คนส่วนใหญ่ก่อนที่จะเป็นหัวหน้าก็ต้องเคยเป็นลูกน้องมาก่อน
ซึ่งก็น่าจะเข้าใจมุมมองในฝั่งของลูกน้องว่าหลายครั้งจะต่างจากมุมมองทางฟากฝั่งของหัวหน้า
แต่หัวหน้าบางคนพอได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้สูงขึ้นมาเรื่อย
ๆ ก็อาจจะหลงลืมวันเก่า ๆ ที่ตัวเองเคยเป็นลูกน้องว่าเคยมีมุมมองเป็นยังไงเคยรู้สึกยังไงก็เลยเล่นบทหัวหน้าฟากเดียวแบบจัดเต็มจนเกิดปัญหาตามมาอีกหลายเรื่อง
ผมก็เลยนำเอามุมของลูกน้องกลับมาเตือนใจหัวหน้าด้วยมุ่งหวังที่อยากจะให้ทำงานร่วมกันแบบใจเขา-ใจเราอีกครั้งดังนี้ครับ
1. ลูกน้องคือพนักงานคนหนึ่ง
(เหมือนกับหัวหน้า) ไม่ใช่คนรับใช้ที่จะดุด่าว่ากล่าวยังไงก็ได้
การด่าไม่ได้ทำให้งานดีขึ้น
ตำหนิได้แต่อย่าด่าเพราะไม่มีลูกน้องคนไหนอยากถูกหัวหน้าด่าว่าด้วยอารมณ์
2. ลูกน้องยุคนี้ไม่ต้องการหัวหน้าที่เป็นเจ้านาย
แต่ต้องการหัวหน้าที่เป็นพี่เป็นเพื่อน เป็นเหมือนพี่เลี้ยงที่คอยแนะนำ
สอน และช่วยกันแก้ปัญหา
หัวหน้าที่เป็นที่ปรึกษาลูกน้องที่ดีมักจะรักษาลูกน้องที่ดีให้อยู่กับเราได้นานกว่าหัวหน้าที่ทำตัวเป็นเจ้านาย
3. เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งลาออกหรือพ้นสภาพพนักงานไปแล้วก็จบความเป็นหัวหน้ากับลูกน้องทันที
แต่ความเป็นพี่เป็นน้องเป็นเพื่อนจะมีต่อไปได้ถ้าทั้งสองฝ่ายมีใจ (Heart)
ให้กันในตอนที่ทำงานร่วมกัน
4. ลูกน้องที่ไม่ประจบประแจงป้อยอหัวหน้าด้วยคำหวานไม่ได้แปลว่าลูกน้องคนนั้นทำงานไม่ดี
ไม่ควรประเมินผลงานและตัดสินลูกน้องจากบุคลิกภาพ หน้าตา หรือการประจบประแจง
5. ลูกน้องมักแอบนินทาหัวหน้าอยู่เสมอเพราะเม้าท์อะไรก็ไม่มันเท่าเม้าท์หัวหน้า
หัวหน้าจึงควรระวังพฤติกรรมคำพูดคำจาที่แสดงออกกับลูกน้องอยู่เสมอ
เพราะลูกน้องชอบเม้าท์พฤติกรรมที่มีปัญหาของหัวหน้ามากกว่าการเม้าท์พฤติกรรมที่ไม่มีปัญหา
6. ลูกน้องอยากให้หัวหน้าเห็นว่าตัวเองก็เป็นคนสำคัญคนหนึ่งเหมือนกัน
7. ลูกน้องต้องการคำชมเชยจากหัวหน้าเมื่อทำงานได้ดี
และต้องการกำลังใจหรือคำพูดดี ๆ จากหัวหน้าเมื่อเจอปัญหาหนัก
ๆ
8. หัวหน้าที่ลูกน้องชื่นชม
เคารพรัก ศรัทธามักไม่ใช่หัวหน้าที่ทำงานเก่ง
ฉลาดเพียงอย่างเดียวแต่ต้องเป็นหัวหน้าที่มีทัศนคติดี
ควบคุมอารมณ์ได้ดี มีภาวะผู้นำ และมีทักษะในการบริหารคนเป็นหลัก
9. ลูกน้องมักคิดว่าตัวเองทำงานหนัก
เหนื่อย ทุ่มเทเต็มที่แล้ว แต่ทำไมหัวหน้ากลับเห็นความทุ่มเทเหล่านี้น้อยกว่าที่เขาคิด
10. ลูกน้องมักจะเปรียบเทียบตัวเองกับเพื่อน
ๆ อยู่เสมอ โดยเฉพาะเรื่องเงินเดือน โดยเฉพาะสัจธรรมที่ว่า
“เงินเดือนเราได้เท่าไหร่ ไม่สำคัญเท่ากับเพื่อนได้เท่าไหร่” ถ้าหัวหน้าไม่ยุติธรรมในเรื่องนี้ก็มักจะมีปัญหาอีกหลายเรื่องตามมา
11. ลูกน้องไม่ใช่เซเว่นอีเลฟเว่น
ลูกน้องต้องการมีเวลาเป็นของตัวเองบ้างโดยเฉพาะหลังเวลางานไปแล้ว
การเรียกใช้ลูกน้องนอกเวลางานควรเป็นเรื่องสำคัญและเร่งด่วนจริง ๆ ไม่ใช่นึกจะเรียกเมื่อไหร่ก็ได้และคาดหวังว่าลูกน้องจะต้องพร้อมให้จิกได้เสมอตลอด
24
ชั่วโมง
12. เรื่องครอบครัวของลูกน้องเป็นเรื่องอ่อนไหวมาก
ระวังคำพูด การกระทำในทางลบกับครอบครัวของลูกน้อง
เช่น
ลูกน้องมาบอกว่าคุณแม่เป็นมะเร็งระยะสุดท้ายระยะนี้อาจจะต้องมาสายบ้างเพราะต้องดูแลคุณแม่
หัวหน้าก็บอกว่าที่บ้านไม่มีญาติพี่น้องคนอื่นช่วยดูแลบ้างเลยหรือ หรือ คุณคิดว่าจะต้องดูแลคุณแม่ไปอีกกี่เดือน
เป็นต้น
……………………….