วันพฤหัสบดีที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2556

ปัจจัยที่ทำให้เราไม่ก้าวหน้าในงาน


            ชีวิตการทำงานกับความก้าวหน้าเป็นเรื่องคู่กันจริงไหมครับ เพราะไม่ว่าใครก็ต้องการความก้าวหน้าด้วยกันทั้งนั้น

            เจ้าของกิจการก็อยากจะให้กิจการของตัวเองรุ่งเรืองก้าวหน้ามีรายรับเข้ามาเยอะ ๆ, คนที่เป็นลูกจ้างพนักงานหรือผู้บริหารก็ต้องการความก้าวหน้าในงานในตำแหน่งเพราะมันหมายถึงค่าตอบแทนที่จะเพิ่มสูงขึ้นไปตามตำแหน่ง

            หลายครั้งคนที่ยังไม่สามารถก้าวหน้าไปในตำแหน่งหน้าที่การงานอย่างที่ใจคาดหวังก็มักจะพูดทำนองนี้ให้ผมได้ยินอยู่บ่อย ๆ ....

            “ทำงานมาหลายปีแล้วแต่เงินเดือนน้อยจังเลย” หรือ “เมื่อไหร่หัวหน้าจะเลื่อนตำแหน่งให้ซะทีนะ” หรือ “เราก็ทำงานหนักขนาดนี้แล้วทำไมบริษัทยังไม่เห็นฝีมืออีก....” และ ฯลฯ

            ผมอยากจะให้ท่านลองนั่งนิ่ง ๆ ทำใจร่ม ๆ แล้วลองหันกลับมาทบทวนตัวเองแล้วคิดในมุมมองใหม่ดังนี้

1.      “ทัศนคติ” ของตัวท่านยังเป็นบวกมากกว่าลบ หรือเป็นลบมากกว่าบวก ผมว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่สุดในบรรดาทุก ๆ เรื่องที่จะพูดต่อไป เพราะมีคำพูดหนึ่งที่เป็นจริงอยู่เสมอก็คือ “ทัศนคติคือทุก ๆ อย่างในชีวิต” คนที่ประสบความสำเร็จได้จำเป็นจะต้องมีทัศนคติหรือวิธีคิดในเชิงบวกให้มากกว่าลบ ดังนั้นถ้าเราคิดหรือมองทุก ๆ เรื่องรอบตัว (รวมทั้งเรื่องความก้าวหน้าของตัวเอง) ในเชิงลบ เราจะไม่เห็นโอกาสอะไรเลยสักอย่าง แต่ถ้าเราคิดเชิงบวกให้มากหน่อย เราจะเห็นโอกาสในทุก ๆ ปัญหาอยู่เสมอครับ

ดังนั้น หากเราไม่ชอบอะไรเราสามารถที่จะคิดเปลี่ยนแปลงสิ่งใด ๆ ก็ได้ แต่ถ้าเรื่องนั้น ๆ มันเกินกำลังที่เราจะเปลี่ยนมันได้ วิธีที่ดีที่สุดก็คือ “เปลี่ยนความคิดของเราต่อสิ่งนั้นเสียใหม่” แล้วหาวิธีปรับตัวให้เหมาะกับสิ่งนั้นสิครับ

2.      ค้นหาว่าตัวเรามีความสามารถอะไรอยู่บ้าง คำว่าความสามารถก็คือ “Competency” นั่นเอง ซึ่งความสามารถก็มักจะประกอบด้วย 3 เรื่องคือ KSA หมายถึงท่านมีความรู้ (Knowledge) ในงานที่เหมาะสมที่จะทำงานนั้น ๆ ให้ได้ดีบ้าง, ท่านมีทักษะ (Skills) หรือความเชี่ยวชาญชำนาญในงานที่ท่านปฏิบัติได้เป็นอย่างดีบ้าง และท่านมีคุณลักษณะภายใน (Attributes)ที่เป็นแรงขับเคลื่อนภายในที่จะทำให้งานนั้นประสบความสำเร็จ เช่น ความขยัน, ความอดทน, ความซื่อสัตย์, ความรับผิดชอบ, ความละเอียดรอบคอบ ฯลฯ ที่จะมีส่วนเสริมส่งให้งานที่ท่านทำบรรลุผลสำเร็จได้เป็นอย่างดีบ้าง

ลองหันกลับมาทบทวนค้นหาขีดความสามารถในตัวเองให้เจอว่าเรามีความรู้, ทักษะ และคุณลักษณะภายในเหมาะที่จะทำงานในด้านไหนกันแน่ แล้วพัฒนาเจ้า KSA นั้นไปให้เต็มที่เต็มศักยภาพที่ท่านมีและใช้ความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะที่มีภายในตัวให้ตรงกับงานที่ท่านรับผิดชอบอยู่อย่างเต็มที่ ท่านก็จะประสบความสำเร็จได้แน่นอนครับ

3.      ไม่ควรทำงานเหมือน ๆ เดิมทุกวัน ท่านลองใช้ความสามารถที่มีจากข้อ 2 มาคิดทบทวนงานที่รับผิดชอบดูว่างานที่เราทำมานั้นได้เวลาจะทบทวนปรับปรุงให้มันดีขึ้นกว่าเดิมหรือไม่

เราไม่ควรทำงานวันนี้ให้เหมือนเมื่อเดือนที่แล้ว, เมื่อปีที่แล้วเราก็ทำอย่างนี้แหละ, เผลอ ๆ เมื่อห้าปีที่แล้วเราก็ทำงานแบบเดิมนี้อยู่โดยไม่เคยคิดปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอะไรให้มันดีขึ้นไปบ้างเลย ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วใครเขาจะมาเห็นว่าเรามีฝีมือล่ะครับ เพราะเราทำงานไปแบบอัตโนมัติทุก ๆ วันไม่มีอะไรแสดงให้ฝ่ายบริหารเขาเห็นว่าต้องใช้ฝีมืออะไรเพิ่มขึ้น

ผมเปรียบเทียบกับห้างสรรพสินค้าก็ได้ครับ แม้จะมีการขายของอยู่ทุกวันจนเป็นงานประจำ (Routine) คือขายสินค้า แต่ห้างต่าง ๆ เขาก็ยังต้องมีการปรับเปลี่ยนมุมขายสินค้า, เปลี่ยนการวางสินค้าในชั้นวาง, เปลี่ยนการจัดอีเว้นท์ (Event) ต่าง ๆ อยู่เสมอเพื่อไม่ให้ลูกค้ารู้สึกจำเจ

แล้วท่านล่ะ ถ้าลูกค้าของท่านคือหัวหน้างาน เขาเห็นท่านทำงานอยู่เหมือนเดิม ๆ โดยตลอดเขาไม่จำเจแย่หรือครับ

4.      เปลี่ยนมุมมองและวิธีการทำงานใหม่ ก็เลยมาถึงข้อนี้ โดยผมอยากให้ข้อคิดว่าท่านลองกลับมุมมองใหม่ โดยมองหัวหน้าของท่านเป็นลูกค้า แล้วท่านเป็นผู้ขายหรือเจ้าของสินค้า (ซึ่งก็คืองานที่จะต้องนำเสนอหัวหน้านั่นแหละ) ท่านเคยปรับปรุงสินค้าหรือบริการให้มีอะไรแปลกใหม่แล้วนำกลับไปเสนอลูกค้า (ซึ่งก็คือหัวหน้า) ของท่านบ้างหรือเปล่า อย่างน้อยสักปีละครั้งท่านควรจะนำงาน (เปรียบเสมือนสินค้า) ที่ท่านลองคิดปรับปรุงให้ดีขึ้น ไปเสนอพูดคุยกับหัวหน้า (เปรียบเสมือนลูกค้ารายใหญ่) ดูว่าเขาต้องการสินค้า (หรืองาน) แบบนี้หรือไม่

ถ้าไม่ใช่เขาต้องการให้เป็นแบบไหน นี่คือการทำงานแบบเชิงรุก (Proactive) ที่ไม่ใช่การทำงานแบบเชิงรับ (Reactive) ซึ่งผมเชื่อว่าจะมีอะไรที่ดีขึ้นกว่าการที่จะคอยแต่รอรับคำสั่งเพียงอย่างเดียวนะครับ

แต่ทั้งหมดที่บอกมาข้างต้นก็มีปัจจัยหลักสำคัญอยู่ที่ “ทัศนคติ” ของแต่ละคน เพราะปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้เราก้าวหน้าไปได้มากน้อยแค่ไหนนั้นก็คือ “ตัวของเราเอง” ที่จะคิดจะวางแผนยังไงกับเส้นทางเดินในชีวิตของเราเองจริงไหมครับ

นี่ก็เข้าปีใหม่แล้วผมว่าเราลองมาคิดปรับปรุงอะไรใหม่ ๆ ให้ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาจะดีไหมครับ ?

 

…………………………………