื่องจากการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ
(รวมทั้งอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่เพิ่มขึ้น) บริษัทต่าง ๆ
เป็นผู้แบกรับไว้แต่เพียงผู้เดียว
สำหรับเปอร์เซ็นต์ที่จะต้องปรับเพิ่มขึ้นสำหรับคนจบใหม่ตามคุณวุฒิต่าง ๆ ข้างต้น
จะเป็นแนวทางให้คนที่ทำงานด้าน Com & Ben ได้คิดคำนวณ Staff
Cost ในด้านต่าง ๆ ที่จะต้องเพิ่มขึ้นแล้วนะครับ
สำหรับต้นทุนที่จะเพิ่มขึ้นในเบื้องต้นผมสรุปมาให้ดังนี้ครับ
1.
ต้นทุนการจ้างพนักงานเข้าใหม่ที่บริษัทจะต้องจ้างเข้ามาเป็น
New
hire หลังจากประกาศค่าจ้างขั้นต่ำ
2.
ต้นทุนในการปรับค่าจ้างพนักงานเก่าที่ถูกจ้างมาด้วยค่าจ้างขั้นต่ำเมื่อปีที่แล้ว
3.
ต้นทุนในการปรับอัตราเงินเดือนเริ่มต้นตามคุณวุฒิต่าง
ๆ ที่ผมบอกไปข้างต้นสำหรับพนักงานที่จะเข้ามาใหม่
4.
ต้นทุนในการปรับเงินเดือนพนักงานเก่าที่เข้ามาก่อนหน้านี้ด้วยอัตราเริ่มต้นตามคุณวุฒิเดิมเพื่อหนีผลกระทบจากการปรับอัตราเงินเดือนเริ่มต้นตามคุณวุฒิคนใหม่ในครั้งนี้
5.
ต้นทุนที่อิงกับฐานเงินเดือน เช่น ค่าล่วงเวลา,
ค่าทำงานในวันหยุด, ค่าล่วงเวลาในวันหยุดที่จะต้องเพิ่มขึ้น,
เงินสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, เงินสมทบกองทุนประกันสังคมในส่วนของบริษัทที่จะต้องจ่ายเพิ่มขึ้น
6.
บริษัทอาจจะต้องกลับมาทบทวนโครงสร้างเงินเดือนและ
Update
โครงสร้างเงินเดือนใหม่
7.
บริษัทอาจจะต้องปรับเงินเดือนพนักงานที่เป็น
Talent
หรือพนักงานที่มีศักยภาพสูงบางคนเพื่อหนีผลกระทบครั้งนี้
8.
อาจมีการปรับค่าจ้างตามทักษะวิชาชีพเพิ่มขึ้น
เท่าที่นึกออกตอนนี้มีเท่านี้ก่อนก็แล้วกัน
หวังว่าข้อคิดความเห็นนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้เกี่ยวข้องที่จะต้องรับผิดชอบงานด้านบริหารค่าตอบแทนที่จะได้นำไปประกอบการวิเคราะห์เพื่อนำเสนอฝ่ายบริหารในการรับมือในกรณีที่มีการปรับค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มขึ้นเป็นวันละ
425 บาทจริงตามข่าว
แต่ถึงแม้ว่าจะไม่มีการปรับค่าจ้างขั้นต่ำสูงถึงวันละ
425 บาทตามข่าว แต่ยังไงก็คงจะต้องมีการปรับค่าจ้างขั้นต่ำอยู่ดีแหละครับซึ่งถ้าตัวเลขในการปรับน้อยกว่าวันละ
425 บาท ท่านก็ยังสามารถนำตารางที่ผมนำเสนอมานี้ไปปรับใช้ให้เป็นไปตามอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่จะปรับใหม่ได้นะครับ
ขอย้ำปิดท้ายอีกครั้งหนึ่งตรงนี้ว่านี่เป็นความคิดเห็นจากคนที่ทำงานด้านนี้โดยตรงไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมืองใด
ๆ และเป็นความเห็นจากประสบการณ์เพื่อให้ข้อคิดกับคนที่จะต้องรับผิดชอบด้านค่าตอบแทนในบริษัทเพื่อเตรียมรับผลกระทบเท่านั้น
....................................