ก่อนหน้านี้ผมเคยเขียนเรื่องสาเหตุและแนวทางลดผลกระทบ Great Resignation หลังโควิด 19 ไปแล้ว วันนี้ได้มาอ่านบทความชิ้นหนึ่งที่น่าสนใจใน Forbs ออนไลน์ ชื่อ “Why Millennials and Gen Z are Leading The Great Resignation Trend” เห็นว่าน่าสนใจก็เลยเอามาถอดความตามแบบฉบับของผมแบบเอาแต่เนื้อหามาเล่าสู่กันฟังอย่างนี้ครับ
“....จากการเพิ่มขึ้นของการทำงานที่เปลี่ยนไปจากเดิมมาเป็นการทำงานที่ไหนก็ได้
ก็เลยทำให้การสลับสับเปลี่ยนงานเป็นเรื่องที่ง่ายมากขึ้นจนเกิดคำว่า “Great
Resignation” หรือการลาออกครั้งใหญ่ ก็เลยมีผลให้บริษัทต่าง ๆ
(ในสหรัฐอเมริกา) มีอัตราการลาออกเพิ่มขึ้น
จากการสำรวจของ
CareerBuilder
ได้วิเคราะห์คุณลักษณะที่แตกต่างกันของคนแต่ละรุ่นและอายุงานที่คนแต่ละรุ่นจะอยู่กับองค์กรไว้ดังนี้
คนรุ่น Baby Boomers
คือคนที่เกิดระหว่างปี
1946-1964
(2489-2507) คนรุ่นนี้จะมีอายุงานอยู่ในองค์กรเฉลี่ย 8.3 ปี
เป็นคนรุ่นที่เกิดและเติบโตมาหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงนำไปสู่การมองโลกในแง่ดีว่าจะมีความเจริญก้าวหน้ายิ่งกว่าเดิมที่ยากลำบากในช่วงสงครามโลก
อย่างเช่นการไปสำรวจดวงจันทร์ เห็นความสำคัญของสิทธิมนุษยชนมากขึ้น มีคติในเรื่อง American
Dream (ในอเมริกา)
สิ่งเหล่านี้จึงทำให้คนรุ่น Baby Boomers รู้สึกว่าเขาได้ทำงานงานที่ดี
มีค่าจ้างที่ดีขึ้น ชีวิตดีขึ้นกว่าเดิม สะดวกสบายมั่นคงมากขึ้นก็เลยไม่ได้รู้สึกว่าอยากจะลาออกจากงาน
คนรุ่น X
คือคนที่เกิดระหว่างปี 1965-1980 (2508-2523) คนรุ่นนี้จะมีอายุงานในองค์กรเฉลี่ย
5.2 ปี และจะมีวัฒนธรรมบางอย่างเข้ามามีผลกระทบทำให้ทัศนคติในการทำงานของคนรุ่นนี้เปลี่ยนไป
คือได้รับโอกาสในการศึกษาให้เล่าเรียนได้ในระดับสูงสุด (ในอเมริกา)
มากกว่าคนรุ่นก่อนหน้านี้, มีการทลายกำแพงเบอร์ลินลง, มีสัญลักษณ์ของอิสรภาพ
เสรีภาพและชัยชนะ มีวิกฤติการณ์ด้านพลังงาน
คนรุ่น X จะมีความพอเพียง
มีความเป็นส่วนตัวสูง มีไหวพริบ จะให้ความสำคัญกับการทำงานแบบอิสระแต่ต้องมีความรับผิดชอบสูงมากที่สุดด้วย
คนรุ่นนี้จะยอมรับเรื่องของกฎเกณฑ์ระเบียบต่าง ๆ
และต้องการให้ตัวเองมีอำนาจในการตัดสินใจได้ตามตำแหน่งงานที่รับผิดชอบ
มีความพร้อมจะทำงานหนักได้เพื่อให้งานสำเร็จลุล่วงตามเป้าหมาย
คนรุ่นนี้เป็นคนที่ผ่านช่วงเวลาที่เศรษฐกิจมีปัญหาหนัก
ๆ มาในปี 1980
(2523) จะมีความผูกพันกับองค์กรน้อยกว่าคนรุ่น Baby Boomers แต่ก็ยังมีความภักดีต่อองค์กรสูงกว่าคนรุ่นถัดจากนี้ไป
รุ่น Millennials
คนรุ่นนี้เกิดระหว่างปี 1981-1995 (2524-2538) จะมีอายุงานเฉลี่ย
2.9 ปี มีอยู่ประมาณ 72 ล้านคนในสหรัฐอเมริกา
คน Millennials จะเป็นคนทำงานที่เป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดในบรรดาคนทุกรุ่น
Millennials เติบโตมาโดยสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปทำให้มีผลกระทบต่อพฤติกรรมของคนรุ่นนี้
เช่น เกิดเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่เมื่อเดือนธันวาคม 2007 (2550) ถึงมิถุนายน 2009 (2552),
ผลกระทบจากค่าจ้างและค่าครองชีพปรับสูงขึ้นต่อเนื่องหลายปี,
มีการเติบโตทางเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดด, ปัญหาการก่อการร้ายที่เพิ่มสูงขึ้น,
อัตราการหย่าร้างเพิ่มขึ้น
ปัจจุบันคนรุ่น
Millennials
เป็นประชากรกลุ่มใหญ่สุดในสหรัฐอเมริกาจะไม่ต้องการทำงานอยู่ในองค์กรไหนเป็นเวลานาน
ๆ พวกเขาต้องการเปลี่ยนงานบ่อยเพราะอยากได้งานที่เปลี่ยนไปจากเดิม
คนรุ่นนี้ต้องการเรื่องของ Work-life balance โดยเฉพาะหลังการระบาดของโควิด
ต้องการความได้เปรียบในการควบคุมนโยบายเกี่ยวกับการทำงานอย่างให้สอดคล้องกับยุคสมัย
คนรุ่น
Millennials
กำลังก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในตำแหน่งสำคัญ ๆ ในขณะที่คนรุ่น Z กำลังเข้าสู่องค์กร
คนรุ่น Z (หรือ
Zers)
เกิดระหว่างปี 1996-2012 (2539-2555) คนรุ่นนี้จะมีความผูกพันกับงานน้อยกว่าคนทุกรุ่นข้างต้น
อายุงานโดยเฉลี่ยในองค์กรประมาณ 2.3 ปี
คนรุ่นนี้เป็นคนรุ่นใหม่ที่กำลังก้าวเข้าสู่การทำงาน
เกือบทั้งหมดของคนรุ่น
Zers เกิดหลังจากเหตุการณ์ 911 เติบโตมาในช่วงที่มีการเชื่อมต่อของโลกทั้งใบไว้ด้วยมือถือที่มีความสำคัญมากกว่าคอมพิวเตอร์ในยุคก่อนหน้านี้
คนรุ่น Zers ต้องการการระบบการให้รางวัลที่รวดเร็วทันใจ
จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ไม่อยากจะทำงานอยู่ในองค์กรเดิมนานเกินไป อย่างไรก็ตามคนรุ่น
Zers ยังมีความระมัดระวังด้านความเสี่ยงสูงกว่าพวก Millennials
คนรุ่น Zers อายุยังน้อยจึงต้องการผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับวัฒนธรรมในองค์กร,
ต้องการค้นหางานที่ใช่สำหรับตัวเอง ถ้าพบว่างานที่ทำยังไม่ใช่ หรืองานที่ทำยังไม่มีคุณค่ากับตนเองเพียงพอ
ก็พร้อมที่จะลาออกจากองค์กรไปหางานใหม่ได้อย่างรวดเร็ว
นี่คือความสำคัญเกี่ยวกับลักษณะของคนแต่ละรุ่นซึ่งองค์กรจำเป็นต้องเข้าใจความแตกต่างเพื่อหาวิธีการที่เหมาะสมในการรักษาคนทำงานเอาไว้ให้ได้....”
จากที่เล่าสู่กันฟังข้างต้นก็หวังว่าจะเป็นข้อคิดในการนำมาเปรียบเทียบกับองค์กรของท่านดูว่าเรามีสัดส่วนของคนแต่ละรุ่นอยู่เป็นจำนวนมาก-น้อยแค่ไหน
เพื่อหาวิธีบริหารจัดการด้านการรักษาคนในแต่ละรุ่นที่มีคุณภาพให้ยังคงอยู่ทำประโยชน์กับองค์กรไปในระยะยาวให้ได้ดีที่สุดนะครับ