เรื่องที่ผมเอามาแชร์ในวันนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นได้อยู่เสมอในองค์กรที่ยังไม่มีความเป็นมืออาชีพ
และไม่มีหลักในการบริหารค่าตอบแทนที่ดี
เรื่องก็มีอยู่ว่านส.วันดี
(นามสมมุติ)
สมัครเข้าทำงานในบริษัทแห่งหนึ่งโดยมีข้อตกลงกันว่าคุณวันดีต้องทำงานสัปดาห์ละ 5 วัน จันทร์ถึงศุกร์ เวลาทำงาน 8.00-18.00
น. (วันละ 9 ชม.ทำงาน) หยุด 2 วันคือเสาร์-อาทิตย์ ได้รับเงินเดือนระหว่างทดลองงานเดือนละ 20,000
บาท (ทดลองงาน 120 วัน)
หลังทดลองงานจะปรับขึ้นให้เป็น 22,000 บาท
แล้วแต่ผลการทำงานในระหว่างทดลองงาน
คุณวันดีก็ตกลงรับเงื่อนไขเข้าทำงาน
แต่พอทำงานผ่านไป 1 เดือนเศษ ๆ ผู้บริหารก็เรียกคุณวันดีไปพบและบอกว่าอยากจะขอให้คุณวันดีลดเงินเดือนลงเหลือเดือนละ
18,000 บาท
และเพิ่มวันทำงานเป็นให้มาทำงานในทุกวันเสาร์เต็มวันอีกต่างหาก โดยให้เหตุผลว่าคุณวันดียังทำงานไม่ได้อย่างที่คุยกันไว้
และบริษัทมีความจำเป็นต้องให้พนักงานทุกคนมาทำงานในวันเสาร์เพิ่มขึ้นไม่ใช่เฉพาะคุณวันดีคนเดียว
คุณวันดีแกก็คงจะงงสตั๊นท์ไปพักหนึ่งแหละครับ
แกก็เลยขอฝ่ายบริหารกลับมาตั้งสติก่อนจะไปให้คำตอบอีกครั้งว่าจะโอเคตามที่ผู้บริหารขอดีหรือไม่
ถ้าท่านเป็นคุณวันดีท่านจะตัดสินใจยังไงครับ
?
ก่อนตัดสินใจผมขอชี้ประเด็นที่สำคัญในเรื่องนี้ก่อน....ดังนี้ครับ
1. การลดค่าจ้างลงโดยลูกจ้างไม่ได้ยินยอมถือเป็นการเปลี่ยนสภาพการจ้างที่ไม่เป็นคุณแก่ลูกจ้างซึ่งผิดกฎหมายแรงงาน
ตามพรบ.แรงงานสัมพันธ์มาตรา 20 “เมื่อข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างมีผลใช้บังคับแล้ว
ห้ามมิให้นายจ้างทำสัญญาจ้างแรงงานกับลูกจ้างขัดหรือแย้งกับข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง
เว้นแต่สัญญาจ้างแรงงานนั้นจะเป็นคุณแก่ลูกจ้างยิ่งกว่า”
2. การขอเพิ่มวันทำงานจากสัปดาห์ละ 5 วันมาเป็นสัปดาห์ละ 6
วัน นั้น นอกจากจะผิดกฎหมายแรงงานตามข้อ 1 แล้ว
ยังทำให้ชั่วโมงการทำงานต่อสัปดาห์เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ละ 45 ชั่วโมง
(ทำงาน 5 วัน ๆ ละ 9 ชั่วโมงไม่รวมเวลาพักกลางวัน
1 ชั่วโมง) มาเป็นสัปดาห์ละ 54 ชั่วโมง
ซึ่งเกินกว่าที่กฎหมายแรงงานกำหนดไว้ตามมาตรา 23 ต้องไม่เกินสัปดาห์ละ
48 ชั่วโมง
เมื่อคุณวันดีรู้อย่างงี้แล้วก็อยู่ที่ตัวของแกเองนะครับว่ายังอยากจะอยู่กับบริษัทที่มีการบริหารจัดการแบบ “ตามใจฉัน” และเอาเปรียบพนักงานอย่างนี้ต่อไปหรือไม่
หรือคุณวันดีจะไปหาบริษัทที่มีการบริหารค่าตอบแทนที่ชัดเจนไม่ชักเข้าชักออกเหมือนบริษัทนี้จะดีกว่า
เพราะนี่ขนาดยังเพิ่งทำงานมาได้แค่เดือนเดียวยังทดลองงานอยู่
ผู้บริหารยังออกลายมาขนาดนี้แล้วถ้าเป็นพนักงานประจำต่อไปจะถูกเอาเปรียบเรื่องอื่นอีกหรือไม่ก็คงต้องไปเล่นเกมวัดดวงกันผู้บริหารบริษัทนี้กันอีกในอนาคตมั๊งครับ
เรื่องที่ผมเล่ามานี้ยังมีให้เห็นได้อยู่เป็นประจำในบริษัทที่มีผู้บริหารที่ไม่เคยเรียนรู้เรื่องเกี่ยวกับกฎหมายแรงงานเลยว่าอะไรบ้างที่ทำไปแล้วจะผิดกฎหมายแรงงาน
ซึ่งในมุมมองของผม ๆ ว่าผู้บริหารในระดับต่าง ๆ
ของบริษัทควรจะต้องหันมาเห็นความสำคัญและให้ความสนใจกับเรื่องเหล่านี้
เพื่อจะได้รู้ว่าอะไรที่ทำได้ อะไรที่ทำไม่ได้ เพราะถ้าผู้บริหารทำอะไรที่ผิดกฎหมายแรงงานอย่างนี้ในยุคนี้เป็นยุคของโลกออนไลน์แล้วนะครับ
บริษัทของท่านก็จะถูกนำขึ้นมาโพสให้สาธารณะเขาได้รับรู้ว่าผู้บริหารของบริษัทปฏิบัติอะไรที่ผิดกฎหมายแรงงานกับพนักงานบ้าง
ซึ่งจะทำให้บริษัทเสียภาพลักษณ์ชื่อเสียงและจะแก้ไขกลับคืนมาก็ยาก
ดังนั้น
ถ้าผู้บริหารในระดับต่าง ๆ
ของบริษัทจะสนใจศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับกฎหมายแรงงานในปัจจุบันก็ไม่ใช่เรื่องยาก
เพียงแต่ท่านพิมพ์สิ่งที่ต้องการรู้เข้าไปในกูเกิ้ล เช่น
“ลดเงินเดือนพนักงานทำได้หรือไม่” ก็จะพอรู้แนวทางบ้างแล้ว
หรือหาเวลาไปเข้าอบรมเรื่องเกี่ยวกับกฎหมายแรงงานบ้างก็จะทำให้ท่านเข้าใจเรื่องเหล่านี้ดีขึ้น
อีกเรื่องหนึ่งคือสไตล์ในการบริหารจัดการแบบ
“ตามใจฉัน”
ฉันเป็นผู้บริหารจะทำยังไงกับลูกน้องก็ได้โดยไม่ต้องมีหลักการหรือมีคุณธรรมใด ๆ
น่ะ ผมรับรองได้ว่าผู้บริหารประเภทนี้จะหาลูกน้องเก่ง ๆ มีฝีมือมาทำงานอยู่ด้วยยาก
หรือแม้มาอยู่ด้วยไม่นานก็มักจะลาออกไป
จะมีเหลือก็เพียงลูกน้องที่ไม่มีที่จะไปและยอมรับการบังคับบัญชาแบบอำนาจนิยมได้ก็อยู่ไปแบบวัน
ๆ ในที่สุดทั้งผู้บริหารและบริษัทนั้น ๆ
ก็จะไม่มีศักยภาพที่ดีขึ้นและเสียความสามารถในการแข่งขันไปในที่สุดครับ
……………………………….